เมื่อไม่ได้รับการยอมรับ
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
อสค 2:2-5
2 คร 12:7-10
มก 6:1-6
|
บทนำ
ปี 1960 ได้เกิดการเบียดเบียนศาสนาที่ประเทศซูดานในทวีปแอฟริกา
ทำให้เด็กชายผิวดำคนหนึ่งชื่อ ปาไรด์ ทาบัน (Paride
Taban) หนีภัยไปอยู่ประเทศอูกันดา ทาบันได้เข้าบ้านเณรและต่อมาได้บวชเป็นพระสงฆ์ที่อูกันดา
เมื่อเหตุการณ์ที่ซูดานบ้านเกิดสงบลง
คุณพ่อทาบันได้เดินทางกลับบ้านเกิด และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสที่หมู่บ้านพาโลตากา
แต่ชาวพาโลตากาไม่ยอมรับ เนื่องจากพวกเขาไม่เคยมีพระสงฆ์ผิวดำมาก่อน
พวกเขาคุ้นเคยแต่พระสงฆ์ผิวขาวที่นำเสื้อผ้า ยารักษาโรค และสิ่งของมาให้ ขณะที่คุณพ่อทาบันเป็นชนเผ่ามาดี
(Madi) ยากจนเหมือนพวกเขาและไม่มีอะไรมาให้ เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก
เมื่อคุณพ่อทาบันอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพระศาสนจักรหลังสังคายนาวาติกันที่สอง
ยิ่งทำให้พวกเขายากจะยอมรับ พูดกันว่า “ชายหนุ่มผิวดำคนนี้ หันพระแท่นมาหาเราและถวายมิสซาด้วยภาษาของเรา
ไม่ใช่ภาษาลาตินที่เราเคยได้ยิน เขาไม่ใช่พระสงฆ์แท้”
เรื่องราวของคุณพ่อทาบัน เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงการปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมชาติ
เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าที่ถูกชาวนาซาเร็ธปฏิเสธและไม่ยอมรับ
เมื่อพระองค์เสด็จกลับนาซาเร็ธบ้านเกิดของพระองค์ พวกเขาพูดกันว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน...
คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ...
พี่สาวน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” (มก 6: 2-3) พวกเขาได้ปฏิเสธและไม่ยอมรับพระองค์
1. เมื่อไม่ได้รับการยอมรับ
พระวรสารวันนี้กล่าวถึงเรื่องราวของพระเยซูเจ้า
กับสถานการณ์ตึงเครียดในศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธ สถานที่ที่พระองค์เคยเจริญวัย
ชาวนาซาเร็ธไม่ต้อนรับพระองค์และปฏิเสธที่จะฟังพระองค์ ทั้งนี้เพราะอคติและจิตใจคับแคบของพวกเขา
ที่คิดว่าพระองค์เป็นแค่ลูกของช่างไม้ชื่อโยเซฟ และแม่ชื่อมารีย์หญิงชาวบ้านที่ไม่มีอะไร
แล้วพระองค์ได้ปรีชาญาณนี้มาจากไหน พวกเขาอยากให้พระองค์แสดง (อัศจรรย์)
ให้พวกเขาได้เห็นว่าพระองค์เป็นพระผู้ไถ่แท้จริง
พระเยซูเจ้ารู้ถึงความต้องการของชาวนาซาเร็ธจึงตรัสว่า
“ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยาม นอกจากในถิ่นกำเนิด
ท่ามกลางวงศ์ญาติและในบ้านของตน”
(มก 6:4) นี่เป็นความจริงที่ทิ่มแทงใจดำของพวกเขา เราอาจตกในบาปเดียวกันกับชาวนาซาเร็ธคือ
“บาปความใจแคบ” จิตใจที่ริษยาและคับแคบทำให้มองไม่เห็นด้านดีของผู้อื่นหรือสิ่งอื่น
พระเยซูเจ้าทรงตอบปัญหานี้ด้วยพระองค์เองเมื่อตรัสว่า
“ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ และผู้รับใช้ย่อมไม่อยู่เหนือนาย” (มธ 10:24) นั่นหมายความว่าเมื่อประชาชนปฏิเสธพระองค์
เราไม่ควรแปลกใจหากเราถูกปฏิเสธบ้าง
โดยเฉพาะเมื่อเรายืนหยัดในหลักศีลธรรมและความถูกต้องชอบธรรม อาทิ
การต่อต้านการทำแท้ง การไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง และความอยุติธรรมในสังคม
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องกล้าเผชิญหน้ากับการไม่ยอมรับและมองโลกในแง่ดี การไม่ได้รับการยอมรับของพระเยซูเจ้าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
เราแต่ละคนมีประสบการณ์การถูกปฏิเสธ การทรยศหักหลัง การอย่าร้าง การไม่เชื่อฟัง การถูกทอดทิ้ง
ฯลฯ ให้เรามองดูในอีกด้านหนึ่ง เราอาจไม่ได้เป็นตัวแทนที่ดีของพระเจ้าหรือมองไม่เห็นพระเจ้าในตัวบุคคลอื่น
เพราะอคติและความใจแคบที่มองเพียงชาติกำเนิดหรือฐานะทางสังคม
ประการที่สอง
เราต้องเผชิญหน้ากับการไม่ยอมรับด้วยท่าทีที่ถูกต้อง ด้วยการยอมรับตัวเราเองและผู้อื่น
มิใช่ด้วยความโกรธฉุนเฉียวอย่างที่เราเคยกระทำ
เราต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเรามิใช่คนดีพร้อมและไม่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้
แต่เราต้องมีความอดทนในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ในทุกวิกฤตมีโอกาสที่เราสามารถเรียนรู้
และเปลี่ยนให้เป็นสิ่งดีงามสำหรับชีวิตเราได้
ประการที่สาม เราต้องตระหนักถึงความดีของพระเจ้าท่ามกลางเรา พระเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นพยานแห่งความดีกับบุคคลที่เรารักและใกล้ชิดเรา
อาทิ สมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้านและผู้ร่วมงาน เราต้องกล้ายืนหยัดถึงความจริงและความถูกต้องของพระคริสตเจ้า
ไม่เงียบเฉยต่อความอยุติธรรมและความไม่ถูกต้องของสังคม
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยใจกว้าง
ด้วยท่าทีของความเป็นพี่น้องให้สมกับการเป็นลูกของพระบิดาเจ้าองค์เดียวกัน มองเห็นความดีของกันและกันโดยปราศจากอคติ โดยเฉพาะในสังคมที่มีการแบ่งสีเลือกข้าง
ความรักของพระเจ้าไม่เคยแบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มียิวหรือกรีก
ไม่มีทาสหรือไท แต่ทุกคนเป็นพี่น้องกัน
ศิษย์พระคริสต์ต้องมองเห็นคุณค่าและความดีของกันและกัน
ตระหนักในความจริงที่ว่า “ไม่มีใครดีพร้อมและไม่มีใครเลวแบบหาดีไม่ได้ ดังคติที่ว่า
“ในชั่วมีดี ในดีมีชั่ว” หรือ “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” เราไม่ควรตัดสินใครด้วยอคติหรือมองผู้อื่นเพียงแค่ชาติกำเนิดหรือฐานะทางสังคม
แต่ให้มองผู้อื่นในด้านบวก ดังคำสอนของท่านพุทธทาสที่ว่า
“เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา
จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างอย่างน่าดู
ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย”
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, พรรรณานิคม
07 กรกฎาคม 2018
ที่มาภาพ: http://thechurchinmalta.org/en/posts/46818/the-gospel-of-the-day---4th-february#pid=1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น