2 พฤศจิกายน
วันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ
|
รม 5:5-11
ยน 6:37-40
|
บทนำ
ข่าวการสูญเสีย นายวิชัย
ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้และประธานกรรมการกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์
ในโศกนาฏกรรมเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อ 27 ตุลาคม 2018 อยู่ในความสนใจของผู้คน
วันรุ่งขึ้นบรรดานักเตะและแฟนบอลได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจ จนลานของสนามฟุตบอลเต็มไปด้วยช่อดอกไม้
บ่งบอกว่าเจ้าสัววิชัยเป็นที่รักของแฟนบอลเพราะการเป็นผู้ให้ การซื้อ “ได้วัตถุ”
มีกำไร-ขาดทุน แต่การให้ “ได้ใจ” มีแต่กำไร ไม่มีขาดทุน
หากเรารักใครสักคน
แม้เขาจากเราไปแล้วแต่เรายังรักและผูกพันอยู่ โดยเฉพาะบิดามารดาผู้ให้กำเนิดและมีพระคุณด้วยแล้ว
ยิ่งต้องรักและคิดถึงให้มาก นี่คือเหตุผลที่ทำให้เรามาที่นี่วันนี้
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน หรือยากลำบากเพียงใดต่างพากันมา เพื่อแสดงออกถึงความรัก
ความผูกพัน และความกตัญญูรู้คุณต่อญาติพี่น้องที่จากไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เรามี
เราเป็นเวลานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คนก่อนหน้าเราได้สร้างเอาไว้ทั้งสิ้น
วันนี้พระศาสนจักรให้เราภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ หรือ “วันเสกสุสาน”
เพื่ออธิษฐานภาวนาและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับเป็นพิเศษ ระลึกถึงวิญญาณที่กำลังทนทุกข์ในไฟชำระ
รอการชำระล้างให้บริสุทธิ์และคู่ควรกับการอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์
ซึ่งเป็นข้อความเชื่อที่แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้เป็นกับผู้ตาย นักบุญยอห์นที่
23
พระสันตะปาปา ทรงใช้คำว่า “พวกเขาไม่ได้ตาย พวกเขาได้กลับบ้าน
และพวกเขากำลังรอเราอยู่”
1.
วันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ
วันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับถือเป็นวันพิเศษ ที่เราคริสตชนระลึกถึงและอธิษฐานภาวนาเพื่อคนที่เรารักซึ่งล่วงหน้าเราไปก่อน
โดยเฉพาะวิญญาณที่กำลังอยู่ในไฟชำระ ซึ่งอยู่ในสภาพไม่สามารถช่วยตัวเองให้รอดได้ ต้องอาศัยคำภาวนาของเราที่ยังมีชีวิตอยู่
ช่วยชำระให้บริสุทธิ์เพื่อไปอยู่กับพระเจ้า ความเชื่อนี้ถือเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวยิวและเข้ามาในพระศาสนจักรยุคแรก
และเราได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
1 พฤศจิกายน เป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย เราแต่ละคนกำลังเดินทางในโลกนี้
(พระศาสนจักรที่กำลังต่อสู้) เป็นหนึ่งเดียวกับบรรดานักบุญที่ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์
(พระศาสนจักรที่ได้รับชัยชนะ) และ 2 พฤศจิกายน
เราเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวกับญาติพี่น้องที่อยู่ในไฟชำระ
(พระศาสนจักรที่กำลังทนทุกข์) ซึ่งความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวนี้รวมเรียกว่า “สหพันธ์นักบุญ” หรือ
“ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวของผู้ศักดิ์สิทธิ์”
บรรดานักบุญในสวรรค์อธิษฐานภาวนาเพื่อเรา
และเราอธิษฐานภาวนาต่อนักบุญและเพื่อวิญญาณในไฟชำระ ช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นและเข้าอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์
ไม่มีอะไรขวางกั้นคำภาวนาของเราสำหรับญาติพี่น้องที่ล่วงลับ ซึ่งเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่พวกเขาเป็นปู่ย่า
ตายาย พ่อแม่ ญาติพี่น้องที่มีพระคุณต่อเรา การระลึกถึงพวกท่านวันนี้เป็นการแสดงออกถึง
ความรัก ความกตัญญูรู้คุณ และการขอบคุณพระเจ้าสำหรับรางวัลนิรันดรของพวกเขา
2.
บทเรียนสำหรับเรา
วันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก
เราต้องรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่และไร้ขีดจำกัด ทรงรักเราแม้เราไม่สมบูรณ์
ประการสำคัญ พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งวิญญาณของพี่น้องชายหญิงของเราที่ล่วงลับไปแล้ว
เราต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
ความรักพระเจ้าทำให้ชีวิตของเรามีความหมายและสามารถรักผู้อื่นได้ ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อผู้อื่น
ออกจากตัวเองและแบ่งปันกับทุกคน
ประการที่สอง
เราต้องระลึกถึงพี่น้องผู้ล่วงลับอยู่เสมอ ความตายมิใช่จุดจบของทุกสิ่ง เรายังเป็นหนึ่งเดียวกับญาติพี่น้องผู้ล่วงลับ
ในสายสัมพันธ์แห่งความเชื่อและความรัก ประการสำคัญ วิญญาณในไฟชำระไม่สามารถช่วยตนเองให้รอดได้
เป็นหน้าที่ของเราและมีเพียงเราเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเขาได้ ผ่านทางคำภาวนา พิธีบูชาขอบพระคุณ
และการพลีกรรมใช้โทษบาป เราไม่ควรระลึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักเฉพาะวันนี้เท่านั้น
ประการที่สาม
เราต้องตระหนักในชีวิตของเรา การมารวมกันที่สุสานต่อหน้าหลุมศพญาติพี่น้องของเรา
สะท้อนความจริงว่า “ชีวิตในโลกนี้สั้น ไม่จีรังยั่งยืน” เป็นเพียงทางผ่านเพื่อไปอยู่กับพระเจ้า หรือปีศาจ
เมื่อเราอยู่ต่อหน้าหลุมศพเราต้องตระหนักว่า “ต่อไปเราต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีใครหลีกพ้น
ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง” และเอาอะไรไปไม่ได้นอกจากคุณงามความดี ดังนั้น เราต้องทำความดี
หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลขณะยังมีเวลาและมีลมหายใจอยู่
บทสรุป
พี่น้องที่รัก วันนี้เราระลึกถึงพี่น้องของเราซึ่งกำลังทนทุกข์ในไฟชำระเพราะผลของบาป
เป็นการแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้เป็นกับผู้ตาย
ในสายสัมพันธ์แห่งความเชื่อและความรัก ให้เราได้ส่งคำภาวนาและอุทิศส่วนกุศลในพิธีบูชาขอบพระคุณแก่พวกเขา
มิใช่แต่เฉพาะวันนี้เท่านั้น แต่ทุกวันในชีวิต ทั้งนี้เพื่อช่วยบรรเทาและปลดปล่อยพวกเขาให้คู่ควรกับการอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์
คริสตชนต้องตระหนักถึงพระพรแห่งชีวิตที่ได้รับจากพระเจ้า
ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าหลุมศพ เราต้องตระหนักว่า “ต่อไปเราต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีใครหลีกพ้น”
นี่คือสัจธรรมแห่งชีวิต ประการสำคัญ เราไม่รู้วันเวลาแห่งชีวิต ศิษย์พระคริสต์ต้องทำดีหนีชั่วและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
มีแต่ความดีเท่านั้นที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ “โชคดีแค่ไหนตื่นมายังมีลมหายใจอยู่” ดังนั้น ให้เราได้ขอบคุณพระเจ้าและทำหน้าที่แต่ละวันให้ดีที่สุด
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
1 พฤศจิกายน 2018
ภาพ : การภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ, สุสานวัดดอนม่วย-โนนค้อ, สกลนคร; 2019-10-31
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น