ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์ 30 ธันวาคม
ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ปี
C
|
1 ซมอ 1:20-22,
24-28
1 ยน 3:1-2, 21-24
ลก 2:41-52
|
บทนำ
นักบุญเปาโลที่ 6 พระสันตะปาปา ได้เล่าเรื่องเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระอัครสังฆราชแห่งมิลาน
ขณะไปเยี่ยมอภิบาลตามวัดพระองค์ได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ตามลำพัง ทรงถามเธอว่า
“สบายดีไหม” เธอตอบว่า “สบายดีตามอัตภาพและไม่ต้องทรมานเพราะความหนาว”
พระองค์ตรัสกับเธอว่า “แสดงว่ามีความสุขนะสิ” หญิงชราตอบทันทีว่า “ไม่เลย”
และเริ่มร้องไห้ “ลูกชายกับลูกสาวไม่เคยมาเยี่ยมเลย ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว”
เหตุการณ์วันนั้นและคำพูดของหญิงชรา “ฉันกำลังจะตายเพราะความโดดเดี่ยว”
รบกวนพระทัยของนักบุญเปาโลที่ 6 เรื่อยมา พระองค์ทรงตระหนักว่า “อาหารและความอบอุ่นยังไม่เพียงพอ
คนเรายังต้องการอะไรมากกว่านั้น พวกเขาต้องการการอยู่พร้อมหน้า ต้องการเวลาและต้องการความรักของเรา
พวกเขาต้องการการสัมผัสอันอบอุ่นของเรา เพื่อทำให้พวกเขาแน่ใจว่าไม่ถูกทอดทิ้ง”
สัปดาห์สุดท้ายของปี พระศาสนจักรให้เราฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าประกอบด้วยพระเยซูเจ้า
พระนางมารีย์ และนักบุญยอแซฟ วันฉลองนี้เตือนใจเราถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรสากล
แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์
เช่นเดียวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นครอบครัว
ทรงประสงค์ให้พระบุตรเกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัว ในสภาพเหมือนเราทุกอย่างเว้นแต่บาป
1. ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
เป็นการฉลองชีวิตครอบครัวของพระองค์ซึ่งดำเนินชีวิตในความรัก ความเห็นอกเห็นใจและเคารพซึ่งกันและกัน
เป็นแบบอย่างของการแบ่งปันความยินดี ความรับผิดชอบและการร่วมทุกข์ร่วมสุขในครอบครัว
พระศาสนจักรได้ยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และแบบอย่างของครอบครัวทั้งหลาย
นอกนั้น การฉลองนี้ยังเรียกเราให้มุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว
และวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับครอบครัวของเราแต่ละคน
พระวรสารไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากนัก
แต่เราเข้าใจว่านักบุญยอแซฟเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์โดยไม่มีเงื่อนไข
มีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า เชื่อฟังและพร้อมจะเผชิญความยากลำบากทุกอย่าง เพื่อปกป้องพระกุมารและพระนางมารีย์ให้ได้รับความปลอดภัย
จนได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชอบธรรม” ที่มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ขณะที่พระนางมารีย์เป็นคู่ชีวิตที่รับผิดชอบดูแลครอบครัวและมีส่วนในความยากลำบากต่างๆ
ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบๆ
นักบุญลูกาได้เล่าเรื่องการหายไปของพระเยซูเจ้า
ขณะเดินทางไปฉลองปัสกาที่กรุงเยรูซาเลมตอนพระชนมายุสิบสองพรรษา สะท้อนความเป็นจริงของชีวิตครอบครัวซึ่งเผชิญความยากลำบากในแบบคาดไม่ถึง
เช่น การพลัดพรากและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
แม้เมื่อพบพระเยซูแล้วยังไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัส ที่สุด
พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปนาซาเร็ธพร้อมกับบิดา-มารดา ทรงอยู่กับครอบครัวต่อไปอีกสิบแปดปี
แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเข้าใจความสำคัญและความจำเป็นลำดับแรกของชีวิตครอบครัว
2. บทเรียนสำหรับเรา
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และพระวาจาของพระเจ้าวันนี้
ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องเลียนแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟต่างทำงานหนัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะของประทานจากพระเจ้า อีกทั้ง ช่วยกันดูแลพระเยซูเจ้าให้เติบโตขึ้นในความเป็นมนุษย์และการเป็นบุตรของพระเจ้า
บิดา-มารดาต้องเป็นครูคนแรกที่สอนลูกให้มีความรู้และรู้จักพระเจ้า ประการสำคัญ ต้องมีความรับผิดชอบในการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรของตน
ประการที่สอง เราต้องทำให้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวเป็นหน่วยเล็กที่สุดซึ่งเป็นพื้นฐานของพระศาสนจักรสากล แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์
พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลศีลสมรสเพื่ออวยพรคู่บ่าว-สาวและครอบครัวของเขาให้ศักดิ์สิทธิ์
สามี-ภรรยาจะบรรลุความศักดิ์สิทธิ์เมื่อต่างทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์
วางใจในพระเจ้า ผ่านทางการอธิษฐานภาวนา
การอ่านพระคัมภีร์และการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ
ประการที่สาม เราต้องเคารพเชื่อฟังและเลี้ยงดูบิดา-มารดา พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปยังนาซาเร็ธพร้อมกับพระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟ และเคารพเชื่อฟังท่านทั้งสอง
ทรงทำงานช่างไม้สานต่องานของยอแซฟเพื่อเลี้ยงครอบครัว ลูกต้องเคารพเชื่อฟังและให้เกียรติบิดา-มารดา
“บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน...
บุตรที่ละทิ้งบิดาก็เหมือนผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า” เรามีหน้าที่ต่อบิดา-มารดา
ดูแลและเลี้ยงดูท่านยามชรา มิใช่ปล่อยให้อยู่ตามลำพังและตายอย่างโดดเดียว
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า เป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา
การอยู่ร่วมกันระหว่างบิดา-มารดา-บุตร เป็นไปตามแบบครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด
เราต้องมีความรักต่อกันตามแบบอย่างของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ สามี-ภรรยาต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกันต่อกันจนวันตาย
ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในวันรับศีลสมรส
บิดา-มารดาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
รับผิดชอบต่อครอบครัวและทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์เพื่อบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์
“ของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่สามารถให้แก่ลูกได้คือความรักที่พวกเขามีต่อกัน”
(Anon) บุตรเช่นเดียวกันต้องเคารพเชื่อฟังบิดา-มารดา ไม่ทำให้ท่านเสียใจ
กตัญญูและดูแลท่านยามแก่เฒ่า ทั้งนี้เพื่อความผาสุกของสังคม ประเทศชาติและพระศาสนจักร
ดังคำกล่าวที่ว่า “ครอบครัวดี คนดี สังคมดี”
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
29
ธันวาคม 2018
ภาพ: ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์, งานประเพณีแห่ดาวท่าแร่, สกลนคร; 2017-12-23
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น