บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
ปี C
|
กจ 14:20ข-27
วว 21:1-5ก
ยน 13:31-33ก, 34-35
|
บทนำ
นักธุรกิจหนุ่มคนหนึ่งออกจากห้องทำงานเช้าวันหนึ่งก่อนคริสต์มาส
พบเด็กคนหนึ่งกำลังจ้องมองรถยนต์คันงามของเขา เด็กชายถามว่า “รถคันนี้เป็นของท่านหรือครับ”
นักธุรกิจหนุ่มตอบว่า “ใช่ พี่ชายของฉันซื้อให้เป็นของขวัญคริสต์มาส” เด็กชายดวงตาเป็นประกาย ถามต่อว่า “ท่านหมายความว่ามีคนซื้อรถคันนี้ให้ฟรี ๆ”
นักธุรกิจตอบว่า “ถูกต้อง พี่ชายซื้อให้เป็นของขวัญ” เด็กคนนั้นพูดว่า “ฉันอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง”
นักธุรกิจหนุ่มเข้าใจทันทีว่า เด็กชายคงต้องการมีพี่ชายแสนดีเช่นเขา
แต่ต้องแปลกใจเมื่อเด็กชายบอกว่า “ผมอยากเป็นเหมือนพี่ชายคนนั้น จะได้ซื้อรถให้น้องชายของผมบ้าง”
เนื่องจากน้องชายของเขาขาพิการเดินไม่ได้ เด็กชายคนนั้นเข้าใจ “บัญญัติแห่งความรัก”
ที่พระเยซูเจ้าทรงมอบแก่บรรดาอัครสาวกในการสนทนาครั้งสุดท้าย “ให้ท่านรักกัน
เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34)
พระวรสารวันนี้เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกและยูดาสผู้ทรยศออกจากห้องไปแล้ว
พระองค์ตรัสกับอัครสาวกที่เหลือแบบใจถึงใจ
เกี่ยวกับพระสิริรุ่งโรจน์และบัญญัติใหม่ของพระองค์
นี่คือความปรารถนาสุดท้ายที่ตรัสกับอัครสาวก
หลังจากทรงรู้ว่า เวลาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว หนทางที่ทรงเลือกเพื่อรับพระสิริรุ่งโรจน์คือ
หนทางแห่งไม้กางเขน
1.
บัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า
เพื่อบรรลุถึง
ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ นครศักดิ์สิทธิ์ นครเยรูซาเล็มใหม่ (วว 21:1-2)
ตามที่นักบุญยอห์นพูดถึงในหนังสือวิวรณ์ เราต้องปฏิบัติตาม “บัญญัติใหม่”
ที่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้ทราบ “เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย
ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34)
พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นว่าต้องรักกันอย่างไร
เราต้องรักเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงรักเรา
ประการแรก ความรักของพระองค์เป็นความรักไม่มีเงื่อนไข พระเยซูเจ้าทรงให้ความสำคัญกับผู้อื่นเป็นลำดับแรกจนไม่มีเวลาสำหรับพระองค์เอง
ทรงรักทุกคนด้วยหัวใจไม่แบ่งแยก
เห็นได้จากทรงติดต่อสัมพันธ์กับทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง โดยเฉพาะกับคนยากจนและคนบาปทั้งหลาย
ประการที่สอง
ความรักของพระองค์เป็นความรักไม่เห็นแก่ตัว พระเยซูเจ้าทรงสะท้อนภาพความรักของพระบิดาเจ้า
ผู้ให้ดวงอาทิตย์สาดส่องเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม
ทุกสิ่งที่มีทรงให้เราทั้งหมด แม้กระทั่งเลือดหยดสุดท้าย
ประการที่สาม ความรักของพระองค์เป็นความรักที่ให้อภัยเสมอ
แม้เปโตรปฏิเสธพระองค์สามครั้งและบรรดาสาวกต่างหนีเอาตัวรอด
ทิ้งให้พระองค์อยู่ในเงื้อมมือศัตรูตามลำพัง แต่พระองค์ทรงให้อภัยพวกเขา
ในวาระสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ ทรงวอนขอพระบิดาให้อภัยความผิดของพวกเขา
ประการสุดท้าย ความรักของพระองค์สละได้แม้กระทั่งชีวิต
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ไม่มีความรักใดใหญ่หลวงกว่าการพลีชีพของตนเพื่อมิตรสหาย”
(ยน 15:13)
และพระองค์ทรงทำให้เห็นด้วยการยอมรับความตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปเรา
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องรู้จักรักตัวเองเพื่อสามารถรักผู้อื่นได้
บทบัญญัติในพันธสัญญาเดิมบอกเราว่า “จงรักเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตนเอง”
(ลวต 19:1-2, 9-18) เราไม่สามารถรักคนอื่นได้หากเราไม่รู้จักรักตนเอง
เราอยู่ในโลกซึ่งปฏิเสธคุณค่าพื้นฐานของมนุษย์
เราต้องเรียนรู้การรักตัวเองอย่างถูกต้อง รับรู้ความจริงว่า เราต่างเป็นลูกของพระเจ้า ผู้ประทับอยู่ในตัวเราและร่างกายของเราเป็นวิหารของพระจิตเจ้า
ประการที่สอง
เราต้องรักผู้อื่นในชีวิตประจำวัน เราถูกเรียกร้องให้รักเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า
เรารักผู้อื่นด้วยการรับรู้ความเดือดร้อนและความต้องการของเขา
ปกป้องคุ้มครองคนอ่อนแอและถูกเอารัดเอาเปรียบ รับใช้ซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยก
มองเห็นพระเยซูเจ้าในตัวเขา ให้อภัยกันมากกว่าประณาม หรือลงโทษ ที่สุด
เราต้องรักผู้อื่นด้วยการให้เวลา แบบอย่าง
แบ่งปันสิ่งที่มีและพระพรที่ได้รับกับผู้อื่น
ประการที่สาม
เราต้องเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้า เครื่องหมายของคริสตชนคือความรัก “ถ้าท่านมีความรักต่อกัน
ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน 13:35) ชีวิตของเราต้องฉายให้เห็นความรักของพระเยซูเจ้า
ยิ่งเราเลียนแบบความรักและดำเนินชีวิตละม้ายคล้ายพระองค์มากเท่าใด คนอื่นยิ่งรู้จักความรักของพระเจ้ามากเท่านั้น
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
บัญญัติใหม่แห่งความรักคือพินัยกรรมสุดท้ายที่พระเยซูเจ้าทรงมอบแก่เรา พระองค์ตรัสพระวาจานี้สามครั้ง “ให้รักกันและกัน”
นี่คือคำสั่งของพระองค์ และประทานแบบอย่างแก่เรา “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร
ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) ดังนี้ นักบุญเอากุสตินได้กล่าวว่า “ใครที่มีความรักแท้
สามารถทำทุกสิ่งได้” เพราะความรักแท้ไม่นำไปสู่การทำบาปหรือความผิด
พระเยซูเจ้าทรงมอบบัญญัติใหม่และแบบอย่างในการปฏิบัติสำหรับเราแล้ว
ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเราได้นำมาปฏิบัติให้เป็นจริงในชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน ศิษย์พระคริสต์ต้องปฏิบัติตามแบบอย่างแห่งความรักของพระเยซูเจ้า
ดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงความรักต่อกันในครอบครัว หมู่คณะ และชุมวัดของเรา
เพื่อคนอื่นจะได้รู้ว่าเราเป็นคริสตชนและศิษย์ของพระองค์
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลปัสกา การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า, (สกลนคร: สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 100-103.
ที่มาภาพ : https://twitter.com/iamepiscopalian/status/864661757251530754
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น