วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทานของหญิงม่าย


ทานของหญิงม่าย

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา
ปี B
1 พกษ 17: 10-16
ฮบ 9: 24-28
มก 12: 38-44
บทนำ

ครั้งหนึ่งมีขอทานคนหนึ่งมาพบ (บุญราศี) คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตา และพูดกับคุณแม่ว่า “ทุกคนต่างให้บางสิ่งบางอย่างกับคุณแม่ ผมต้องการให้บางอย่างกับคุณแม่เช่นเดียวกัน” เขาได้นำเงิน 10 ไปซา มามอบให้ (1 ไปซา=100 รูปี) คุณแม่เทเรซาคิดในใจว่า “หากฉันรับเงินจำนวนดังกล่าว เขาคงกลับไปด้วยความหิว แต่หากฉันไม่รับ เขาคงผิดหวังมาก” ดังนั้นคุณแม่จึงรับเงินจำนวนดังกล่าว

คุณแม่เทเรซาได้กล่าวภายหลังว่า “ฉันมีความรู้สึกว่า ของขวัญนี้ยิ่งใหญ่กว่ารางวัลโนเบลที่ฉันเคยได้รับ เพราะว่าเขาได้ให้ทั้งหมดที่เขามี ฉันเห็นถึงแววตาแห่งความยินดีและความสุขใจในการให้ของเขา” (คุณแม่เทเรซาเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปี ค.ศ. 1979) เรื่องราวของขอทานที่คุณแม่เทเรซาเล่า สอดคล้องกับเรื่องราวของหญิงม่ายในบทอ่านแรกและบทพระวรสารวันนี้ ที่ได้ให้ทั้งหมดที่มีและจำเป็นสำหรับการเลี้ยงชีวิต

บทอ่านวันนี้เชื้อเชิญเราให้อุทิศตนรับใช้พระเจ้าด้วยความสุภาพและใจกว้าง โดยปราศจากอคติและความหยิ่งจองหอง บทอ่านแรกและบทพระวรสารวันนี้ได้นำเสนอเรื่องราวของหญิงม่ายยากจน ซึ่งได้ให้สิ่งที่มีทั้งหมดและจำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่ของพวกเธอแด่พระเจ้า บทอ่านที่สองบอกเราว่าพระเยซูเจ้าในฐานะสงฆ์ผู้สูงสุดแห่งพันธสัญญาใหม่ ได้มอบชีวิตทั้งหมดแก่พระบิดาเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อเป็นยัญบูชาสำหรับไถ่บาปเรา

1.           ทานของหญิงม่าย

ธรรมาจารย์ เป็นผู้ตีความบทบัญญัติและอธิบายพระวาจาของพระเจ้าให้ประชาชนได้เข้าใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ที่พระเยซูเจ้าตำหนิพวกธรรมมาจารย์อย่างรุนแรง มาจากพฤติกรรมของพวกเขาที่ทำทุกอย่างเพื่อเกียรติของตนเอง อาทิ การสวมเสื้อยาวเพื่อเป็นจุดสนใจให้คนคำนับ การนั่งแถวหน้าในศาลาธรรมและงานเลี้ยงเพื่อแสดงฐานะทางสังคม หรือการภาวนายืดยาวตามลานสาธารณะเพื่อให้ชม มิใช่เพื่อแสวงหาพระประสงค์และสรรเสริญพระเจ้า อีกทั้ง ยังเอารัดเอาเปรียบหญิงม่ายซึ่งเป็นบุคคลที่อ่อนแอและน่าสงสารในสังคม พระเยซูเจ้าทรงเตือนประชาชนมิใหปฏิบัติตนเช่นเดียวกบพวกธรรมาจารย์

พระเยซูเจ้าทรงยกย่องทานของหญิงม่าย มิใช่เพราะจำนวนเงินสองเหรียญทองแดงที่เธอหย่อนลงในตู้ทาน แต่เพราะความใจกว้างของเธอที่ให้ทั้งหมดที่เธอมีอยู่และจำเป็นสำหรับการเลี้ยงชีวิตเพื่อเห็นแก่พระเจ้า โดยไม่เก็บสิ่งใดไว้สำหรับตนเองเลย ขณะที่คนร่ำรวยและคนอื่นๆ แม้จะให้ทานด้วยเงินจำนวนมาก แต่เป็นส่วนที่เหลือกินเหลือใช้ พวกเขายังมีอีกอย่างเหลือเฟือ

เราได้เห็นถึงความวางใจของหญิงม่ายที่ได้ให้ทั้งหมดที่เธอมีแด่พระเจ้า เพราะเธอรู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นแหล่งที่มาของสิ่งดีทุกอย่าง เธอเข้าใจว่าไม่ใช่เงินทองที่จะช่วยเธอให้รอดได้ แต่เป็นองค์พระเจ้าเท่านั้น สิ่งที่เธอครอบครองคือพระเจ้าและสมบัติแห่งเมืองสวรรค์ มิใช่สมบัติในโลกนี้ เธอจึงมอบตัวเองไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ

พระเยซูเจ้าจึงทำให้ทุกคนประหลาดใจด้วยการตรัสกับทุกคนว่า “หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน” พระองค์ได้แสดงให้ทุกคนได้เข้าใจว่าพระเจ้าไม่ได้มองดูที่ปริมาณหรือความยิ่งใหญ่ของงานที่เราได้กระทำ แต่มองดูที่จิตใจและความตั้งใจจริงของเราที่กระทำ หญิงม่ายยากจนจึงได้กระทำสิ่งยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ

ประการแรก เราต้องใจกว้างกับพระเจ้า มอบความไว้วางใจทุกอย่างไม้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า เช่นเดียวกับหญิงม่ายในพระวรสารที่ได้ให้ทั้งหมดที่มีแด่พระเจ้า และพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งคนที่ใจกว้างและวางใจในพระองค์ “จงให้แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” (ลก 6:38)

ประการที่สอง เราต้องไม่ตัดสินใครจากสิ่งภายนอก เรามักจะตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เขามี ฐานะทางสังคมหรือสิ่งภายนอกที่เขาทำ แต่พระเจ้าทรงมองดูที่จิตใจและเจตนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำสิ่งต่างๆ สิ่งเล็กน้อยที่เราทำในสายตาของใครต่อใคร อาจะเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า หากเรากระทำด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ โดยปราศจากความเห็นแก่ตัว

ประการที่สาม เราต้องใส่ใจต่อหญิงม่ายและคนต่ำต้อยในสังคม เราต้องพร้อมที่ยื่นมือช่วยเหลือผู้กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เป็นต้น หญิงม่าย เด็กกำพร้าและคนยากจนในสังคม เพราะนี่คือพระเยซูเจ้าที่ประทับท่ามกลางเรา ที่เราจะต้องให้การต้อนรับ สนับสนุนช่วยเหลือ ให้กำลังใจและภาวนาเพื่อพวกเขา เป็นต้นในสังคมและหมู่คณะของเรา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงยกย่องทานของหญิงม่ายยากจน เพราะความใจกว้างและความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมของเธอที่มีต่อพระเจ้า พระองค์ได้แสดงให้ทุกคนได้เข้าใจว่าพระเจ้าไม่ได้มองดูที่ปริมาณหรือความยิ่งใหญ่ของงานที่เราได้กระทำ แต่มองดูที่จิตใจและความตั้งใจจริงของเราในการกระทำสิ่งต่างๆ “เราอาจทำสิ่งใหญ่โตไม่ได้ แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กน้อยด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ (บุญราศีคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา)

เราจะต้องมีความใจกว้างและวางใจในพระเจ้าเช่นเดียวกัน “ทุกสิ่งที่เรากระทำขอให้ทำด้วยความรักและเพื่อความรัก” (นักบุญฟรังซิส เดอ ซาล) ความเชื่อและความรักทำให้กิจการทุกอย่างมีคุณค่าอย่างแท้จริง เราต้องพร้อมที่จะยื่นมือช่วยเหลือ ให้กำลังใจและภาวนาเพื่อคนต่ำต้อยในสังคม เป็นต้นกับหญิงม่าย เด็กกำพร้าและคนยากจน เพื่อกิจการที่เรากระทำจะได้ยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้าและเป็นการสะสมสมบัติแห่งเมืองสวรรค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
9 พฤศจิกายน 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น