วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า

บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
ปี C
กจ 14:20ข-27
วว 21:1-5
ยน 13:31-33, 34-35
บทนำ
นักธุรกิจหนุ่มคนหนึ่งออกจากห้องทำงานเช้าวันหนึ่งก่อนคริสต์มาส พบเด็กคนหนึ่งกำลังจ้องมองรถยนต์คันงามของเขา เด็กชายถามว่า “รถคันนี้เป็นของท่านหรือครับ” นักธุรกิจหนุ่มตอบว่า “ใช่ พี่ชายของฉันซื้อให้เป็นของขวัญคริสต์มาส”  เด็กชายดวงตาเป็นประกาย ถามต่อว่า “ท่านหมายความว่ามีคนซื้อรถคันนี้ให้ฟรี ๆ” นักธุรกิจตอบว่า “ถูกต้อง พี่ชายซื้อให้เป็นของขวัญ” เด็กคนนั้นพูดว่า “ฉันอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง”
นักธุรกิจหนุ่มเข้าใจทันทีว่า เด็กชายคงต้องการมีพี่ชายแสนดีเช่นเขา แต่ต้องแปลกใจเมื่อเด็กชายบอกว่า “ผมอยากเป็นเหมือนพี่ชายคนนั้น จะได้ซื้อรถให้น้องชายของผมบ้าง” เนื่องจากน้องชายของเขาขาพิการเดินไม่ได้ เด็กชายคนนั้นเข้าใจ “บัญญัติแห่งความรัก” ที่พระเยซูเจ้าทรงมอบแก่บรรดาอัครสาวกในการสนทนาครั้งสุดท้าย “ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34)
พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกและยูดาสผู้ทรยศออกจากห้องไปแล้ว พระองค์ตรัสกับอัครสาวกที่เหลือแบบใจถึงใจ เกี่ยวกับพระสิริรุ่งโรจน์และบัญญัติใหม่ของพระองค์ นี่คือความปรารถนาสุดท้ายที่ตรัสกับอัครสาวก หลังจากทรงรู้ว่า เวลาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว หนทางที่ทรงเลือกเพื่อรับพระสิริรุ่งโรจน์คือ หนทางแห่งไม้กางเขน
1.         บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า
เพื่อบรรลุถึง ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ นครศักดิ์สิทธิ์ นครเยรูซาเล็มใหม่ (วว 21:1-2) ตามที่นักบุญยอห์นพูดถึงในหนังสือวิวรณ์ เราต้องปฏิบัติตาม “บัญญัติใหม่” ที่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้ทราบ “เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นว่าต้องรักกันอย่างไร เราต้องรักเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงรักเรา
ประการแรก ความรักของพระองค์เป็นความรักไม่มีเงื่อนไข พระเยซูเจ้าทรงให้ความสำคัญกับผู้อื่นเป็นลำดับแรกจนไม่มีเวลาสำหรับพระองค์เอง ทรงรักทุกคนด้วยหัวใจไม่แบ่งแยก เห็นได้จากทรงติดต่อสัมพันธ์กับทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง โดยเฉพาะกับคนยากจนและคนบาปทั้งหลาย
ประการที่สอง ความรักของพระองค์เป็นความรักไม่เห็นแก่ตัว พระเยซูเจ้าทรงสะท้อนภาพความรักของพระบิดาเจ้า ผู้ให้ดวงอาทิตย์สาดส่องเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ทุกสิ่งที่มีทรงให้เราทั้งหมด แม้กระทั่งเลือดหยดสุดท้าย
ประการที่สาม ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ให้อภัยเสมอ แม้เปโตรปฏิเสธพระองค์สามครั้งและบรรดาสาวกต่างหนีเอาตัวรอด ทิ้งให้พระองค์อยู่ในเงื้อมมือศัตรูตามลำพัง แต่พระองค์ทรงให้อภัยพวกเขา ในวาระสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ ทรงวอนขอพระบิดาให้อภัยความผิดของพวกเขา
ประการสุดท้าย ความรักของพระองค์สละได้แม้กระทั่งชีวิต พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ไม่มีความรักใดใหญ่หลวงกว่าการพลีชีพของตนเพื่อมิตรสหาย” (ยน 15:13) และพระองค์ทรงทำให้เห็นด้วยการยอมรับความตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปเรา
2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องรู้จักรักตัวเองเพื่อสามารถรักผู้อื่นได้ บทบัญญัติในพันธสัญญาเดิมบอกเราว่า “จงรักเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตนเอง” (ลวต 19:1-2, 9-18) เราไม่สามารถรักคนอื่นได้หากเราไม่รู้จักรักตนเอง เราอยู่ในโลกซึ่งปฏิเสธคุณค่าพื้นฐานของมนุษย์ เราต้องเรียนรู้การรักตัวเองอย่างถูกต้อง รับรู้ความจริงว่า เราต่างเป็นลูกของพระเจ้า ผู้ประทับอยู่ในตัวเราและร่างกายของเราเป็นวิหารของพระจิตเจ้า
ประการที่สอง เราต้องรักผู้อื่นในชีวิตประจำวัน เราถูกเรียกร้องให้รักเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า เรารักผู้อื่นด้วยการรับรู้ความเดือดร้อนและความต้องการของเขา ปกป้องคุ้มครองคนอ่อนแอและถูกเอารัดเอาเปรียบ รับใช้ซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยก มองเห็นพระเยซูเจ้าในตัวเขา ให้อภัยกันมากกว่าประณาม หรือลงโทษ ที่สุด เราต้องรักผู้อื่นด้วยการให้เวลา แบบอย่าง แบ่งปันสิ่งที่มีและพระพรที่ได้รับกับผู้อื่น
ประการที่สาม เราต้องเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้า เครื่องหมายของคริสตชนคือความรัก “ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน 13:35) ชีวิตของเราต้องฉายให้เห็นความรักของพระเยซูเจ้า ยิ่งเราเลียนแบบความรักและดำเนินชีวิตละม้ายคล้ายพระองค์มากเท่าใด คนอื่นยิ่งรู้จักความรักของพระเจ้ามากเท่านั้น
บทสรุป
พี่น้องที่รัก บัญญัติใหม่แห่งความรักคือพินัยกรรมสุดท้ายที่พระเยซูเจ้าทรงมอบแก่เรา พระองค์ตรัสพระวาจานี้สามครั้ง “ให้รักกันและกัน” นี่คือคำสั่งของพระองค์ และประทานแบบอย่างแก่เรา เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) ดังนี้ นักบุญเอากุสตินได้กล่าวว่า “ใครที่มีความรักแท้ สามารถทำทุกสิ่งได้” เพราะความรักแท้ไม่นำไปสู่การทำบาปหรือความผิด
พระเยซูเจ้าทรงมอบบัญญัติใหม่และแบบอย่างในการปฏิบัติสำหรับเราแล้ว ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเราได้นำมาปฏิบัติให้เป็นจริงในชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน ศิษย์พระคริสต์ต้องปฏิบัติตามแบบอย่างแห่งความรักของพระเยซูเจ้า ดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงความรักต่อกันในครอบครัว หมู่คณะ และชุมวัดของเรา เพื่อคนอื่นจะได้รู้ว่าเราเป็นคริสตชนและศิษย์ของพระองค์
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลปัสกา การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า, (สกลนคร: สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 100-103.
ที่มาภาพ : https://twitter.com/iamepiscopalian/status/864661757251530754

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น