วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา


จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 1
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
ปี C
ยรม 33:14-16
1 ธส 3:12-4:2
ลก 21:25-28, 34-36

บทนำ

 นานมาแล้ว คนขับรถประจำทางในรัฐโอกลาโฮมาได้สร้างสถิติที่ใครได้ยินแล้วต้องทึ่ง กล่าวคือตลอดเวลา 23 ปีของการขับรถประจำทางมากกว่า 9 แสนไมล์ เขาไม่เคยประสบอุบัติเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อนักข่าวถามว่าทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาตอบอย่างซื่อๆ ว่า “ก็มองถนนสิ” นั่นคือต้องมีสมาธิและสายตาจดจ่ออยู่ที่ถนนที่ตนเองกำลังขับรถอยู่ มีสติและไม่ประมาท นักเรียนที่ดีต้องเตรียมพร้อม สนใจและตั้งใจฟังเวลาครูสอน และคริสตชนที่ดีควรตื่นตัวในการปฏิบัติศาสนกิจ มาวัดร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ การภาวนาและการขับร้องอย่างตั้งใจ

วันนี้เราเริ่มต้นปีพิธีกรรม (ปี C) ด้วยเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้เตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับองค์พระเจ้า ชาวโรมันมีเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ “จานุส” ซึ่งมีสองหน้า หน้าหนึ่งสำหรับมองไปข้างหลังและอีกหน้าหนึ่งสำหรับมองไปข้างหน้า ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ คริสตชนแต่ละคนควรมองย้อนไปยังอดีตถึงการเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซูเจ้าในโลก และมองไปยังอนาคตด้วยความหวังถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (Advent) หมายถึง “การเสด็จมา” เป็นการรอคอยการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า บุคคลที่เรารักด้วยความชื่นชมยินดี เรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต้อนรับพระองค์ ซึ่งเสด็จมาในโลก 3 ลักษณะด้วยกัน: 1) เรามองไปยังอดีตเพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระองค์ในโลกเมื่อสองพันปีก่อน, 2) เรามองไปที่ปัจจุบันเพื่อเตรียมต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของเรา ผ่านทางพระวาจาที่เราได้ยินและศีลมหาสนิทที่เรากำลังจะรับ และที่สุด 3) เรามองไปยังอนาคตเพื่อรอคอยการเสด็จมาในวาระสุดท้ายอย่างรุ่งโรจน์เพื่อพิพากษาโลก

1.           จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา

ในพระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าได้ให้คำแนะเราหลายวิธีด้วยกัน “จงยืนตัวตรง เงยหน้าขึ้น” (ลก 21:28), “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวิตนี้” (ลก 21:34), “จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด” (ลก 21:36) ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ดีในการดำเนินชีวิตคริสตชน ไม่เพียงในช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้เท่านั้น แต่ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีเยี่ยมในการดำเนินชีวิตประจำวัน สำหรับเราคริสตชนทุกยุคทุกสมัย

การตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ เป็นท่าทีที่ถูกต้องสำหรับเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เพื่อเราจะได้มีความเข้มแข็งในการถอยห่างจากสิ่งไม่ดีต่างๆ “ความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามาย และความกังวลถึงชีวิตนี้” พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวาระสุดท้าย นั่นคือเข้าใจถึงพระวาจาและสิ่งที่พระจิตเจ้ากำลังทำอยู่ ประการสำคัญ พระองค์ทรงประสงค์ให้เราได้นำความหวัง ความวางใจและความรักของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่น และพระวาจาของพระองค์ “จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนา” ใช้ได้เสมอแม้ในปัจจุบัน

จะเห็นได้ว่า พระเยซูเจ้าไม่ได้บอกเราถึงวันเวลาของการสิ้นโลกและการพิพากษาที่เราจะต้องหวาดกลัว แต่พระองค์ทรงต้องการให้เรามีความมั่นใจและเข้าใจว่า พระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาและเวลาแห่งการปกครองของพระองค์อยู่ใกล้แล้ว พระองค์ได้บอกเราถึงเครื่องหมายแห่งการมาถึงของพระอาณาจักร เพื่อเราจะได้เตรียมตัวเองให้พร้อม จงมองดูรอบๆ จงเพ่งมองที่ถนน จงยืดตัวตรงและเงยหน้าขึ้น ก้าวเดินไปบนหนทางแห่งการภาวนาและความหวัง ความชอบธรรมและความรัก เพื่อเราจะได้ตระหนักว่าพระสัญญาของพระเจ้าสมบูรณ์แล้วในวันที่พระคริสตเจ้าบังเกิด และจะบรรลุความบริบูรณ์ในวาระสุดท้าย

2.           บทเรียนสำหรับเรา

ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติ

ประการแรก จงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ การตื่นเฝ้าแสดงให้เห็นถึงลักษณะของผู้ที่เป็นศิษย์ ซึ่งมุ่งหวังและรอคอยพระคริสตเจ้าเสด็จกลับมา การตื่นเฝ้าไม่ใช่การอยู่เฉยๆ แต่ต้องอธิษฐานภาวนา เพื่อช่วยเราให้มีความเข้มแข็งในการเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ “จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง” (มก 14:38) การภาวนาแท้จริงแล้วหมายถึง การทำหน้าที่ของเราตามบทบาทและฐานะของเราในแต่ละวันให้ดีที่สุด

 ประการที่สอง เราต้องเตรียมพร้อมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ให้พระองค์องค์บังเกิดในชีวิตประจำวันของเรา ด้วยการกลับใจใช้โทษบาป ฟื้นฟูชีวิตของเราผ่านทางการภาวนา การรับศีลอภัยบาปและการแบ่งปันพระพรของพระเจ้ากับผู้อื่น จะมีประโยชน์อะไร ถ้าพระเยซูเจ้าบังเกิดในถ้ำนับพันแห่งทั่วโลก แต่มิได้บังเกิดในใจฉัน” (อเล็กซานเดอร์ โป๊ป) พระเยซูเจ้าจะต้องบังเกิดในใจเราและชีวิตของเราตลอดเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้ ในความรัก ความใจกว้าง ความเมตตากรุณาและการให้อภัยของเรา ที่พึงมีต่อผู้ที่กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ

ประการที่สาม เราต้องวางใจในพระเยซูเจ้า ท่ามกลางความทุกข์โศกเศร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา อาทิ การหย่าร้าง การตกงาน การเจ็บป่วย หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นความทุกข์หนักเกินกำลังและทำให้ชีวิตของเราไม่มีความหมาย พระเยซูเจ้าตรัสกับเราในวันนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงยืนตรง เงยศีรษะขึ้น เพราะในไม่ช้าท่านจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว” (ลก 21:28)

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ไม่เพียงเป็นช่วงเวลาที่เราระลึกถึงการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูเจ้า หรือการเสด็จมาครั้งสุดท้ายในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ แต่เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้เปิดใจต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของเราและในโลก ในความรัก ความใจกว้าง ความเมตตากรุณาและการให้อภัยของเรา ที่พึงมีต่อกันในสังคม หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา

พระวรสารวันนี้เตือนใจเราว่า เราต้องตื่นเฝ้าภาวนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อเราจะได้มีความเข้มแข็งในการต่อสู้และเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ ในชีวิตเรา อีกทั้งตื่นเฝ้าเพื่อต้อนรับและจดจำพระเยซูเจ้าที่เสด็จมาหาเราในบุคคล สถานที่และเหตุการณ์ต่างๆ ในแบบที่เราคาดไม่ถึง เราจึงต้องดำเนินชีวิตคริสตชนของเราในเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้ด้วยความเชื่อ ก้าวเดินไปด้วยความหวังและรื้อฟื้นชีวิตของเราในแต่ละวันด้วยความรัก เพื่อเราจะได้ต้อนรับและจำพระองค์ได้
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
30 พฤศจิกายน 2012

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สารวัดนาบัว, ปีที่ 3 ฉบับที่ 133




สารวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว

ปีที่ 3  ฉบับที่ 133  วันที่ 25  พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555): http.//dondaniele.blogspot.com
เลขที่ 154 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองแวงใต้ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 47120. 086-231-3231
บ่ายวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน เกิดฝนตกหนักที่นาบัว
รา

สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

พี่น้องที่รัก ในสัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรม พระศาสนจักรให้เราสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล การเฉลิมฉลองนี้แสดงถึงอำนาจของพระคริสตเจ้าในฐานะกษัตริย์และพระเจ้าแห่งจักรวาล อีกทั้งช่วยเราให้มองไปสู่อนาคตและเป้าหมายสูงสุดของเรา เมื่อพระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งอย่างรุ่งโรจน์เพื่อพิพากษาครั้งสุดท้าย และประทานรางวัลหรือการลงโทษแก่ผู้เป็นและผู้ตาย

การสมโภชนี้เกิดในพระศาสนจักรสากลเมื่อไม่นานมานี้ ในปี ค.ศ. 1925 โดยพระสันตะปาปาปีอุส ที่ 11 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ตำแหน่งกษัตริย์มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือพระศาสนจักรในหลายประเทศ ทั้งนี้เพื่อช่วยเราให้รำพึงถึงพระคริสตเจ้าผู้เป็นองค์พระเจ้าและกษัตริย์ของเรา การเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง การพิพากษาครั้งสุดท้ายและวาระสุดท้ายของโลก
 ฝนตกหนักนานประมาณครึ่งชั่วโมง ทำให้บริเวณถนนเจิ่งนองไปด้วยน้ำ

บทอ่านที่หนึ่ง ประกาศกดาเนียลได้เห็นนิมิตถึงการที่พระเจ้าจะเปิดเผยระองค์เองอย่างรุ่งโรจน์และทรงอำนาจ โดยพูดถึงอาณาจักรของบุตรแห่งมนุษย์ ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งความรักที่รวมชนทุกชาติ ทุกภาษา และอำนาจการปกครองของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด

บทอ่านที่สอง หนังสือวิวรณ์ได้พูดถึงการปกครองของพระเจ้า ซึ่งวางรากฐานอยู่บนอำนาจของความรักและความจริง การปกครองของพระองค์จะเป็นที่ประจักษ์แจ้งในที่ประชาชนเชื่อในความรักและความจริง พระเยซูเจ้าได้นำเราไปสู่ชัยชนะและพระสิริรุ่งโรจน์ผ่านทางพระทรมานของพระองค์

พระวรสาร ในพระวรสารวันนี้ ระหว่างการไต่สวนต่อหน้าปิลาต ผู้ว่าราชการ พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความเป็นกษัตริย์ของพระองค์กระจ่างชัดยิ่งขึ้น ในการสนทนากับปิลาต พระองค์ได้บอกเป็นนัยว่าปิลาตไม่เข้าใจความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ ทรงยอมรับว่าเป็นกษัตริย์ แต่อาณาจักรของพระองค์มิใช่ในโลกนี้
 ทำให้หลายครอบครัวที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ปั่นได้รับผลกระทบ

°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์

1)       ขอบคุณกลุ่มวิถีชุมชนวัดกลุ่มที่ 3 ที่ช่วยกันทำความสะอาดวัด กลุ่มที่รับผิดชอบอาทิตย์ต่อไปคือ กลุ่มที่ 4

2)       อาทิตย์หน้า (2 ธ.ค.) เป็นสัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ขอเชิญพี่น้องเตรียมทำดาวและประดับตกแต่งบ้านเรือนเพื่อสมโภชพระคริสตสมภพ

3)       วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม ขอเชิญพี่น้องร่วมกิจกรรมปีแห่งความเชื่อระดับเขต ด้วยการร่วมพิธีแห่ศีลมหาสนิทและตอบปัญหาพระคัมภีร์ ที่วัดพระคริสตราชา ช้างมิ่ง

4)       วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม ขอเชิญร่วมฉลองครบรอบ 125 ปีแห่งความเชื่อและการแพร่ธรรม ของวัดนักบุญมารีอา มักดาเลนา นาโพธิ์ มิสซาเวลา 10.00 น.

5)       เงินทานวันอาทิตย์ที่ (18 พ.ย.) 3,314.- บาท, รับเงินคืนค่าเช่าหม้อไฟฟ้า (นายเจริญ จันทร์สุนีย์) 3,500.- บาท

6)       วัดโพนสวาง เงินทานวันอาทิตย์ 203.- บาท, จ่ายค่าแรงกลึงไม้ 36 ตัว จำนวน 3,300.- บาท และรับเงินบริจาคจากนายวัชรินทร์ พุทธิสา 500.- บาท
 นาบัวมีอินเตอร์เน็ตใช้หลายจุดแล้ว รวมถึงที่วัดด้วยที่เด็กๆ สามารถเข้าถึงได้

พิธีมิสซาและวันฉลองในรอบสัปดาห

วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
25
07.00 น.
10.00 น.
ลูกๆ
มิสซาที่โพนสวาง
อุทิศให้ พ่อลับ-แม่ปัด-นายเสวย และยายกาสี
สุขสำราญสำหรับพี่น้องชาวโพนสวาง
จันทร์
26
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา
อุทิศแก่ดวงวิญญาณของญาติพี่น้องชาวนาบัว
อังคาร
27
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา
อุทิศแก่ดวงวิญญาณของญาติพี่น้องชาวนาบัว
พุธ
28
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา
อุทิศแก่ดวงวิญญาณของญาติพี่น้องชาวนาบัว
พฤหัสบดี
29
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา
อุทิศแก่ดวงวิญญาณของญาติพี่น้องชาวนาบัว
ศุกร์
30
06.00 น.
ฉลอง น.อันดรูว์ อัครสาวก
อุทิศแก่ดวงวิญญาณของญาติพี่น้องชาวนาบัว
เสาร์
01
06.30 น.
19.00 น.
สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดาสัปดาห์ที่ 1 เตรียมรับเสด็จ
อุทิศแก่ดวงวิญญาณของญาติพี่น้องชาวนาบัว
 ดอกหญ้าบริเวณสนามข้างโรงครัวทีขึ้นเองตามธรรมชาติ

 

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กษัตริย์ที่ปกครองด้วยความรัก


กษัตริย์ที่ปกครองด้วยความรัก

วันอาทิตย์
พระคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลและจักรวาล
ปี B
ดนล 7:13-14
วว 1:5-8
ยน 18:33-37

บทนำ

ซอเรน คิเคการ์ด (Soren Kierkegaard: 1813-1855) นักเทววิทยาและนักปรัชญาชาวเดนมาร์ก ได้เขียนเรื่องหนึ่งในหนังสือของท่าน เป็นเรื่องเกี่ยวกับกษัตริย์ที่ตกหลุมรักหญิงสามัญชนลูกชาวนาคนหนึ่ง กษัตริย์ทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะอภิเษกสมรสกับหญิงสาวลูกชาวบ้าน โดยธรรมเนียมราชประเพณีกษัตริย์จะอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือสตรีที่สูงศักดิ์เท่านั้น แต่กษัตริย์พระองค์นี้ทรงอำนาจมาก ทรงรู้ว่าสามารถทำได้และรู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา หากพระองค์อภิเษกสมรสกับหญิงสาวลูกชาวนาและยังคงอยู่ในตำแหน่งกษัตริย์ก็จะเกิดปัญหาตามมา แน่นอนว่าหญิงสาวจะยกย่องเทิดทูนพระองค์เสมอ แต่ไม่ได้รักพระองค์จริงๆ จะเกิดช่องว่างใหญ่เมื่อเธอตระหนักถึงความจริงที่ว่าเธอเป็นเพียงลูกชาวนาต่ำต้อย ดังนั้น กษัตริย์จึงคิดแผนการใหม่ พระองค์ตัดสินพระทัยที่จะสละราชสมบัติเพื่อเป็นชาวนาที่ต่ำต้อย จะได้แต่งงานกับเธอในฐานะที่เท่าเสมอกัน แต่เมื่อคิดดูดีๆ หากพระองค์ทำตามแผนการนี้ย่อมเกิดผลตรงข้าม พระองค์จะต้องสูญเสียทั้งตำแหน่งกษัตริย์และหญิงคนรัก เพราะเธอคงปฏิเสธพระองค์และคิดว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลาสิ้นดี กษัตริย์ควรจะทำเช่นไร

ที่สุด กษัตริย์ทรงตัดสินพระทัยว่าพระองค์ทรงรักหญิงคนนี้มาก พระองค์จะต้องเสี่ยงและทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ความรักแท้ระหว่างพระองค์กับหญิงคนรักเป็นไปได้ คิเคการ์ดไม่ได้เขียนต่อว่าเรื่องนี้จบอย่างไร ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรก จุดสำคัญของเรื่องนี้คือความรักยิ่งใหญ่ที่กษัตริย์มีต่อหญิงสาวลูกชาวนา ถึงขนาดยอมถ่อมพระองค์และสละได้แม้ราชบัลลังก์ และ ประการที่สอง เรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่ยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคน กษัตริย์ในเรื่องนี้คือพระเจ้า และหญิงสาวลูกชาวนาคือเราแต่ละคน

ในสัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรม พระศาสนจักรให้เราสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล การเฉลิมฉลองนี้แสดงถึงอำนาจของพระคริสตเจ้าในฐานะกษัตริย์และพระเจ้าแห่งจักรวาล อีกทั้งช่วยเราให้มองไปสู่อนาคตและเป้าหมายสูงสุดของเรา เมื่อพระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอย่างรุ่งโรจน์เพื่อพิพากษาครั้งสุดท้าย และประทานรางวัลหรือการลงโทษแก่เราแต่ละคน การสมโภชนี้เกิดในพระศาสนจักรในปี ค.ศ. 1925 โดยพระสันตะปาปาปีอุสที่ 11 เพื่อช่วยเราให้รำพึงถึงพระคริสตเจ้าผู้เป็นองค์พระเจ้าและกษัตริย์ของเรา การเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง การพิพากษาครั้งสุดท้ายและวาระสุดท้ายของโลก

1.           กษัตริย์ที่ปกครองด้วยความรัก

เมื่อพูดถึงกษัตริย์เรามักจะมองที่ความยิ่งใหญ่ มีอำนาจบารมีมากและอยู่เหนือคนอื่น ทุกคนต้องเกรงกลัวและคอยปรนนิบัติรับใช้ ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้าแตกต่างจากบรรดากษัตริย์เหล่านี้ พระองค์ไม่มีข้าทาสบริวาร ไม่มีวังที่ประทับ ไม่มีคทาที่แสดงถึงการเป็นกษัตริย์ ในทางกลับกัน พระองค์มีมงกุฎหนามสวมพระเศียร ร่างกายเปลือยเปล่า พระพักตร์ชุ่มไปด้วยเลือด ถูกทิ้งให้อยู่โดยลำพัง (คนที่เคยติดตามพระองค์ต่างหนีเอาตัวรอด) ถูกสบประมาทและเยาะเย้ยจากผู้นำชาวยิวและทหาร

พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ที่ปกครองด้วยความรัก บทบัญญัติที่ใช้ปกครองในอาณาจักรของพระองค์มีเพียงประการเดียวคือ บทบัญญัติแห่งความรัก “เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) “นี่คือบทบัญญัติของเราให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12) ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวและไม่มีเงื่อนไข รักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก เมตตาสงสารและให้อภัยเสมอ

ในพระวรสารวันนี้ ระหว่างการไต่สวนต่อหน้าปิลาต ผู้ว่าราชการ พระเยซูเจ้าทรงทำให้ความเป็นกษัตริย์ของพระองค์กระจ่างชัดยิ่งขึ้น ในการสนทนากับปิลาต พระองค์ได้บอกเป็นนัยว่าปิลาตไม่เข้าใจความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ ทรงยอมรับว่าเป็นกษัตริย์ แต่อาณาจักรของพระองค์มิใช่ในโลกนี้ อาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรแห่งความรัก การรับใช้ การให้อภัยและความยุติธรรม ดังนั้น เมื่อเราฉลองความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ จึงมิใช่ในฐานะผู้ปกครองที่กดขี่และอยู่เหนือคนอื่น แต่ในฐานะองค์แห่งความรัก ที่รัก รับใช้และให้อภัยโดยยอมตายเพื่อทุกคนบนไม้กางเขน

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ

ประการแรก เราต้องอุทิศตนต่อพระคริสตเจ้ากษัตริย์ของเรา ในการสมโภชนี้ เราต้องระลึกถึงความจริงที่ว่าพระองค์จะไม่ใช่กษัตริย์ของเรา หากเราไม่ฟังพระองค์ ไม่รักพระองค์ ไม่รับใช้พระองค์และไม่ติดตามพระองค์ เราจะเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรของพระองค์ก็ต่อเมื่อเราพยายามที่จะติดตามพระองค์ พยายามที่จะดำเนินชีวิตตามจิตตารมย์พระวรสารให้ปรากฏเป็นจริงในชีวิตของเรา เราต้องพร้อมที่จะเลียนแบบจิตใจที่สุภาพถ่อมตนของพระองค์

ประการที่สอง เราจะต้องให้พระคริสตเจ้ามีอำนาจเหนือชีวิตของเรา การสมโภชวันนี้เตือนใจเราว่า พระคริสตเจ้าจะต้องครอบครองชีวิตของเรา ให้พระองค์มีอำนาจเหนือร่างกาย ความคิด จิตใจและน้ำใจของเรา ผู้ที่ดำเนินชีวิตในพระอาณาจักรของพระองค์คือผู้ที่กล่าวว่า “พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” ให้เราพยายามที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ มากกว่าน้ำใจของเรา

ประการที่สาม เราต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งความรักของพระคริสตเจ้า ประชากรแห่งอาณาจักรของพระคริสตเจ้าได้รับการคาดหวังให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งความรักของพระองค์ “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญา และสุดกำลังความสามารถ... ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์รักตนเอง” (มก 12:30-31) เราถูกเรียกร้องให้รักตามมาตรฐานเดียวกับพระองค์ ด้วยการเสียสละแบ่งปันสิ่งที่เรามีกับเพื่อนพี่น้องที่เดือนร้อนและต้องการความช่วยเหลือ

บทสรุป

พี่น้องที่รัก ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้าแตกต่างจากบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่รักโดยไม่มีเงื่อนไข รักแม้กระทั่งศัตรู ทรงเป็นกษัตริย์ที่รับใช้และมอบชีวิตเพื่อคนอื่น มิใช่ให้คนอื่นรับใช้ และทรงเป็นกษัตริย์ที่ให้อภัยเสมอ ให้อภัยแม้คนที่ประหารพระองค์ อาณาจักรของพระองค์จึงเป็นอาณาจักรแห่งความรัก การรับใช้และให้อภัย ดังนั้น ทุกครั้งที่เรารัก รับใช้และให้อภัย เราก็ทำให้อาณาจักรของพระองค์ปรากฏเป็นจริงขึ้นในโลก

ขอให้พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งชีวิตของเราและครอบครองตัวเรา เพื่อเราจะสามารถทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ด้วยการฟังพระองค์ รักพระองค์ รับใช้พระองค์และและติดตามพระองค์ เพื่อทำให้อาณาจักรของพระองค์ปรากฏเป็นจริงในครอบครัว หมู่คณะ (หมู่บ้าน) และโลกของเรา ทั้งนี้เพราะที่ไหนที่พระเจ้าทรงปกครอง ที่นั่นจะมีแต่ความยุติธรรม ความรักและสันติสุข ดังนั้น ขอให้เราได้ดำเนินชีวิตเป็นพลเมืองที่ดีในอาณาจักรของพระองค์ ในการรัก แบ่งปันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยใจกว้าง

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
23 พฤศจิกายน 2012