ทุกครั้งที่รักและรู้จักให้คือคริสต์มาส
24 ธันวาคม
สมโภชพระคริสตสมภพ
(มิสซากลางคืน)
|
อสย 9:2-7
ทต 2:11-14
ลก 2:1-14
|
บทนำ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2
เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดในทวีปยุโรป
ทหารหนุ่มชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งได้แตกทัพพลัดหลงเข้าไปในป่าและพยายามหาทางออก เย็นวันหนึ่งพวกเขาพบบ้านเล็กหลังหนึ่ง
เมื่อเข้ามาใกล้บ้าน หญิงเจ้าของบ้านได้ออกมาต้อนรับและบอกกับพวกเขาว่าคงหลงทางและกำลังหิว
เชิญแวะกินอาหารและพักที่บ้านของเธอก่อน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องให้ความเคารพแขกของเธอ
ขณะนั้นใกล้วันคริสต์มาส เธอประสงค์ให้บ้านของเธอมีสันติภาพ
เมื่อทหารอเมริกันเข้าไปในบ้าน
ได้พบทหารหนุ่มเยอรมันกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งอยู่และมองมายังพวกเขา
แต่หญิงเจ้าของบ้านเป็นคนใจดีมีเมตตาได้บอกกับพวกเขาก่อนหน้านั้นแล้วว่าต้องให้ความเคารพแขกของเธอ
ทหารเยอรมันเป็นกลุ่มที่แตกทัพเช่นเดียวกัน ค่ำคืนนั้นพวกเขารู้สึกว่าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
ทุกคนคิดถึงบ้าน พวกเขาขับร้องเพลงคริสต์มาสด้วยกัน โดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู
แต่เป็นเพื่อนมนุษย์ที่แสวงหาสันติภาพและบ้านที่อบอุ่นเหมือนกัน
วันต่อมาพวกเขาต่างแยกย้ายกลับไปยังกองกำลังของตน
หลังจากได้แบ่งปันความรักและความชื่นชมยินดีแห่งการบังเกิดมาของพระกุมารเยซูด้วยกัน
องค์พระเจ้าผู้เสด็จมาบังเกิดในโลกได้นำพระพรแห่งความชื่นชมยินดี ความรักและสันติสุขมาสู่มนุษย์ทุกคน
แต่ละคนต้องเลียนแบบพระองค์ในความรักไม่มีเงื่อนไขและไม่แบ่งแยก แบ่งปันสิ่งที่ตนมีแก่กันและกัน
เป็นต้นคนยากจนและผู้ที่จำเป็นเร่งด่วน เพราะ “ทุกครั้งที่เรารักและรู้จักให้ นั่นคือคริสต์มาส”
1. ทุกครั้งที่รักและรู้จักให้คือคริสต์มาส
เรื่องราวการประสูติของพระกุมารเยซู
(ลก 2:1-14) เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกัสตัส ได้ออกกฤษฎีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วอาณาจักรโรมัน
ด้วยเหตุนี้ ยอแซฟซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิดต้องพาพระนางมารีย์ เดินทางจากนาซาเร็ธแค้วนกาลิลีไปยังเบธเลเฮมแคว้นยูเดียบ้านเกิดของดาวิด เป็นระยะทางประมาณ
130 กิโลเมตรซึ่งถือว่าไกลมากสำหรับหญิงมีครรภ์แก่ อีกทั้ง เบธเลเฮมยังพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาลงทะเบียน
ไม่ว่าไปที่ไหนคำตอบที่ได้รับคือ
“ไม่มีห้องว่างสำหรับท่าน” ยอแซฟต้องพาพระนางมารีย์ไปที่ถ้ำเลี้ยงสัตว์ ลักษณะคล้ายเพิงเลี้ยงสัตว์ซึ่งผู้พักแรมต้องนำอาหารติดตัวมาเอง
เจ้าของจัดเตรียมเพียงฟางหรือหญ้าแห้งสำหรับสัตว์เลี้ยงและไฟสำหรับปรุงอาหารเท่านั้น
นี่คือสถานที่ซึ่งพระเยซูเจ้าบุตรพระเจ้าทรงประสูติ พระองค์เลือกบังเกิดบนรางหญ้าในสภาพที่ยากจนขัดสน
เพื่อสอนให้โลกรู้ว่าความยากจนขัดสนไม่ใช่อุปสรรคสำหรับความรักของพระเจ้า
ตรงข้ามความยากจนขัดสนและใจสุภาพถ่อมตนต่างหากคือ
หนทางหรือโอกาสทำให้เราได้พบกับพระกุมารเจ้า ผู้ร่ำรวยด้วยพระพรนานัปการ อีกทั้ง บุคคลกลุ่มแรกที่พระเจ้าทรงเผยให้ทราบข่าวดีเรื่องการประสูติมาของพระผู้ไถ่
และได้พบพระกุมารคือบรรดาคนเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็น “ผู้ต่ำต้อยและถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม” จากสังคม แต่การเป็นคนยากจนและต่ำต้อยทำให้พวกเขาได้พบกับพระกุมารเจ้า นี่คือความสุขและความยินดียิ่งใหญ่ในชีวิต
2. บทเรียนสำหรับเรา
การบังเกิดของพระเยซูเจ้าเป็นเครื่องหมายแห่งความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้าต่อเรา
และได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องให้พระเยซูเจ้าบังเกิดในใจเรา เทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งพระพรที่ช่วยให้เราได้ตระหนักถึงความรักของพระเจ้า
ด้วยการเปิดดวงใจของเราและประดับตกแต่งถ้ำแห่งดวงใจนี้ ด้วยไฟแห่งความรักเพื่อให้องค์พระเจ้าได้บังเกิด
และเป็น “อิมมานูแอล” พระเจ้าอยู่กับเราทุกจังหวะชีวิต คริสต์มาสแท้จริงมิใช่การบังเกิดของพระกุมารเยซูในถ้ำเลี้ยงสัตว์ที่เมืองเบธเลเฮม
แต่เป็นการบังเกิดมาของพระองค์ในถ้ำแห่งจิตใจเรา
ประการที่สอง เราต้องแสวงหาและเลียนแบบพระเยซูเจ้าในความยากจน เราพบพระเยซูเจ้าได้อย่างแท้จริงในความยากจน
ในบุคคลที่ถูกทอดทิ้งและต้องการความช่วยเหลือ ความยากจนขัดสนไม่ใช่อุปสรรคสำหรับความรักของพระเจ้า
ตรงข้ามความยากจนขัดสนคือหนทางหรือโอกาสที่ทำให้เราได้พบกับพระกุมาร
ผู้เป็นเพื่อนกับคนยากจน ร่วมทุกข์ในความลำบากของพวกเขา และมอบชีวิตของพระองค์บนกางเขนเพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้น
ประการที่สาม เราต้องรักโดยไม่มีเงื่อนไขและให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เทศกาลคริสต์มาส
เป็นช่วงเวลาของการเสียสละแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่ผู้อื่น นักบุญฟรังซิส อัสซีซี
กล่าวว่า “ถ้าในตู้เสื้อผ้าของท่าน มีเสื้อผ้าที่ท่านไม่ใช้แล้ว
พึงรู้ไว้ด้วยว่านั่นเป็นของคนยากจนที่ไม่มีแม้เสื้อผ้าจะใส่ ถ้าในตู้กับข้าวของท่าน
มีกับข้าวที่ท่านไม่ทานแล้ว
พึงรู้ไว้ด้วยว่านั่นเป็นส่วนของคนที่กำลังอดอยาก” หากเราไม่มีของขวัญอะไรจะให้
จงให้ความรักออกไป
บทสรุป
พี่น้องที่รัก โลกทุกวันนี้มีคนเป็นจำนวนมากขาดความรัก
อดอยากและขาดแคลน ซึ่งรอคอยความรัก ของขวัญและความช่วยเหลือจากเรา คริสต์มาสปีนี้อย่าลืมให้ความรักและแบ่งปันสิ่งที่เรามี
เป็นความสุขสำหรับผู้ยากไร้และด้อยโอกาสทั้งหลาย เพราะ “ทุกครั้งที่เรารัก
ทุกครั้งที่เราให้นั่นคือคริสต์มาส” (เดล อีเวนส์) เพื่อว่าการบังเกิดมาของพระกุมารเยซูจะเป็นความชื่นชมยินดีสำหรับครอบครัวของเรา
หมู่คณะและมนุษยชาติ
คริสตชนต้องไม่ทำตัวเย็นชาเฉยเมยอย่างชาวเมืองเบธเลเฮมที่บอกยอแซฟว่า
“ไม่มีห้องว่างสำหรับท่าน” แต่เปิดดวงใจของตนให้พระองค์บังเกิด ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตในความรักต่อกันและแบ่งปันสิ่งที่ตนมีกับผู้อื่น
ทุกครั้งที่เรารักและรู้จักให้นั่นคือคริสต์มาส เช่นนี้เอง ความสุข ความชื่นชมยินดีและสันติภาพจะเกิดขึ้นในโลก
อีกทั้ง ทำให้การฉลองคริสต์มาสปีนี้มีคุณค่าและความหมายมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
“สุขสันต์วันคริสต์มาส”, Merry
Christmas!, Buon Natale!
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
24
ธันวาคม 2018 สมโภชพระคริสตสมภพ
ภาพ: เด็กคำสอนวัดดอนม่วยร้องเพลงคริสต์มาสอวยพรผู้สูงอายุและคนป่วย, ดอนม่วย, สกลนคร; 2018-12-24