วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความเชื่อที่มากพอ

ความเชื่อที่มากพอ
วันเสาร์
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
ปฐก 18:1-15
มธ 8:5-17
บทอ่านวันนี้เกี่ยวข้องกับความเชื่อซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตคริสตชน บทอ่านแรกหนังสือปฐมกาลนางซาราห์ไม่เชื่อเมื่อได้ยินว่าจะมีบุตรชายคนหนึ่ง เพราะมองจากข้อเท็จจริงที่อายุมากและหมดประจำเดือนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่หญิงชราจะตั้งครรภ์ แต่อับราฮัมเชื่อและวางใจพระเจ้า ความเชื่อของท่านแสดงออกในการต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า และได้รับการตอบแทนด้วยการตั้งครรภ์ของนางซาราห์ในปีต่อมา
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงรักษาผู้รับใช้ของนายร้อย ผู้มีความเชื่อมากโดยปราศจากข้อสงสัย เขาคงเคยได้ยินการรักษาคนโรคเรื้อนให้หายก่อนหน้านี้ เขาได้ขอพระองค์รักษาผู้รับใช้ของตนซึ่งเป็นอัมพาต เขาทราบดีว่าพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่มีพลังอำนาจ สามารถรักษาคนป่วยจากระยะไกลด้วยพระวาจาของพระองค์ เหมือนคำสั่งตามสายงานบังคับบัญชาที่เขาคุ้นเคย
เมื่อได้รับการร้องขอจากนายร้อย พระเยซูเจ้าปรารถนาจะเสด็จไปรักษาผู้รับใช้ที่บ้านของเขาทันที แสดงถึงความรักและความเมตตากรุณาของพระองค์สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างศาสนา พระองค์ทรงไวต่อความต้องการและพร้อมช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน เราต้องมีท่าทีแบบเดียวกันนี้ ความรักและความเมตตากรุณาของเราต้องเปิดไปสู่ผู้อื่น ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หรือสงวนสิ่งใดไว้สำหรับผู้ที่เรารักเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงประทับใจความเชื่อที่มากพอและปราศจากเงื่อนไขของนายร้อย “ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำเดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค” (มธ 8:8) เขาเชื่อว่าพระองค์สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องพบหรือสัมผัสตัว นี่คือฉากสำคัญของเรื่องที่แสดงว่าพระองค์ทรงอานุภาพเหนือธรรมชาติทั้งมวล
พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกทึ่งในความเชื่อของนายร้อย และได้ใช้โอกาสนั้นสอนประชาชนว่า นี่คือความเชื่อที่พระองค์ไม่เคยพบมาก่อนในหมู่ชาวยิว ประชากรที่ทรงเลือกสรร หากพวกเขาไม่เชื่อ พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกมอบแก่คนต่างศาสนา เราคริสตชนในฐานะประชากรของพระเจ้า ถูกเรียกร้องให้ดำเนินชีวิตตามความเชื่อที่มากพอเช่นนายร้อย และพร้อมที่จะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ด้วยความรักที่ปราศจากเงื่อนไขเยี่ยงพระเยซูเจ้า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
30 มิถุนายน 2017
ภาพประกอบ: การภาวนาเพื่อครูบุญหอง สมพานทะบานสุก, ครูคำสอนบ้านหนองแวง, ปากซัน สปป ลาว; 2017-06-26

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สิ่งเล็กน้อย

สิ่งเล็กน้อย
วันศุกร์
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
ปฐก 17:1, 9-10, 15-22
มธ 8:1-4
การอัศจรรย์เป็นสิ่งที่สำคัญต่อพันธกิจแห่งการเทศน์สอนของพระเยซูเจ้า ซึ่งนักบุญมัทธิวได้รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ต่อจากบทเทศน์บนภูเขา โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงพระฤทธานุภาพของพระเจ้า ที่ทรงรับรองความจริงที่พระองค์ตรัส อีกทั้งเป็นเครื่องหมายภายนอกที่สื่อถึงความหมายที่ลึกซึ้งกว่า
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนโรคเรื้อน หากเราสังเกตคนโรคเรื้อนไม่เพียงมาขอให้พระองค์รักษาเขาให้หาย แต่ได้แสดงความเชื่อและความสุภาพที่ยิ่งใหญ่ และวางใจพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยการกราบลงเฉพาะพระพักตร์ “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ก็ทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” (มธ 8:2) เขาได้ร้องขอพระองค์อย่างใสซื่อ และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์
บ่อยครั้งในการอธิษฐานภาวนา เรามักขอสิ่งที่ต้องการและเร่งรัดพระเจ้าให้ประทานตามที่ต้องการ มิได้ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ คำอธิฐานภาวนาของเราส่วนใหญ่เป็นคำอธิษฐานภาวนาของคนความเชื่อน้อยและขาดความวางใจพระเจ้า แบบอย่างของคนโรคเรื้อนในพระวรสาร เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเราในการอธิฐานภาวนาและมอบทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงตอบแทนสิ่งเล็กน้อยที่คนโรคเรื้อนแสดงออก ด้วยการยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขาอย่างไม่รังเกียจ พระองค์ไม่เพียงรักษาเขาให้หายจากโรคเรื้อน แต่ยังทรงรักษาใจของเขาด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ สิ่งเล็กน้อยที่เรากระทำมีคุณค่ายิ่งใหญ่เสมอต่อหน้าพระเจ้า และได้รับการตอบแทนร้อยเท่าพันทวี “ผู้ใดให้น้ำท่านดื่มเพียงแก้วหนึ่งเพราะท่านเป็นคนของพระคริสตเจ้า เราบอกความจริงกับท่านว่า เขาจะได้บำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน” (มก 9:41)
พระเยซูเจ้าทรงให้ความเคารพมนุษย์และงานหน้าที่ของเขา โดยบอกคนโรคเรื้อนให้ไปแสดงตัวต่อหน้าสมณะและถวายเครื่องบูชาตามกฎของโมเสส เราแต่ละคนเป็นดังคนโรคเรื้อนฝ่ายวิญญาณ  ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง อิจฉาริษยา เห็นแก่ตัว อคติและใจแคบ ขอให้เราได้หันมาหาพระเยซูเจ้าด้วยความเชื่อและสุภาพถ่อมตน มอบทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ อีกทั้ง ต้องแสดงออกต่อเพื่อนพี่น้องด้วยความรักและความเคารพ เช่นเดียวกับพระองค์
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
29 มิถุนายน 2017
ภาพประกอบ: รอยยิ้มแห่งความสุข, พระอัครสังฆราชเกี้ยน เสมอพิทักษ์, สำนักอัครสังฆมณฑลฯ สกลนคร; 1997-12-15

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กิจการดังกว่าคำพูด

กิจการดังกว่าคำพูด
วันพฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
ปฐก 16:1-12, 15-16
มธ 7:21-29
เรามาถึงตอนสุดท้ายของบทเทศน์บนภูเขาของพระเยซูเจ้า ทรงเน้นย้ำความสำคัญของการกระทำหรือการลงมือปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการอธิษฐานภาวนา “คนที่กล่าวแก่เราว่า พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” (มธ 7:21)
สำหรับเราคริสตชนการฟังและเข้าใจพระวาจาของพระเยซูเจ้าเท่านั้นยังไม่พอ ต้องนำไปปฏิบัติด้วย “กิจการย่อมดังกว่าคำพูด” การนำพระวาจาหรือคำสอนของพระองค์ไปปฏิบัติ ย่อมดีกว่าการขับไล่ปีศาจหรือการทำอัศจรรย์ในนามของพระองค์ ความรักแท้จริงย่อมต้องแสดงออกในการกระทำ คนที่เอาแต่อธิษฐานภาวนาหรือประกาศพระวาจาของพระเจ้า แต่ขาดความรักในกิจการ ย่อมเป็นชีวิตที่ไร้ความหมาย
พระเยซูเจ้าตรัสกับเราอย่างชัดเจนว่าคนที่นำพระวาจาของพระองค์ไปปฏิบัติ เปรียบเหมือนคนที่สร้างบ้านไว้บนหิน ซึ่งมีรากฐานมั่นคงไม่หวั่นกลัวภยันตรายใดๆ ส่วนคนที่ไม่นำพระวาจาไปปฏิบัติ เปรียบเหมือนคนที่สร้างบ้านไว้บนทรายไม่มั่นคงแข็งแรง พร้อมจะพังทลายทันทีเมื่อภัยพิบัติมาเยือน เราเลือกที่จะเป็นคนแบบไหน
สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า พระเยซูเจ้าทรงให้ความสำคัญและยอมรับ ผู้ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไม่นำพระวาจาไปปฏิบัติ พระองค์จะกล่าวแก่เขาว่า “เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลาย ท่านผู้ทำความชั่ว จงไปให้พ้นหน้าเรา” (มธ 7:23) แม้จะเป็นคำพูดที่รุนแรง แต่ประชาชนที่ได้ฟังต่างยอมรับ เพราะพระองค์สอนอย่างผู้มีอำนาจ สอนสิ่งที่ได้ปฏิบัติ และปฏิบัติตามที่ได้สอน
ในบทเทศน์บนภูเขาพระเยซูเจ้าได้กล่าวถึงบทบัญญัติหลายประการ พระองค์ทรงอธิบายและทำให้สมบูรณ์ขึ้น ทรงให้ความหมายที่แท้จริงแก่บรรดาศิษย์ในการนำไปปฏิบัติ นี่คือแนวทางในการดำเนินชีวิตที่แท้จริงแบบคริสตชน ที่เราต้องไม่สับสนหรือสงสัย เพราะพระองค์ทรงเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต” (ยน 14:6)
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
28 มิถุนายน 2017
ภาพประกอบ: บาทหลวงคายน์ แสนพลอ่อน, มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ยากไร้, ภูพานน้อย นาแก; c1972

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ของปลอม-ของแท้

ของปลอม-ของแท้
วันพุธ
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
ปฐก 15:1-12, 17-18
มธ 7:15-20
เราสังเกตไหมว่าตามแผงลอย ร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ มักมีป้ายกำกับว่า “...ของแท้” ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีของปลอมหรือของเลียนแบบเยอะ จนคนไม่กล้าซื้อหรือแยกไม่ออก ผู้ขายต้องทำป้ายกำกับเพื่อให้คนซื้อเกิดความมั่นใจว่าเป็นของแท้แน่นอน บางทีมีการโฆษณาเกินจริงหรือสร้างภาพว่าเป็นของดีมีคุณภาพ ทั้งๆ ที่ความจริงเป็นเพียงของธรรมดาทำจากวัสดุทั่วไป ไม่ได้มีส่วนประกอบตามที่โฆษณาแต่อย่างใด
เราจะรู้สึกผิดหวังและเสียใจมาก หากสินค้าหรือสิ่งของที่เราซื้อมาเป็นของปลอมหรือของเลียนแบบ ไม่ใช่ของแท้และใช้ประโยชน์ไม่ได้จริงตามโฆษณา ทำให้ต้องส่งเรื่องร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฟ้องร้องหรือหาวิธีเอาผิด เพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบหรือชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น บางคนใช้วิธีแชร์ ส่งต่อพฤติกรรมหรือเรื่องราวความเสียหาย เพื่อบอกสังคมให้รับรู้และหาทางป้องกันมิให้ใครตกเป็นเหยื่อ
ขอบปลอมหรือของเลียนแบบไม่มีใครชอบ ในทางศาสนาเช่นกัน พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราให้ระวังคนที่แสร้งทำเป็นคนดี หรือคนที่สร้างภาพให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นคนดี เช่น บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีในสมัยของพระองค์ ที่ทำดีเพื่อให้คนเห็นหรือหวังคำชมเชย เป็นดังประกาศกเทียมที่ต้องระวัง พระองค์บอกเราว่าจะรู้จักคนเหล่านี้ได้จากการกระทำของเขา “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” คนดีหรือประกาศกแท้เปรียบได้กับต้นไม้พันธุ์ดีที่ย่อมให้ผลดีเสมอ
ความดีหรือแบบอย่างที่ดีเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจและมีอิทธิพลต่อคนอื่นเสมอ เรามักมองหาคนที่เป็นประพฤติดีมีคุณธรรมเป็นต้นแบบสำหรับเราและบุตรหลาน พระเยซูเจ้าทรงเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับเรา พระองค์เสด็จไปที่ไหนทรงกระทำแต่กิจการดีทั้งนั้น เราต้องเลียนแบบอย่างของพระองค์ ประการสำคัญ “ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง”  อีกทั้ง ต้องหลีกเลี่ยงบาปและการกระทำที่ไม่ดี เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับคนอื่น
พระเยซูเจ้ายังสอนเราด้วยว่าการประจญมาถึงเราหลายรูปแบบ บางทีอาจเป็นบุคคล สถานที่หรือสิ่งของที่อาจนำเราให้ตกในบาปได้ ส่วนใหญ่สิ่งเหล่านี้มองดูแล้วสวยงาม ดึงดูดใจ โดยเฉพาะในยุคสังคมออนไลน์ ที่สามารถตกแต่งหรือสร้างภาพความชั่วร้ายให้กลายเป็นความดีงามหรือ “เน็ตไอดอล” (อย่างกรณีน้องเปรี้ยวฆ่าหั่นศพ) พระเยซูเจ้าทรงเตือนให้เราระวังและอธิษฐานภาวนา เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นทาสของการประจญ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับคนอื่น
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
27 มิถุนายน 2017
ภาพประกอบ: ภาพวาดหนองหาร, พิพิธภัณฑ์ภูพาน, สกลนคร; 2017-05-02

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กฎทองของชีวิต

กฎทองของชีวิต
วันอังคาร
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
ปฐก 13:2, 5-18
มธ 7:6, 12-14
พระเยซูเจ้าได้สอนเราถึงการทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์ขึ้น โดยเน้นความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า และบอกเราให้เลียนแบบความศักดิ์สิทธิ์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์ ชีวิตคริสตชนเป็นชีวิตที่มุ่งสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในพิธีกรรมได้รับการเสกและทำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อการถวายบูชาแด่พระเจ้า เครื่องใช้เหล่านี้ต้องได้รับความเคารพ เก็บรักษา และใช้เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าเท่านั้น
พระเยซูเจ้าได้ตรัสถึง “กฎทอง” (The golden rule) ซึ่งเป็นกฎพื้นฐานและแนวปฏิบัติของทุกศาสนา “ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด” นี่คือ บทสรุปของพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม ธรรมบัญญัติ และคำสอนของประกาศกทั้งหมด พระเยซูเจ้าได้นำมากล่าวอ้างอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า “คริสตชนที่ครบครันคือ คนที่สมบูรณ์แบบในความรักต่อเพื่อนพี่น้อง กระทำดีต่อทุกคนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน”
ตอนท้ายของพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับ “ประตูแคบ” เพื่อบอกเราว่าเป้าหมายแห่งชีวิตคริสตชนคือ การอยู่กับพระเจ้าตลอดนิรันดร เรามาวัดเพราะต้องการอยู่กับพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วโมงเดียวในพิธีบูชาขอบพระคุณ แต่ต้องนำพระองค์กลับออกไปพร้อมกับเราในชีวิตจริงที่บ้าน ที่ทำงาน และทุกที่ที่เราไป เพื่อเราจะได้อยู่กับพระองค์ตลอดเวลาและพบพระองค์ในบุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็น
ทุกวันนี้ คริสตชนถูกท้าทายด้วยกระแสและค่านิยมของโลกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่า “คนอื่นก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น” เช่น คดโกง เอารัดเอาเปรียบ หรือประพฤติผิดศีลธรรมต่างๆ หากเราทำบ้างคงไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ทำกัน เป็นการง่ายที่จะเข้าทางประตูกว้างหรือทำอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกัน แต่การเดินสวนกระแสย่อมยากกว่าเสมอ แต่นี่คือ การเดินทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นการเข้าทางประตูแคบ เพื่อจะได้มีชีวิตที่สนิทความสัมพันธ์กับพระเจ้า และร่วมส่วนในงานเลี้ยงนิรันดรกับพระองค์
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
26 มิถุนายน 2017
ภาพประกอบ: คุณพ่อเสนีย์ สกนธวัฒน์, พระอัครสังฆราชเกี้ยน เสมอพิทักษ์, พระอัครสังฆราช คายน์ แสนพลอ่อน, บ้านซีเมออน ท่าแร่; c1998

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การตัดสินผู้อื่น

การตัดสินผู้อื่น
วันจันทร์
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
ปฐก 12:1-9
มธ 7:1-5
เรามนุษย์คุ้นเคยกับการตัดสินและมองเห็นความผิดของคนอื่นชัดเจนมาก แต่ความผิดของตนกลับมองข้ามหรือมองไม่เห็น พระเยซูเจ้าไม่ได้บอกเราว่าไม่ควรตัดสินใคร เพราะการตัดสินเป็นกระบวนการหนึ่งของการพัฒนาและปรับปรุงตนเอง หรือทำให้องค์กรดีขึ้น เช่น ครูบาอาจารย์ต้องตัดสินและประเมินผลการเรียนของศิษย์ เพื่อช่วยศิษย์ให้เรียนดียิ่งขึ้น นายจ้างต้องพิจารณาและตัดสินการทำงานของลูกจ้าง เพื่อให้รางวัลหรือวางคนให้เหมาะกับงาน
พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน ท่านตัดสินเขาอย่างไรพระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น” (มธ 7:1) พระองค์ได้มอบแนวทาง 3 ประการสำหรับเรา: 1) การตัดสินแบบจับผิดต้องเริ่มต้นที่ตนเอง ใครที่ไม่พิจารณาตนเองก่อน ไม่มีสิทธิไปตัดสินคนอื่น, 2) ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน มิใช่สองมาตรฐานหรือไม่มีมาตรฐานเลย และ 3) ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรัก การให้อภัย และความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
พระเยซูเจ้าทรงตำหนิอย่างรุนแรง การจับผิดและวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอย่างอยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนินทาว่าร้ายที่เกิดจากความอิจฉาริษยา อคติ และความแค้นเคือง เพราะเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจและก่อให้เกิดความเสียหาย ทำให้เราไม่สามารถเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้า ที่บอกเราให้รักทุกคนและทำดีต่อผู้ที่ทำไม่ดีต่อเรา เป็นการบั่นทอนกำลังใจและอุปสรรคต่อการทำความดี อีกทั้ง เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
การตัดสินที่ยุติธรรมเป็นภาพล่วงหน้าถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายของพระเจ้า เราลองนึกภาพการอยู่ต่อหน้าพระเจ้าในวันพิพากษา ทุกอย่างจะปรากฏแจ้งเหมือนความสว่าง ทั้งความคิด วาจา และกิจการ รวมถึงสิ่งที่เป็นความลับที่เราพยายามปกปิดมิให้ใครรู้ เราจะถูกพิพากษาจากสิ่งที่เรากระทำและวิธีปฏิบัติของเราต่อผู้อื่น ฉะนั้น เราจึงไม่ควรจับผิดหรือตัดสินใครโดยเบาความ
ประการสำคัญ หากพบว่าพี่น้องของเรากระทำผิดหรือบกพร่อง เราต้องหาวิธีช่วยเขาให้รู้ตัวและปรับปรุงแก้ไข บนพื้นฐานแห่งความรักและการตักเตือนกันแบบพี่น้องเป็นลำดับแรก หากเขายังไม่แก้ไขจึงแจ้งผู้ใหญ่ที่เขาเคารพนับถือให้ช่วยตักเตือน และแจ้งพระศาสนจักรให้ทราบเป็นลำดับสุดท้าย นี่คือแนวทางที่พระเยซูเจ้าทรงสอน อีกด้านหนึ่ง ต้องเป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาดูตัวเองว่าเราได้กระทำผิดแบบเดียวกันไหม เราเป็นสาเหตุให้เขาทำผิดหรือเปล่า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
25 มิถุนายน 2017
ภาพประกอบ: การยกหินตามความเชื่อ, วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร, ธาตุพนม; 1990-10-13

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สารวัดป่าพนาวัลย์, ปีที่ 3 ฉบับที่ 111

Text Box:  สารวัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์

ปีที่ 3  ฉบับที่ 111 อาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560):  http.//dondaniele.blogspot.com

เลขที่ 187 หมู่ที่ 5 บ้านป่าพนาวัลย์ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47230È086-231-3231

รา
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
เข้าเงียบและพบปะเพื่อนสงฆ์แสงธรรม รุ่น 15 ณ บ้านแมรี่แอน เขาใหญ่
พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าต่อบรรดาอัครสาวก ที่ทรงส่งไปประกาศข่าวดีและรักษาคนเจ็บป่วย ทรงแนะนำพวกเขาให้ดำเนินชีวิตเรียบง่าย หลังจากได้ทำนายถึงการต่อต้านและการเบียดเบียนที่พวกเขาจะได้รับ พระองค์ได้ให้กำลังใจพวกเขาให้มั่นคง โดยย้ำกับพวกเขาถึงสามครั้งว่า “อย่ากลัว” ในพันธกิจของการประกาศข่าวดี พวกเขาจะได้รับการปกป้องเช่นเดียวกับประกาศกเยเรมีย์ที่ได้รับการปกป้องจากพระเจ้า
เราต้องไม่กลัว ความกลัวทำให้เสื่อม เพราะไม่กล้าทำสิ่งใดด้วยกลัวว่าทำแล้วจะทำให้เราต่างไปจากคนอื่น เป็นคนแปลกแยกจากสังคม ได้รับผลกระทบหรือได้ไม่คุ้มเสีย ความกลัวมักเกิดจากพื้นฐานความคิดเรื่องการถูกปฏิเสธและการสูญเสีย เช่น กลัวตกงาน กลัวเสียเงิน กลัวเสียสุขภาพ ฯลฯ เราต้องตระหนักเสมอว่าพระเจ้าทรงทราบทุกอย่างที่เกิดขึ้น และชีวิตของเราอยู่ในพระหัตถ์และพระญาณสอดส่องของพระองค์ ที่ทรงเอาพระทัยใส่และดูแลเราเสมอ เราจึงไม่ควรกลัวสิ่งใด
ขอบคุณพระเจ้าพร้อมกัน ณ บ้านแมรี่แอน เขาใหญ่ 20 มิถุนายน 2017
บทอ่านแรก หนังสือประกาศกเยเรมีย์บอกให้เราทราบว่าท่านวางใจในอำนาจของพระเจ้าอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามในการทำหน้าที่ประกาศก เยเรมีย์พูดและประณามความชั่ว ทำให้ท่านถูกตามรังควานและเบียดเบียนอยู่เสมอ การถูกปฏิเสธและการเบียดเบียนเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากชีวิตของประกาศก แม้จะมีความกลัวแต่ท่านได้พลังมาจากการภาวนา
บทอ่านที่สอง นักบุญเปาโลได้ให้กำลังใจคริสตชนชาวโรมันว่าไม่ควรกลัวฝ่ายตรงข้าม เพราะพวกเขาร่วมส่วนในการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ผู้เป็นอาดัมใหม่ผ่านทางการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์
พระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ของพระองค์ ก่อนที่จะส่งพวกเขาออกไปประกาศข่าวดีและรักษาคนเจ็บป่วย พระองค์ทรงทราบดีว่าพวกเขาจะถูกปฏิเสธและต่อต้าน ทรงให้กำลังใจพวกเขาว่า “อย่ากลัว” เพราะพระเจ้าทรงทราบทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น พร้อมจะปกป้องคุ้มครองและดูแลพวกเขาเสมอ ขอเพียงพวกเขาวางใจและเชื่อในพระองค์
 หลังพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ บ้านแมรี่แอน เขาใหญ่ 20 มิถุนายน 2017
°ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
1)     ขอขอบคุณพ่อแม่ผู้ปกครองที่เห็นความสำคัญและให้บุตรหลานมาเรียนคำสอน ปีนี้จะจัดให้นักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 รับศีลมหาสนิทก่อน แยกต่างหากจากศีลกำลัง
2)     ขอให้สภาอภิบาลได้เร่งรัดในการทำเรื่องและขออนุญาตทำสุสาน
3)     จันทร์ที่ 26-อังคารที่ 27 มิถุนายน 2017 ประชุมกลุ่มพระสงฆ์รุ่น 20 ปี ที่บ้านแพง นครพนม ก่อนจะข้ามไปเยี่ยมหลุมศพมรณสักขีแห่งเมืองลาวที่เมืองปากซัน สปป. ลาว
4)     จันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2017 ประชุมกลุ่มคริสตชนพื้นฐานประจำเดือนมิถุนายน ที่บ้านลุงอุดม-ป้าสีฟอง สิทธิโส ขอเชิญพี่น้องเข้าร่วมภาวนาและประชุมโดยพร้อมเพียงกัน
5)     ศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2017 วันศุกร์ต้นเดือน ส่งศีลมหาสนิทคนป่วยและผู้สูงอายุ
6)     เงินทานอาทิตย์ (18 มิถุนายน) มิสซาเช้า จำนวน 850.- บาท มิสซาเย็น 645.- บาท รวมเป็นเงิน 1,495.- บาท
 บรรยากาศวัดป่าพนาวัลย์ยามหน้าฝน 24 มิถุนายน 2017
พิธีบูชาขอบพระคุณและวันฉลองในรอบสัปดาห์
วัน
ที่
เวลา
ผู้ขอ/วันฉลอง
จุดประสงค์
วันอาทิตย์
25
10.00 น.
19.30 น.
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
†สุขสำราญ พี่น้องชาวป่าพนาวัลย์
จันทร์
26
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

วันอังคาร
27
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

วันพุธ
28
18.30 น.
ระลึกถึง น. อีเรเนโอ พระสังฆราชและมรณสักขี

วันพฤหัสบดี
29
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

วันศุกร์
30
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

วันเสาร์
01
18.30 น.
สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา


 สีสันวัดป่าพนาวัลย์ยามหน้าฝน 24 มิถุนายน 2017