วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า


ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า
พฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
อฟ 6:10-20
ลก 13:31-35
พระวรสารวันนี้ ชาวฟาริสีบางคนได้เตือนพระเยซูเจ้าให้หนีไกลจากกษัตริย์เฮโรดผู้ประสงค์เอาชีวิตพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย ยังคงกระทำพันธกิจที่พระบิดาเจ้าทรงมอบหมายและส่งพระองค์มา ทรงเตือนพวกเขาถึงหายนะฝ่ายจิตจากความดื้อดึงปฏิเสธพระองค์ ทรงเรียกกษัตริย์เฮโรดว่า “สุนัขจิ้งจอก” เพราะความเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์และขี้ขลาด สุนัขจิ้งจอกยังเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งไร้ค่าและชีวิตที่ไม่มีความหมาย
ทุกวันเราแต่ละคนมีงานมากมายที่ต้องทำ งานบางอย่างเกี่ยวข้องกับชีวิตฝ่ายจิต และบางอย่างเกี่ยวข้องกับสิ่งภายนอก เราได้ทำหน้าที่ทั้งสองอย่างเพื่อพระเจ้าไหม เราต้องพยายามทำให้งานหน้าที่ประจำวันของเราศักดิ์สิทธิ์ ร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์ ทำทุกอย่างเพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้า และดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ตลอดวัน
พระเยซูเจ้าทรงบอกชาวฟาริสีที่เตือนพระองค์ เกี่ยวกับพระประสงค์ที่ทรงต้องการช่วยชาวเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงเสนอความรอด การปกปักรักษาและความเอื้ออาทรแก่พวกเขา  แต่พวกเขาปฏิเสธพระองค์อย่างไม่มีเยื่อใย “เยรูซาเล็มเอ๋ย เยรูซาเล็ม เจ้าฆ่าประกาศก เอาหินทุ่มผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาหาเจ้า กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เราต้องการรวบรวมบุตรของเจ้าเหมือนแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปีก แต่เจ้าไม่ต้องการ” (ลก 13:34)
บ่อยครั้งคริสตชนไม่ต่างจากชาวเยรูซาเล็ม ปฏิเสธพระเจ้าและความช่วยเหลือจากพระองค์ เราปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำจากศัตรูร้ายกาจที่สุด ได้แก่ ความเกียจคร้าน ความยิ่งยโส การกลัวความลำบากฯลฯ พระเยซูเจ้าทรงแนะนำเราให้ตื่นเฝ้าด้วยการอธิษฐานภาวนาเพื่อต่อสู้กับการประจญ หากเราเดินในแสงสว่างของพระคริสตเจ้า และดำรงตนในความรักของพระองค์ เราจะปลอดภัยจากความชั่วร้าย และไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว
เพื่อเอาชนะปีศาจ คริสตชนแต่ละคนต้องให้พระจิตเจ้าทรงนำทาง เราต้องอาศัยพระคุณของพระจิตเจ้าในการต่อสู้กับความชั่วร้ายของปีศาจ ไม่เจ้าเล่ห์อย่างกษัตริย์เฮโรด และไม่ปฏิเสธพระเจ้าอย่างชาวเยรูซาเล็ม ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่ปฏิเสธพระเจ้า ดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานและรับใช้ซึ่งกันและกัน ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า บนพื้นฐานแห่งความรัก การให้อภัย และการอธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พระองค์เสริมกำลังเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
31 ตุลาคม 2018
ภาพ: ปิดเดือนแม่พระแห่งสายประคำ, สุสานวัดดอนม่วย-โนนค้อ, พรรณานิคม, สกลนคร; 2018-10-31

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ไม่มีทางลัดไปสวรรค์


ไม่มีทางลัดไปสวรรค์
พุธ
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
อฟ 6:1-9
ลก 13:22-30
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับประตูแคบเพื่อตอบคำถามที่ว่า “มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” (ลก 13:23) ผู้ที่พยายามเข้าทางประตูแคบจะได้ร่วมงานเลี้ยงนิรันดรกับพระบิดาเจ้า ในขณะที่ผู้ไม่ดำเนินชีวิตตามความเชื่ออยู่ข้างนอก ได้แก่ คริสตชนที่ใจเย็นเฉยที่รู้จักเจ้าของบ้านดี เคยกินดื่มด้วยกันและคิดว่า ตนเองจะได้รับสิทธิพิเศษ แต่กลับถูกทิ้งไว้ข้างนอก การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันของความรอดนิรันดร
เป้าหมายของชีวิตคริสตชนคือการอยู่กับพระเจ้าและเข้าในพระอาณาจักรสวรรค์ นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงมาวัด มิใช่การถือตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่เพราะต้องการอยู่กับพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วโมงเดียวในวันอาทิตย์ แต่เราต้องนำพระองค์กลับออกไปพร้อมกับเราในชีวิตจริงที่บ้าน ที่ทำงาน และทุกที่ที่เราไป เพื่ออยู่กับพระองค์ตลอดเวลาและพบพระองค์ในบุคคลต่าง ๆ ที่เราพบ
ทุกวันนี้คริสตชนถูกท้าทายด้วยกระแสและค่านิยมของโลกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่า “คนอื่นก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น” เช่น คดโกง เอารัดเอาเปรียบ หรือประพฤติผิดศีลธรรมต่าง ๆ หากเราทำบ้างคงไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ก็ทำกัน เป็นการง่ายที่จะเข้าทางประตูกว้าง หรือทำอย่างคนส่วนใหญ่ทำกัน แต่การเดินสวนกระแสย่อมยากกว่าเสมอ และนี่เป็นการเดินทางเข้าประตูสวรรค์ ซึ่งเป็นประตูแคบและยากลำบาก
พระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้รอด และอยู่กับพระองค์อย่างมีความสุขตลอดไป แม้ว่า ประตูสวรรค์แคบ แต่เปิดอยู่เสมอ พระเจ้าทรงให้โอกาสทุกคนและให้อิสระที่จะเลือก หรือปฏิเสธ ความรอดไม่ได้ขึ้นกับพระเจ้า แต่ขึ้นอยู่กับเรา และเป็นหน้าที่ของเรา ต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุดขณะยังมีเวลาและมีชีวิตอยู่ หากเราซื่อสัตย์ต่อหน้าที่คริสตชนและดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์อย่างแน่นอน
พระเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนให้ไปสวรรค์ แต่ไม่มีทางลัดสำหรับไปสวรรค์ การเป็นคริสตชนมิใช่หลักประกันของการเข้าสวรรค์ เราต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงนักบุญเปาโล “ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้ว ข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้ว” (2 ทม 4:7) ศิษย์พระคริสต์ต้องเข้าทางประตูแคบ ดำเนินชีวิตในความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ท้อถอยในการทำความดีและการทำหน้าที่คริสตชน สละน้ำใจตนเอง อุทิศตนเพื่อผู้อื่น และทำหน้าที่ในแต่ละวันให้ดีที่สุด
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
30 ตุลาคม 2018
ภาพ : คริสตชนเมืองพล, ตรีวารคืนแรก, วัดแม่พระฟาติมา เมืองพล, ขอนแก่น; 2018-10-30

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การเติบโตที่ไม่หยุดนิ่ง


การเติบโตที่ไม่หยุดนิ่ง
อังคาร
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
อฟ 5:21-33
ลก 13:18-21
อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นภาพเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นพระอาณาจักที่มีชีวิตและเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง สะท้อนพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ แม้มองไม่เห็นแต่มีชีวิตและค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้น พระเยซูเจ้าทรงมั่นพระทัยในการเจริญเติบโตของพระอาณาจักรที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ จากเมล็ดมัสตาร์ดเล็ก ๆ กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ จากเชื้อแป้งเพียงเล็กน้อย ได้ทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้น
ไม่มีใครมองเห็นการเจริญเติบโตของต้นไม้ เราเดินผ่านต้นไม้ทุกวันโดยไม่ได้สังเกต การเติบโตเป็นไปอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับเชื้อแป้งทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้น การเริ่มต้นเป็นไปอย่างเงียบ ๆ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ผลสุดท้ายน่าพิศวง พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเช่นนั้น พระศาสนจักรเริ่มจากกลุ่มคนเพียงหยิบมือ และเป็นเพียงชาวประมงธรรมดาไม่ได้มีความรู้มาก แต่เป็นกลุ่มคนที่มีชีวิตและได้รับพลังพิเศษจากเบื้องบน
ในพระอาณาจักรของพระเจ้าสิ่งเล็กน้อยที่สุดสามารถกลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ได้ ตัวอย่าง กิจการแห่งแห่งความเมตตาซึ่งเล็กน้อยที่สุดที่เราแสดงออก แต่สามารถก่อให้เกิดผลในแบบที่คาดไม่ถึง เรามักเข้าใจผิดคิดว่า มีแต่สิ่งใหญ่โตตามแบบโลกเท่านั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม หรือพระศาสนจักร อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้งได้สะท้อนว่า กิจการเล็กน้อยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่กลายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ ทรงตั้งพระศาสนจักร และมอบทุกอย่างไว้ในมือของบรรดาศิษย์ ทรงปล่อยให้การเจริญเติบโตเป็นงานของพระจิตเจ้า อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อแป้ง เป็นรูปหมายถึงพระศาสนจักรที่ทรงตั้งขึ้นให้เป็นบ้านของคนทุกเชื้อชาติ ทุกคนได้เข้ามาในพระศาสนจักรเหมือนเข้าบ้าน  ซึ่งเราสามารถพบสันติสุข และความรักแห่งการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า ผู้ทรงคอยเราอยู่ในศีลมหาสนิทและศีลศักดิ์สิทธิ์
ความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ต้องเติบโตและเข้มแข็งขึ้นทุกวัน แสดงออกให้เห็นในภาคปฏิบัติ ดังเชื้อแป้งคุกเคล้าจากภายนอก แต่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในและเติบโตอย่างมั่นคง ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเป็นพระอาณาจักรมีชีวิต และเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง ในความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ในการตอบรับต่อแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า ในการร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้าภายใต้การนำของพระจิตเจ้า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
29 ตุลาคม 2018
ที่มาภาพ : https://www.heartlight.org/wjd/luke/0828-wjd.html

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ทำดีโดยไม่ลังเล



ทำดีโดยไม่ลังเล
จันทร์
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
อฟ 4:32-5:8
ลก 13:10-17
ชาวฟาริสีได้ออกกฎเกณฑ์หยุมหยิมมากมาย เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของวันสับบาโต ทำให้การกระทำดีเพื่อช่วยคนกลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับวันสับบาโต เพราะถือเป็นการทำงาน พวกเขาอนุญาตให้ดูแลสัตว์เลี้ยงได้ แต่ไม่อนุญาตให้ดูแลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นหญิงหลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้ และทรงสงสาร พระองค์สามารถรอคอยได้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้ง แต่หญิงคนนั้นได้รับความทุกข์ทรมานมาสิบแปดปีแล้ว
พระเยซูเจ้าทรงแสดงความเมตตากรุณาด้วยการช่วยหญิงหลังค่อม เพื่อทำให้บทบัญญัติของพระเจ้าสมบูรณ์ มิใช่กฎเกณฑ์ที่ชาวฟาริสีขยายความและกำหนดขึ้น พระองค์ทรงทราบดีว่า เมื่อทรงกระทำเช่นนั้นในวันสับบาโตย่อมเกิดความขัดแย้งกับชาวฟาริสีอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่พระองค์ไม่ทรงลังเลในการทำความดี มีไหมที่เรารู้สึกลังเลในการทำความดีเพราะคำพูดของคน หรือเราได้ให้กำลังใจและช่วยคนที่พยายามทำความดีบ้างไหม
พระเยซูเจ้าทรงเห็นความต้องการของหญิงที่ถูกปีศาจสิงและเจ็บป่วยมาสิบแปดปี ทรงรักษาเธอในทันทีโดยไม่ลังเล “พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนั้นนางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” (ลก 13:13) ทรงต้องการแสดงให้เห็นว่า พระองค์เสด็จมาในโลกเพื่อช่วยมนุษย์ และปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระจากภาระของกฎหมาย ที่ให้คุณค่ากฎเกณฑ์มากกว่าความเป็นมนุษย์ด้วยกัน
การรักษาหญิงหลังค่อมแสดงถึงความเมตตากรุณาของพระเยซูเจ้าต่อคนเจ็บป่วย คนยากจน และคนที่อยู่ในสภาพน่าเวทนา ซึ่งเป็นภาพพจน์ของมนุษย์ที่ไร้อิสรภาพ อีกทั้ง ได้ให้ความหมายใหม่ของวันสับบาโตว่า เป็นวันของพระเจ้า วันแห่งการทำความดี วันแห่งการช่วยคน วันแห่งการสรรเสริญและโมทนาคุณพระเจ้า พระองค์ทรงทำให้เห็นว่า กฎหมายมีไว้สำหรับมนุษย์ ทรงเรียกร้องให้เราใช้หัวใจตัดสิน และคำนึงถึงความทุกขเวทนาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
บ่อยครั้งเรามีข้ออ้างสารพัดเพื่อไม่ต้องทำดี ไม่ต้องช่วยคน หรือไม่ต้องมาวัด คริสตชนต้องจำนนต่อความรักและความเมตตาหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า อีกทั้ง ต้องให้กำลังใจและช่วยคนที่พยายามทำดี ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่ลังเลในการทำความดีเพื่อเห็นแก่พระเจ้า  โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนทุกข์จนและต้องการความช่วยเหลือ เราต้องไม่ท้อถอยในการทำความดี กล้ายืนหยัดในความดีและความถูกต้องชอบธรรม และเลียนแบบพระเยซูเจ้าในการทำความดีโดยไม่ลังเล
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
28 ตุลาคม 2018
ที่มาภาพ : https://digitalmissioners.com/2020/10/luke-1310-17/

สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ, ปีที่ 1 ฉบับที่ 24


สารวัดดอนม่วย-โนนค้อ

ปีที่ 1  ฉบับที่ 24;  อาทิตย์ที่ 28  ตุลาคม 2018 (2561): http.//dondaniele.blogspot.com

107 หมู่ 6 บ้านดอนม่วย ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร 47130È086-231-3231

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
คู่แต่งงานที่ฉลองครบรอบแต่งงานจากวัดโนนค้อ 21 ตุลาคม 2018
พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้ได้อธิบายให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดที่ชื่อบารทิเมอัสที่เมืองเยริโค และบารทิเมอัสได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อนี้ทำให้เขาได้รับการรักษาจากพระเยซูเจ้า ทั้งอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจ
คริสตชนแต่ละคนต้องถามตนเองว่าเราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่มีตาดีบ้างไหม หากเป็นเช่นนั้นเราต้องมาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ ให้พระองค์รักษาอาการบอดมืดในใจเรา เปิดตาและใจของเรา ให้สามารถมองเห็นความดีของผู้อื่นและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นในคนจน คนต่ำต้อยและคนชายขอบของสังคม ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายของผู้มีความเชื่อและศิษย์แท้จริงของพระคริสตเจ้า
 ครอบครัวผู้ใหญ่มนูญ อินทะเรืองรุ่ง ฉลองครบรอบ 36 ปีชีวิตสมรสที่ดอนทอย
บทอ่านที่หนึ่ง พระเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญากับประชากรอิสราแอลถึงอิสรภาพจากการเป็นทาส ความชื่นชมยินดีและการปลอบโยนผ่านทางประกาศกเยเรมีย์ พระเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์คือพระผู้ช่วยในยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ทรงดูแลเอาใจใส่เยี่ยงบิดาที่ดูแลลูก เราต้องมีความมั่นใจในความช่วยเหลือของพระองค์
บทอ่านที่สอง พระเยซูเจ้าได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้าให้เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ดังนั้นพระสงฆ์แต่ละองค์จึงได้รับเลือกสรรจากพระเจ้าเพื่อเป็นตัวแทนของพระเจ้าและมนุษย์ในการถวายของถวายและเครื่องบูชา ซึ่งชีวิตของเขาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับบุคคลอื่น ดังเช่นพระเยซูเจ้าที่ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเป็นการถวายบูชาตลอดมา
พระวรสาร ในบริบทของพระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและศูนย์กลางทางการค้าตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ ขณะที่กำลงเสด็จผ่านเยริโคพระองค์ได้รักษาคนตาบอดที่ชื่อบารทิเมอัส ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าสงสาร นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายของพระเยซูเจ้าตามบันทึกของนักบุญมาระโก
 ครอบครัวลุงสุบรรณ์-ป้าพยอม ผิวชัย ฉลองครบรอบ 51 ปีชีวิตสมรสที่ดอนทอย
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1.      แจ้งเรื่อง 1) มิสซาปิดเดือนแม่พระที่สุสาน: พุธที่ 31 ตุลาคม เวลา 19.30 น. คุณพ่อทินกร เหลือหลาย ประธาน, 2) มิสซาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน: พฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน เวลา 19.30 น. คุณพ่อชัยวัฒน์ นำสุย ประธาน, ศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน เวลา 19.30 น. คุณพ่ออนุสรณ์ นิลเขต ประธาน 3) มิสซาเสกสุสาน เสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 8.00 น. 
2.      ขอให้กรรมการสภาอภิบาลวัดได้ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้งานทุกอย่างเรียบร้อย
3.      อาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2018 ขอเชิญร่วมฉลองอารามนักพรตชาย คณะซิสโตเซียน บ้านโคกสะอาด พิธีบูชาขอบพระคุณ เวลา 11.00 น. โดย พระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์
4.      มีทุนการศึกษาจากศูนย์สังคมพัฒนาฯ สำหรับนักเรียน-นักศึกษา ปี 2018 วัดดอนม่วย 3 ทุน และวัดโนนค้อ 2 ทุน
5.      เงินทาน อาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2018: ดอนม่วย 1,348.- บาท และ โนนค้อ 1,092.- บาท
6.      รายนามผู้บริจาคสมทบซื้อทีวี: 6) ครอบครัวนางคำจันทร์ สัพโส จำนวน 200 บาท ยอดรวม 4,500.- บาท
7.      ขอบคุณ กลุ่มคริสตชนพื้นฐานกลุ่มที่ 9-10 ที่มาทำความสะอาดวัด สัปดาห์หน้ากลุ่มที่ 1-2 (โนนค้อ: กลุ่มที่ 2)
 สวดสายประคำบ้านครูน้อง สุพาวรรณ 21 ตุลาคม 2018
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
อาทิตย์
28
07.00 น.
08.30 น.
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา
สุขสำราญพี่น้องชาวโนนค้อ
† สุขสำราญพี่น้องชาวดอนม่วย
จันทร์
29
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

อังคาร
30
06.00 น.
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

พุธ
31
19.30 น.
มิสซาปิดเดือนแม่พระที่สุสาน

พฤหัส
1
19.30 น.
มิสซาภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน

ศุกร์
2
19.30 น.
มิสซาภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน

เสาร์
3
08.00 น.
มิสซาภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่สุสาน


สวดสายประคำบ้านครูนาวา เหลือหลาย 22 ตุลาคม 2018

 สวดสายประคำบ้านป้าหล่อง โนนค้อ 25 ตุลาคม 2018

 สวดสายประคำที่วัดดอนม่วยหน้าพระรูปแม่พระ 27 ตุลาคม 2018


วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ความเชื่อของชายตาบอด


ความเชื่อของชายตาบอด
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 30
เทศกาลธรรมดา
ปี B
ยรม 31:7-9
ฮบ 5: 1-6
มก 10: 46-52
บทนำ
 นิโคลัส ปูส์แซง (Nicholas Poussin: 15953-1667) จิตกรเอกชาวฝรั่งเศสแห่งศตวรรษที่ 17 ได้รังสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยมทรงคุณค่ามากมาย ภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของเขาคือภาพพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัส วันหนึ่งขณะที่นักประพันธ์และศิลปินกำลังชมภาพวาดดังกล่าว ศิลปินได้ถามนักประพันธ์ว่า “ท่านสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในรูปนี้ไหม”
นักประพันธ์พูดว่า “เห็นพระพักตร์พระเยซูเจ้าและภาพใบหน้าของแต่ละคน สะท้อนตัวตนของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม” ศิลปินได้ชี้ให้ดูบันใดบ้านตรงมุมของผืนผ้าและถามว่า “เห็นไม้เท้าที่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นไหม” นักประพันธ์ตอบว่า “เห็น แต่ไม่ทราบความหมาย” ศิลปินได้อธิบายว่า “บันไดคือจุดที่ชายตาบอดนั่งขอทานเมื่อเขาได้ยินเสียงพระเยซูเจ้าเรียก เขาได้ทิ้งไม้เท้าไว้และวิ่งไปหาพระองค์ ความเชื่อแรงกล้าของเขาทำให้เขาได้รับการรักษา”
พระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค เมืองที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางทางการค้า ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ พระองค์ได้รักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัส ผู้น่าสงสารทั้งตาบอดและยากจน ต้องดำรงชีพด้วยการขอทาน ความยากลำบากและความทุกข์ที่เขาเผชิญจึงหนักหนาสาหัส แต่ความโชคร้ายเหล่านี้ได้รับการเยียวยารักษาจากพระเยซูเจ้า นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายตามบันทึกของนักบุญมาระโก
1.       ความเชื่อของชายตาบอด
ความเชื่อทำให้บารทิเมอัสได้รับการรักษา เขาเชื่อในพระเยซูเจ้าได้อย่างไรทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็น คนอื่นอาจได้เห็นอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ขณะที่บาร์ทิเมอัสมองไม่เห็นและไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหน การนั่งขอทานริมถนนวันแล้ววันเล่า คงทำให้เขาได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:23) เขาจึงตั้งตาคอยด้วยความหวังว่าพระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่านมาทางนี้บ้าง
บารทิเมอัสต้องการพบพระเยซูเจ้าเพื่อได้รับการรักษา แต่ต้องพบอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากมองไม่เห็นและไม่สามารถเดินทางตามหาพระองค์เหมือนคนทั่วไปได้ วันหนึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองเยริโค เขาคงได้ยินคนพูดว่าพระองค์กำลังเสด็จมา เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้จึงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” (มก 10:47) บางคนเห็นว่าเขาส่งเสียงรบกวนจึงสั่งให้หยุดพูด แต่เขายิ่งร้องเสียงดังจนพระเยซูเจ้าได้ยินและเรียกเขา
บารทิเมอัสได้ทิ้งทุกสิ่งกระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและร้องขอการรักษา ทรงตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” (มก 10:52) ทรงตอบแทนความเชื่อของเขาด้วยการรักษาเขาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เขาได้กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ได้เห็นผลงานน่าอัศจรรย์ที่ทรงกระทำ เห็นเหตุการณ์ต่างๆ และฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในสิ่งสร้าง ที่แสดงถึงธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า ซึ่งช่วยเปิดตาใจและเพิ่มพูนความเชื่อของเขา ทำให้เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดองค์พระผู้ไถ่เพื่อขอบคุณ สรรเสริญและรับใช้พระองค์
2.       บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องมีความเชื่อเช่นเดียวกับบารทิเมอัส ที่วางใจในความดีและพระทัยเมตตาของพระเยซูเจ้า ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าในการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อและฟังเสียงของพระองค์อย่างตั้งใจที่ตรัสกับเราว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” ให้เราได้บอกพระองค์ถึงเจตนาและความต้องการของเรา เพื่อพระองค์จะได้รักษาเราทั้งกายและวิญญาณ
ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการบอดมืดฝ่ายจิต เราแต่ละคนต่างบอดมืดฝ่ายจิตจากความโกรธ ความเกลียดชัง อคติ ความอิจฉาริษยาและนิสัยไม่ดีต่างๆ ที่ปิดบังตาเราไม่ให้มองเห็นความดีของเพื่อนพี่น้องและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเขา เราอาจบอดมืดต่อความยุติธรรมเมื่อเราปฏิเสธการจ่ายหนี้สินหรือค่าจ้าง หรือบอดมืดด้วยความโลภเมื่อเราไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ บางครั้งถึงกับยอมเป็นหนี้เพื่อแลกกับสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ
ประการที่สาม เราต้องเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ เราต้องเปิดตาและใจของเราเพื่อมองเห็นว่ามีแต่พระองค์เท่านั้นสามารถช่วยเราให้รอดได้ เราต้องเลียนแบบความเป็นศิษย์ของบารทิเมอัส: 1) จดจำพระเยซูเจ้าในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด, 2) ยอมรับความจริงว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์, 3) พร้อมตอบสนองการเรียกของพระองค์ และ 4) กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ด้วยการรักษาชายตาบอดชื่อบารทิเมอัส ทรงเอาพระทัยใส่บารทิเมอัสที่เมืองเยริโค เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงเอาพระทัยใส่คนตาบอดและคนพิการในบทอ่านแรก บารทิเมอัสได้แสดงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อทำให้เขาได้รับการรักษาอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจ และกลายเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า
บ่อยครั้งเราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่ตายังดี ศิษย์พระคริสต์ต้องมาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ เพื่อให้พระองค์รักษาอาการบอดมืดในใจเรา เปิดตาและใจของเราให้มองเห็นความดีของผู้อื่น และการประทับอยู่ของพระเจ้าเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา เพื่อเป็นเครื่องหมายของผู้มีความเชื่อและศิษย์แท้จริงของพระองค์
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, พรรณานิคม
26 ตุลาคม 2018
ที่มาภาพ: https://myanimelist.net/forum/?topicid=1677636