วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

เราถูกส่งไปประกาศข่าวดี


เราถูกส่งไปประกาศข่าวดี
วันพฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
1พกษ 2:1-4, 10-12
มก 6:7-13
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงส่งบรรดาอัครสาวกเป็นคู่ๆ ออกไปประกาศข่าวดี และทรงให้คำแนะนำสำหรับพันธกิจที่ทรงมอบหมาย “มิให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่มีอาหาร ไม่มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินในไถ้... ไม่ให้เอาเสื้อสำรองไปด้วย” (มก 6:8-9) ทรงต้องการให้พวกเขาละทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นและเป็นภาระ เพื่อการประกาศข่าวดีอย่างมีประสิทธิภาพ วางใจในพระเจ้าและพระญาณสอดส่องของพระองค์
บรรดาอัครสาวกต้องประกาศข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้า ที่ทรงประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอดจากพันธนาการแห่งบาป ผ่านทางพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูเจ้า ประกาศข่าวดีแห่งการกลับใจใช้โทษบาป ด้วยการเปลี่ยนแปลงจิตใจและแสดงออกในภาคปฏิบัติ ในความสมถะ เรียบง่าย ไม่หวังสิ่งตอบแทน และเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ยากจนและถูกทอดทิ้ง อีกทั้ง ขับไล่ปีศาจและรักษาคนเจ็บป่วยให้หายอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ
พระเยซูเจ้ายังทรงให้คำแนะนำสำคัญสำหรับบรรดาอัครสาวก ในการเผชิญหน้ากับความล้มเหลว ความผิดหวัง และการไม่ได้รับการต้อนรับเมื่อพวกเขาออกไปประกาศข่าวดี ปัญหาเหล่านี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือ วางปัญหาทุกอย่างไว้ สลัดฝุ่นจากเท้าไว้เบื้องหลัง และไปประกาศข่าวดียังหมู่บ้านอื่น การสลัดฝุ่นจากเท้าแสดงถึงการไม่นำเอาความล้มเหลวนั้นมาเป็นปัญหาบั่นทอนจิตใจ
คริสตชนแต่ละคนถูกส่งไปประกาศข่าวดี ผ่านทางศีลล้างบาปที่เราได้รับ เราได้รับเรียกให้มาเป็นศิษย์ติดตามและเลียนแบบพระเยซูเจ้า อีกทั้งถูกส่งไปประกาศข่าวดีแก่โลก เพื่อประกาศพระนามของพระองค์ (มิใช่ประกาศตัวเรา) แบ่งปันประสบการณ์ที่เรามีกับพระองค์ผ่านทางชีวิตของเรา แสดงออกให้เห็นถึงความรัก ความเมตตากรุณา ความห่วงใย และการให้อภัยของพระองค์ต่อทุกคนที่เราพบ
พระเยซูเจ้าทรงเรียกและทรงส่งบรรดาอัครสาวกไปประกาศข่าวดีแก่โลก พันธกิจและข่าวดีนี้ได้รับการส่งต่อสู่ผู้เป็นศิษย์ติดตามพระองค์ทุกคน ศิษย์พระคริสต์ต้องติดตามพระองค์ทุกวันและนำข่าวดีไปบอกแก่ทุกคนให้ทราบ ก่อนอื่นหมด เราต้องเชื่อในข่าวดีและเจริญชีวิตเป็นข่าวดีสำหรับผู้อื่น นำข่าวดีแห่งความรัก ความยุติธรรม และการให้อภัยไปสู่ทุกคนในครอบครัว ที่ทำงาน หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
31 มกราคม 2018
ภาพ: การส่งธรรมทูตไปแพร่ธรรม, พระสังฆราชก้มลงจูบเท้าธรรมทูต

วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

เมื่อถูกปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับ


เมื่อถูกปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับ
วันพุธ
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
2ซมอ 24: 2, 9-17
มก 6:1-6
พระวรสารวันนี้ กล่าวถึงเรื่องราวของพระเยซูเจ้ากับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธที่พระองค์เคยเจริญวัย ชาวนาซาเร็ธไม่ต้อนรับพระองค์และปฏิเสธที่จะฟังพระองค์ เนื่องจากอคติและจิตใจคับแคบของพวกเขาที่คิดว่าพระองค์เป็นแค่ลูกช่างไม้ชื่อโยเซฟ แม่ชื่อมารีย์หญิงชาวบ้านและพี่น้องชายหญิงที่พวกเขารู้จักดี แล้วพระองค์ได้ปรีชาญาณนี้มาจากไหน พวกเขาอยากให้พระองค์แสดงอัศจรรย์อย่างที่ทรงกระทำในที่อื่นให้ได้เห็น
พระเยซูเจ้าทรงรู้ถึงความต้องการของชาวนาซาแร็ธ ทรงตรัสว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยาม นอกจากในถิ่นกำเนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติและในบ้านของตน” (มก 6:4) นี่คือความจริงที่ทิ่มแทงใจดำของพวกเขา เราอาจตกในบาปเดียวกันกับชาวนาซาแร็ธคือ “บาปของความใจแคบ” จิตใจที่ริษยาและคับแคบทำให้มองไม่เห็นด้านดีของผู้อื่นหรือสิ่งอื่น  เราต้องไม่แปลกใจหากเราถูกปฏิเสธบ้าง โดยเฉพาะเมื่อเรายืนหยัดในหลักศีลธรรมและความถูกต้อง
การถูกปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับของพระเยซูเจ้า เป็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา แต่ละคนมีประสบการณ์ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธ การทรยศหักหลัง การอย่าร้าง การไม่เชื่อฟัง การถูกทอดทิ้ง ฯลฯ ให้เรามองดูในอีกด้านหนึ่ง เราอาจไม่ได้เป็นตัวแทนที่ดีของพระเจ้า หรือบ่อยครั้งเราอาจมองไม่เห็นพระเจ้าในตัวบุคคลอื่น เพราะอคติและความใจแคบของเรา ที่มองแต่เพียงชาติกำเนิด หรือฐานะทางสังคมที่ปรากฎภายนอก
เราต้องเผชิญหน้ากับการถูกปฏิเสธด้วยท่าทีที่ถูกต้อง ด้วยการยอมรับตัวเองและผู้อื่น เรียนรู้ความจริงที่ว่า ไม่มีใครดีพร้อมและไม่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้ เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องมีความอดทนในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ในทุกวิกฤตมีโอกาสที่เราสามารถเรียนรู้และเปลี่ยนให้เป็นสิ่งดีงามสำหรับชีวิตได้เสมอ ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยใจกว้าง ด้วยท่าทีของความเป็นพี่น้อง  มองเห็นความดีของกันและกันโดยปราศจากอคติ โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่มีความแตกแยก
ความรักของพระเจ้าไม่เคยแบ่งแยก เลือกที่รักมักที่ชัง ทุกคนล้วนเป็นพี่น้องกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องมองเห็นคุณค่าและความดีของกันและกัน ตระหนักในความจริงว่าไม่มีใครสมบูรณ์ครบครันและไม่มีใครเลวแบบหาดีไม่ได้ เราไม่ควรตัดสินใครด้วยอคติ มองผู้อื่นเพียงแค่ชาติกำเนิด หรือฐานะทางสังคมภายนอก แต่มองผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์ เมื่อเรามีใจบริสุทธิ์แล้ว เราสามารถไปไกลกว่าสิ่งที่ปรากฎต่อหน้า และมองเห็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในทุกสิ่ง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
30 มกราคม 2018
ภาพ: ตู้ศีลวัดวนาสามัคคี, อุ่มจาน กุสุมาลย์, สกลนคร; 2018-01-26

วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561

ความเชื่อเป็นคำตอบ


ความเชื่อเป็นคำตอบ
วันอังคาร
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
2ซมอ 18:9-10, 14; 24-25, 30-19:3
มก 5:21-43
พระวรสารวันนี้ นักบุญมาระโกได้เล่าการทำอัศจรรย์ซ้อนอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้า การปลุกบุตรสาวของไยรัสให้ฟื้นจากความตาย และการรักษาหญิงที่ตกเลือดรื้อรังมาสิบสองปี ทั้งสองกรณีดูคล้ายกับว่าทั้งคู่หมดหวัง แต่ความเชื่อในพระเยซูเจ้าเป็นคำตอบ “ลูกเอ๋ย ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุข หายจากโรคเถิด” (มก 5:34) เช่นเดียวกับกรณีของไยรัสเมื่อทราบข่าวว่าบุตรสาวตายแล้ว “อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด” (มก 5:36)
มาระโกเล่าอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำเพื่อต้องการชักจูงผู้ฟังชาวโรมัน ให้เชื่อในพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนม์ชีพ ซึ่งเป็นจุดประสงค์สำคัญในการเขียนพระวรสารของท่าน: 1) การบังคับลมพายุ แสดงถึงอำนาจเหนือธรรมชาติ, 2) การขับไล่ปีศาจที่เกราซา แสดงถึงอำนาจเหนือปีศาจ, 3) การรักษาหญิงตกเลือด แสดงถึงอำนาจเหนือโรคภัยไข้เจ็บ และ 4) การปลุกบุตรสาวของไยรัส แสดงถึงอำนาจเหนือความตาย
พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นถึงอำนาจยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในการรักษาหญิงที่เป็นโรคตกเลือดและปลุกบุตรสาวของไยรัสให้ฟื้นคืนชีพ ทรงแสดงให้เห็นถึงความรักและความเมตตาของพระเจ้า ผ่านการสัมผัสแบบมนุษย์ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งพระพรของพระองค์ ความกลัว ความสิ้นหวังและเป็นไปไม่ได้ในสายตาของมนุษย์ ได้กลายเป็นความหวังและเป็นไปได้เสมอเมื่อเราหันมาพึ่งพระเจ้าและเชื่อในพระองค์
หญิงที่ป่วยเป็นโรคตกเลือดและไยรัสได้กระทำมากกว่าความเชื่อวางใจ ด้วยการมาหาพระเยซูเจ้า ร่วมมือกับพระองค์ทำส่วนของตนให้ดีที่สุด ในห้วงเวลาที่สิ้นหวัง เราต้องหันมาหาพระเยซูเจ้า เลียนแบบอย่างพระองค์ในความเมตตา และปฏิบัติต่อคนที่เจ็บป่วยด้วยความรัก นี่คือพันธกิจแห่งการเยียวยารักษาของพระศาสนจักร การดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก เห็นอกเห็นใจ เมตตากรุณา เยี่ยมเยียนและอยู่กับเขา เป็นโอสถชั้นดีที่คนป่วยต้องการมากที่สุด
ศิษย์พระคริสต์ต้องมีความเชื่อวางใจในพระเยซูเจ้า ออกแรงทำส่วนของตนให้ดีที่สุด ทรงประสงค์ให้เราได้แบ่งปันและแสดงออกถึงความรักกับเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นคนเจ็บป่วย คนที่กำลังทุกข์ร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ให้เราได้มอบความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมในพระองค์ผู้ทรงชีวิต เจริญชีวิตในความรักต่อพระองค์และต่อกันและกันในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
29 มกราคม 2018
ภาพ: ส่งศีลมหาสนิทและอวยพรคนป่วย, วัดป่าพนาวัลย์, ท่าแร่ สกลนคร; 2017-12-23

วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

ผู้นำสารแห่งความเมตตา


ผู้นำสารแห่งความเมตตา
วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
2ซมอ 15:13-14, 30; 16:5-13
มก 5:1-20
พระวรสารวันนี้ นักบุญมาระโกได้เล่าการทำอัศจรรย์ขับไล่ปีศาจของพระเยซูเจ้าเป็นครั้งที่ 4 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในดินแดนของชาวเกราซา ซึ่งเป็นดินแดนของคนต่างศาสนา ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบเยเนซาแร็ธ เมื่อพระองค์และบรรดาศิษย์ขึ้นฝั่ง คนที่ถูกปีศาจสิงที่ถูกตัดขาดจากสังคม อาศัยอยู่ตามหลุมศพ ไม่มีใครควบคุมเขาได้ ได้วิ่งมาหาพระองค์และทูลขอพระองค์มิให้ทรมานเขา
ปีศาจที่สิงอยู่ในชายที่น่าสงสารรู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรพระเจ้าผู้สูงสุด ทราบดีว่าพระองค์ทรงอำนาจสามารถขับไล่มันได้ พระองค์ทรงสั่งให้มันออกจากชายนั้น มันได้วอนขอมิให้พระองค์ขับไล่มันออกไปจากบริเวณนั้น โดยขอไปสิงอยู่ในหมูฝูงหนึ่ง และได้ทำให้หมูทั้งฝูงกระโจนหน้าผาลงไปในทะเลสาบ จมน้ำตายสิ้น คนเลี้ยงหมูได้วิ่งไปบอกกล่าวแก่ประชาชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปฏิกิริยาของประชาชนไม่ได้รู้สึกยินดีกับชายที่น่าสงสาร ที่พระเยซูเจ้าทรงขับไล่ปีศาจออกไปแล้ว และขอร้องพระองค์ให้ออกไปจากดินแดนของพวกเขา เรามีท่าทีอย่างไรต่อคนที่น่าสงสาร คนยากจน คนเจ็บป่วย และคนไร้สิทธิ์ไร้เสียงในสังคม เราได้บ่นว่าคนอื่นที่ไม่รู้จักช่วยเหลือเขาไหม เราได้ให้ความช่วยเหลือเขาสุดความสามารถของเราหรือเปล่า เราได้ให้คุณค่าของทรัพย์สินภายนอกมากกว่าความเป็นคน บุตรของพระเจ้าและพี่น้องของเราไหม
พระเยซูเจ้าได้เสด็จลงเรือและคนที่เคยถูกปีศาจสิงได้ขอติดตามพระองค์ด้วย แต่ไม่ทรงอนุญาตและตรัสกับเขาว่า “จงกลับบ้าน ไปหาพี่น้องของท่าน เล่าให้เขาฟังถึงเหตุการณ์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำและแสดงพระเมตตาต่อท่าน” (มก 5:19) เขาได้กลายเป็นผู้นำสารแห่งความเมตตา ที่ประกาศถึงเหตุการณ์ที่ทรงกระทำกับเขาในแคว้นทศบุรี ทรงรักษาเราจากจิตชั่วและจากความมีมลทินนานาชนิด ทรงต้องการให้เราเป็นผู้นำสารแห่งความเมตตาเช่นกัน
ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นผู้นำสารแห่งความเมตตา เป็นผู้ประกาศข่าวดีแห่งความเมตตากรุณาที่เราได้รับจากพระเจ้า บอกเล่าเรื่องราวแห่งพระพรมากมายที่เราได้รับจากพระองค์ ที่ทรงอภัยบาปของเราผ่านทางศีลแห่งการคืนดี ทรงหล่อเลี้ยงชีวิตของเราผ่านทางพระวาจาที่ทรงชีวิต และทรงเสริมกำลังเราให้เข้มแข็งผ่านทางการอธิษฐานภาวนา นี่คือหน้าที่แพร่ธรรมสำหรับคริสตชนทุกคนที่ต้องเป็น ผู้นำสารแห่งความเมตตาของพระเจ้า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
28 มกราคม 2018
ภาพ: นักเรียนคำสอนมอบความสุขคริสต์มาสแก่ผู้สูงอายุ, วัดป่าพนาวัลย์, ท่าแร่ สกลนคร; 2017-12-23

สารวัดป่าพนาวัลย์, ปีที่ 3 ฉบับที่ 142


กล่องข้อความ:  สารวัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์

ปีที่ 3  ฉบับที่ 142  อาทิตย์ที่ 28  มกราคม ค.ศ. 2018 (พ.ศ. 2561):  http.//dondaniele.blogspot.com

เลขที่ 187 หมู่ที่ 5 บ้านป่าพนาวัลย์ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47230È086-231-3231

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
ฉลองวัดนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู วนาสามัคคี 27 มกราคม 2018
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้ามาถึงเราหลายวิธีด้วยกัน พระคัมภีร์บอกเราว่าพระวาจาทรงอนุภาพและเกิดผลในชีวิตของเรามากมาย พระวาจาหยั่งรากลึกในจิตใจของเราทำให้เราเกิดความเข้าใจใหม่และการเปลี่ยนแปลงในชีวิต พระเจ้าทรงคาดหวังให้เราตระหนักถึงการทำงานของพระวาจาในชีวิตของเรา และตอบสนองต่อพระวาจาด้วยการดำเนินชีวิตตามพระวาจา และสอนถึงความรักของพระเจ้าจากหัวใจ
พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาแห่งการเยียวยารักษา ถ้อยคำของประกาศกทำให้ประชากรอิสราแอลเห็นคุณค่าของพระเจ้ามากกว่าค่านิยมของโลก เป็นพระวาจาที่ทำให้มนุษย์บริสุทธิ์ปราศจากความด่างพร้อยต่างๆ และขจัดความแตกแยกให้หมดสิ้นไป นำพาความเป็นหนึ่งเดียวมาสู่หมู่คณะ ให้เรากราบขอสมาโทษพระเจ้าหากชีวิตเรามิได้เป็นคำสอนสำหรับผู้อื่น
 มิสซาเอกวารและการเตรียมฉลองวัดของพี่น้องชาววนาสามัคคี
บทอ่านที่ 1: โมเสสได้กล่าวคำอำลากับประชากรอิสราแอล โดยบอกให้พวกเขายึดเอาพระวาจาของพระเจ้าเป็นเครื่องนำทางในการเดินทางของพวกเขาสู่แผ่นดินพันธสัญญา อีกทั้งได้บอกให้พวกเขาได้ทราบว่า พระเจ้าจะทรงประทานประกาศกเยี่ยงท่านเพื่อดูแลเอาใจใส่พวกเขา นำพวกเขามาหาพระเจ้าและตรัสกับพวกเขาด้วยปากของพระองค์เอง
บทอ่านที่ 2: นักบุญเปาโลได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่แต่งงานแล้วกับผู้ที่ยังไม่แต่งงาน พวกเขาจะต้องเปิดใจต่อพระเจ้า  เป็นอิสระจากความกังวลใดๆ เพื่อพวกเขาจะได้มีจิตใจเดียวกันในการรับใช้พระเจ้า คนที่แต่งงานหรือคนที่ไม่แต่งงาน พวกเขาล้วนได้รับการเรียกให้มามีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์
พระวรสาร: เราได้เห็นถึงความเป็นนักเทศน์ อาจารย์ผู้สอน หมอรักษาและนักภาวนาในตัวของพระเยซูเจ้า ข้อความในพระวรสารวันนี้แสดงถึงคำสอนที่ทรงอำนาจของพระเยซูเจ้า ในการขับผีให้ออกไปจากชายคนหนึ่งและทรงรักษาเขา ผู้คนที่ได้ฟังและเห็นเหตุการณ์ต่างประหลาดใจ เพราะพระองค์ทรงสั่งสอนอย่างทรงอำนาจ
 การแสดงต้อนรับประธานในพิธีและผู้มาเยือนโอกาสแลองวัด
วัดนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู วนาสามัคคี เสาร์ที่ 27 มกราคม 2018
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1.       ขอบคุณพี่น้องที่ไปร่วมฉลองวัด ทำโรงทาน และต้นเงินร่วมกับพี่น้องชาววนาสามัคคี เสาร์ที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา
2.       อาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2018 สามเณรฟาติมาท่าแร่ ออกมาแพร่ข้าวที่ชุมชนวัดของเรา ขอพี่น้องได้สนับสนุนบริจาคข้าวเปลือกหรือปัจจัยอื่นเพื่อสนับสนุนกระแสเรียก
3.       จันทร์ที่ 29 มกราคม 2018 ขอเชิญสภาอภิบาลวัด ผู้นำชุมชนและหมู่บ้าน ร่วมประชุมที่ศาลามีคาแอลเกี้ยน เวลา 19.00 น.
4.       ศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2017 วันศุกร์ต้นเดือน มีการสีงศีลมหาสนิทคนป่วยและผู้สูงอายุตามปกติ
5.       เสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2018 ขอเชิญร่วมฉลองวัดพระเมตตาพระเยซูเจ้า โนนค้อ, วัดพระจิตเจ้าโนน หัวช้าง และวัดนักบุญปีโอที่ 10 ห้วยทราย พิธีบูชาขอบพระคุณเวลา 10.00 น.
6.       เสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2018 ขอเชิญร่วมฉลองวัดแม่พระถวายพระกุมารในพระวิหาร จันทร์เพ็ญ, วัดนักบุญมารีอา มักดาเลนา นาโพธิ์, วัดนักบุญการทารีนา ทุ่งมน, วัดพระวิสุทธิวงศ์ นิรมัย, วัดแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ด น้ำบุ้น พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 10.00 น.
7.       เงินทานวันอาทิตย์ (21 ม.ค.) มิสซาเช้า 964.- บาท มิสซาเย็น 551.- บาท
 เด็กรับศีลมหาสนิทครั้งแรกจากวัดป่าพนาวัลย์และวัดวนาสามััคคี จำนวน 17 คน
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
2
07.30 น.
10.00 น.
19.30 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา

†สุขสำราญ พี่น้องชาววนาสามัคคี
†สุขสำราญ พี่น้องชาวป่าพนาวัลย์
จันทร์
29
19.30 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา

อังคาร
30
10.00 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา

พุธ
31
18.30 น.
ระลึกถึง น.ยอห์น บอสโก พระสงฆ์

พฤหัสบดี
01
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา

ศุกร์
02
18.30 น.
ฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร

เสาร์
03
18.30 น.
ระลึกถึงพระนางมารีย์ พรหมจารี

 บรรยากาศวันฉลองวัดวนาสามัคคีและการแห่ต้นเงิน
เสาร์ที่ 27 มกราคม 2018










วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

สิ่งที่ทำให้คำสอนมีพลังอำนาจ


สิ่งที่ทำให้คำสอนมีพลังอำนาจ
สัปดาห์ที่ 4
เทศกาลธรรมดา
ปี B
ฉธบ 18:15-20
1 คร 7:32-35
มก 1:21-28
บทนำ
ในชีวิตของนักบุญฟรังซิสอัสซีซีเล่ากันว่า วันหนึ่งฟรังซิสได้เรียกพี่น้องคนหนึ่งมาหาและบอกว่าเราจะไปประกาศข่าวดีในเมืองด้วยกัน ทั้งสองเริ่มเดินรอบเมืองโดยไม่ได้พูดถึงคำเทศน์สอนสักคำ นอกจากทักทายผู้คนที่พบตามทางด้วยถ้อยคำที่สุภาพ พี่น้องคนนั้นได้ถามฟรังซิสว่า เมื่อไหร่จะหยุดเดินเพื่อเทศน์สอนสักที ฟรังซิสตอบพี่น้องคนนั้นว่า การเดินทางของเราตั้งแต่ก้าวแรกคือการสอนประชาชน
คำพูดสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย คำพูดที่เต็มด้วยความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และการให้อภัย สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้ คำพูดสามารถทำให้คนที่กำลังหวาดกลัวมีความยินดี สามารถทำให้คนที่กำลังท้อแท้สิ้นหวังมีความหวังและกำลังใจ สามารถเปลี่ยนความเกลียดชังให้กลายเป็นความรัก คำพูดทำให้ชีวิตมีคุณค่าและความหมาย
พระวรสารวันนี้ นักบุญมาระโกได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเริ่มต้นพันธกิจของพระเยซูเจ้าในวันสับบาโต ทรงเริ่มภารกิจของพระองค์พร้อมกับชาวเมืองกาเปอร์นาอุมในศาลาธรรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวยิวไปชุมนุมกันเพื่อศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐานภาวนา ในสมัยพระเยซูเจ้าชาวยิวเดินทางไปพระวิหาร เพื่อถวายเครื่องสักการบูชาและอธิษฐานภาวนาเฉพาะในเทศกาลเท่านั้น แต่พวกเขาไปที่ศาลาธรรมเพื่ออธิษฐานภาวนาและศึกษาตัวบทพระคัมภีร์ทุกวันสับบาโต
1.        สิ่งที่ทำให้คำสอนมีพลังอำนาจ
นักบุญมาระโกได้นำเสนอพระเยซูเจ้าในฐานะผู้สั่งสอน อาจารย์ ผู้ทำอัศจรรย์ และนักอธิษฐานภาวนา พระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำในชีวิตเปิดเผยของพระองค์ ยังความประหลาดใจแก่ประชาชนทั่วไป ทรงอธิบายพระคัมภีร์ ขับไล่ปีศาจ รักษาแม่ยายของเปโตร และทรงรักษาคนเจ็บป่วยทุกชนิดที่มาหาพระองค์ ทรงเป็นอาจารย์สอนพระวาจาของพระเจ้าผ่านทางพระบุคคลและชีวิตของพระองค์ ชีวิตทั้งหมดของพระองค์คือคำสอน
พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนพระวาจาของพระเจ้าอย่างทรงอำนาจ ไม่เหมือนการสอนของพวกธรรมาจารย์ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการอธิบายธรรมบัญญัติและธรรมประเพณีที่พวกเขาคุ้นเคย ทรงสอนประชาชนถึงความรักของพระเจ้าจากหัวใจ ซึ่งพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด และงานช่วยให้รอดของพระองค์ต่อประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรร ทรงอธิบายให้เห็นการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเขาและบทบาทของพระองค์
สิ่งที่ทำให้คำสอนของพระเยซูเจ้ามีพลังอำนาจ เพราะ 1) ทรงสอนจากหัวใจไม่ใช่จากสติปัญญา มาจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระบิดาเจ้า, 2) ทรงให้ความสำคัญที่จิตตารมย์ไม่ใช่ตัวบทกฎหมาย ได้แก่ “ความรักและความเมตตากรุณา” ซึ่งเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และ 3) มีจุดมุ่งหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงจิตใจผู้ฟังและความยากลำบากที่กำลังเผชิญ ช่วยเติมเต็มชีวิตจากความหวาดกลัว ความเกลียดชัง และความว่างเปล่าให้มีคุณค่าและความหมาย
2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องเปิดใจต่อพระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้า เพื่อให้พระองค์เปลี่ยนแปลงจิตใจเราและประทานความเข้าใจที่ถูกต้อง ขจัดความหวาดกลัวและความโศกเศร้าให้หมดไปจากใจเรา “พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการคร่ำครวญ การร้องไห้และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว” (วว 21:4)
ประการที่สอง เราต้องวางใจในพระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้า แม้ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบาก หล่อเลี้ยงชีวิตของเราด้วยพระวาจาและการอธิษฐานภาวนา เพื่อให้พระองค์เติมเต็มชีวิตเรา อีกทั้ง ช่วยขับปีศาจร้ายแห่งความเห็นแก่ตัวและความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ ให้ออกไปจากจิตใจเรา เพื่อเราจะได้เติบโตและเข้มแข็งในการเป็นคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่
ประการที่สาม เราต้องประกาศพระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้า คาร์ล มาร์ก นักปรัชญาชาวเยอรมันกล่าวว่า “เป้าหมายของปรัชญาไม่ใช่การอธิบายโลกแต่เปลี่ยนแปลงโลก” เช่นเดียวกับพระวรสารที่เราประกาศและเทศน์สอนเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเราเองและผู้อื่น เราต้องพยายามทำหน้าที่ของตนอย่างดี พ่อแม่อบรมเลี้ยงดูลูกด้วยความรักและความเอาใจใส่ ลูกเคารพเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสอนของท่าน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก เราได้เห็นถึงคำสอนที่ทรงอำนาจของพระเยซูเจ้า ทรงสอนให้เราให้ตระหนักในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา ทรงเชื้อเชิญเราให้มามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ ทรงแสดงให้เราค้นพบคุณค่าเชิงบวกของธรรมบัญญัติคือ ความรักและความเมตตากรุณาของพระเจ้า ซึ่งยิ่งใหญ่และอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ ขณะที่พวกธรรมมาจารย์และชาวฟาริสีพยายามรักษาธรรมบัญญัติตามตัวอักษรอย่างเคร่งครัด
พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจ ทรงรักษาประชาชนทั้งฝ่ายกายและจิตใจ พระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนให้กลายเป็นประชากรของพระเจ้า ศิษย์พระคริสต์ต้องเจริญชีวิตตามกระแสเรียกของตนด้วยความเชื่อ ความหวัง และความวางใจในพระเจ้า เพื่อให้พระองค์ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระจากจิตชั่วและความไม่ดีต่างๆ สามารถประกาศข่าวดีแห่งความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และการให้อภัยของพระเจ้าแก่ทุกคน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
27 มกราคม 2018
ภาพ: พระรูปพระเมตตา, วัดวนาสามัคคี, อุ่มจาน สกลนคร; 2018-01-27