ความเชื่อของชายตาบอด
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 30
เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
ยรม 31:7-9
ฮบ 5:
1-6
มก 10:
46-52
|
บทนำ
นิโคลัส ปูส์แซง
(Nicholas Poussin: 15953-1667) จิตกรเอกชาวฝรั่งเศสแห่งศตวรรษที่ 17 ได้รังสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยมทรงคุณค่ามากมาย
ภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของเขาคือภาพพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัส
วันหนึ่งขณะที่นักประพันธ์และศิลปินกำลังชมภาพวาดดังกล่าว
ศิลปินได้ถามนักประพันธ์ว่า “ท่านสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในรูปนี้ไหม”
นักประพันธ์พูดว่า
“เห็นพระพักตร์พระเยซูเจ้าและภาพใบหน้าของแต่ละคน สะท้อนตัวตนของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม”
ศิลปินได้ชี้ให้ดูบันใดบ้านตรงมุมของผืนผ้าและถามว่า “เห็นไม้เท้าที่ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นไหม”
นักประพันธ์ตอบว่า “เห็น แต่ไม่ทราบความหมาย” ศิลปินได้อธิบายว่า “บันไดคือจุดที่ชายตาบอดนั่งขอทานเมื่อเขาได้ยินเสียงพระเยซูเจ้าเรียก
เขาได้ทิ้งไม้เท้าไว้และวิ่งไปหาพระองค์ ความเชื่อแรงกล้าของเขาทำให้เขาได้รับการรักษา”
พระวรสารวันนี้ ถือเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าสู่กรุงเยรูซาเล็มผ่านเมืองเยริโค
เมืองที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางทางการค้า ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ พระองค์ได้รักษาคนตาบอดชื่อบารทิเมอัส
ผู้น่าสงสารทั้งตาบอดและยากจน ต้องดำรงชีพด้วยการขอทาน ความยากลำบากและความทุกข์ที่เขาเผชิญจึงหนักหนาสาหัส
แต่ความโชคร้ายเหล่านี้ได้รับการเยียวยารักษาจากพระเยซูเจ้า
นับเป็นอัศจรรย์สุดท้ายตามบันทึกของนักบุญมาระโก
1. ความเชื่อของชายตาบอด
ความเชื่อทำให้บารทิเมอัสได้รับการรักษา
เขาเชื่อในพระเยซูเจ้าได้อย่างไรทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็น คนอื่นอาจได้เห็นอัศจรรย์ต่างๆ
ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ขณะที่บาร์ทิเมอัสมองไม่เห็นและไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหน
การนั่งขอทานริมถนนวันแล้ววันเล่า
คงทำให้เขาได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:23) เขาจึงตั้งตาคอยด้วยความหวังว่าพระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่านมาทางนี้บ้าง
บารทิเมอัสต้องการพบพระเยซูเจ้าเพื่อได้รับการรักษา
แต่ต้องพบอุปสรรคหลายอย่าง เนื่องจากมองไม่เห็นและไม่สามารถเดินทางตามหาพระองค์เหมือนคนทั่วไปได้
วันหนึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองเยริโค เขาคงได้ยินคนพูดว่าพระองค์กำลังเสด็จมา เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้จึงร้องเสียงดังว่า
“ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” (มก 10:47) บางคนเห็นว่าเขาส่งเสียงรบกวนจึงสั่งให้หยุดพูด
แต่เขายิ่งร้องเสียงดังจนพระเยซูเจ้าได้ยินและเรียกเขา
บารทิเมอัสได้ทิ้งทุกสิ่งกระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้าและร้องขอการรักษา
ทรงตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” (มก 10:52) ทรงตอบแทนความเชื่อของเขาด้วยการรักษาเขาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เขาได้กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
ได้เห็นผลงานน่าอัศจรรย์ที่ทรงกระทำ เห็นเหตุการณ์ต่างๆ
และฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าในสิ่งสร้าง ที่แสดงถึงธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้า ซึ่งช่วยเปิดตาใจและเพิ่มพูนความเชื่อของเขา
ทำให้เขาต้องการอยู่ใกล้ชิดองค์พระผู้ไถ่เพื่อขอบคุณ สรรเสริญและรับใช้พระองค์
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องมีความเชื่อเช่นเดียวกับบารทิเมอัส
ที่วางใจในความดีและพระทัยเมตตาของพระเยซูเจ้า
ให้เราได้มาหาพระเยซูเจ้าในการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อและฟังเสียงของพระองค์อย่างตั้งใจที่ตรัสกับเราว่า
“ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” ให้เราได้บอกพระองค์ถึงเจตนาและความต้องการของเรา
เพื่อพระองค์จะได้รักษาเราทั้งกายและวิญญาณ
ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการบอดมืดฝ่ายจิต เราแต่ละคนต่างบอดมืดฝ่ายจิตจากความโกรธ
ความเกลียดชัง อคติ ความอิจฉาริษยาและนิสัยไม่ดีต่างๆ
ที่ปิดบังตาเราไม่ให้มองเห็นความดีของเพื่อนพี่น้องและการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเขา
เราอาจบอดมืดต่อความยุติธรรมเมื่อเราปฏิเสธการจ่ายหนี้สินหรือค่าจ้าง หรือบอดมืดด้วยความโลภเมื่อเราไม่เคยพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่
บางครั้งถึงกับยอมเป็นหนี้เพื่อแลกกับสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ
ประการที่สาม เราต้องเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า
ผู้ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์
เราต้องเปิดตาและใจของเราเพื่อมองเห็นว่ามีแต่พระองค์เท่านั้นสามารถช่วยเราให้รอดได้
เราต้องเลียนแบบความเป็นศิษย์ของบารทิเมอัส: 1) จดจำพระเยซูเจ้าในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด,
2) ยอมรับความจริงว่าต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์,
3) พร้อมตอบสนองการเรียกของพระองค์ และ 4) กลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้แสดงความเมตตากรุณาและความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์
ด้วยการรักษาชายตาบอดชื่อบารทิเมอัส ทรงเอาพระทัยใส่บารทิเมอัสที่เมืองเยริโค เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงเอาพระทัยใส่คนตาบอดและคนพิการในบทอ่านแรก
บารทิเมอัสได้แสดงความเชื่อของเขาด้วยการร้องหาพระองค์ ความเชื่อทำให้เขาได้รับการรักษาอาการบอดมืดฝ่ายกายและจิตใจ
และกลายเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า
บ่อยครั้งเราได้กลายเป็นคนตาบอดขณะที่ตายังดี ศิษย์พระคริสต์ต้องมาหาพระเยซูเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อ
เพื่อให้พระองค์รักษาอาการบอดมืดในใจเรา เปิดตาและใจของเราให้มองเห็นความดีของผู้อื่น
และการประทับอยู่ของพระเจ้าเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา
เพื่อเป็นเครื่องหมายของผู้มีความเชื่อและศิษย์แท้จริงของพระองค์
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, พรรณานิคม
26 ตุลาคม 2018
ที่มาภาพ: https://myanimelist.net/forum/?topicid=1677636
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น