วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562

พลังของความเชื่อ

 พลังของความเชื่อ 
จันทร์ สัปดาห์ที่ 4
เทศกาลมหาพรต
อสย 65:17-21
ยน 4:43-54
มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งขึ้นไปบนหน้าผาสูงชัน เพื่อชมพระอาทิตย์ยามเช้าทำให้เขาพลัดตกจากหน้าผา แต่ก่อนร่างร่วงลงสู่ก้นเหว เขาคว้ากิ่งไม้ได้ทันและแขวนอยู่เป็นเวลานาน สักพักเขาได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังมาจึงร้องว่า “มีใครอยู่ข้างบนไหม ช่วยผมด้วย” มีเสียงตอบกลับมาว่า “เราอยู่นี่ เราเป็นพระเจ้าของเจ้า” ชายคนนั้นพูดด้วยความดีใจว่า “ข้าแต่พระองค์ ลูกดีใจที่พระองค์มา ช่วยลูกด้วย ลูกไม่มีแรงยึดกิ่งไม้ต่อไปอีกแล้ว”
พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “ก่อนช่วยเจ้า เราต้องการรู้ว่าเจ้าเชื่อเราไหม” ชายคนนั้นตอบทันทีว่า “ข้าแต่พระองค์ ลูกเชื่อพระองค์ ลูกไปวัดทุกอาทิตย์ อ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานภาวนาทุกวัน และให้ทานทุกครั้ง” พระเจ้าตรัสว่า “แต่เจ้าไม่ได้เชื่อเราจริง” ชายนั้นยืนยันหนักแน่นว่า “ข้าแต่พระองค์ ลูกเชื่อพระองค์” พระเจ้าตรัสว่า “ดี งั้นปล่อยมือสิ” เมื่อเห็นเขายังลังเลพระองค์ทรงตรัสว่า “หากเจ้าเชื่อเราจงปล่อยมือซะ” ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่งและร้องเสียงดังกว่าเดิมว่า “ยังมีใครอยู่ข้างบนอีกไหม”
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากในชีวิต เรายังคงเชื่อพระเจ้าไหม พระวรสารวันนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของข้าราชการชาวคาเปอรนาอุม ซึ่งเป็นคนต่างศาสนาที่เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า และทูนขอให้ไปรักษาบุตรชายของเขาที่กำลังป่วย จากเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อนำความรอดมาสู่ทุกคน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา แต่ทรงต้อนรับทุกคน
ข้าราชการคนนั้นต้องการให้พระเยซูเจ้าเสด็จไปบ้านเพื่อรักษาบุตรชายของตน แต่พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเขา “ถ้าท่านทั้งหลายไม่เห็นเครื่องหมายและอัศจรรย์แล้ว ท่านจะไม่เชื่อเลย” (ยน 4:48) พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนั้นเพื่อบอกเราว่า ต้องมีความเชื่อแท้จริง ข้าราชการคนนั้นเชื่อเพียงว่า ถ้าพระองค์ไปกับเขาที่บ้าน เขาคงได้เห็นพระองค์รักษา นี่คือลักษณะของมนุษย์ทุกคนที่อยากเห็นอัศจรรย์ด้วยตาตนเอง
ข้าราชการคนนั้นยังคงคะยั้นคะยอให้พระเยซูเจ้าไปที่บ้าน มิฉะนั้นบุตรของเขาคงสิ้นใจ แต่พระองค์ทรงเรียกร้องความเชื่อแท้จริงจากเขา “ไปเถิด บุตรของท่านพ้นอันตรายแล้ว” (ยน 4:50) พระวาจาของพระองค์คืออัศจรรย์ที่ไม่ต้องมีเครื่องหมายอื่นอีก ชายคนนั้นเชื่อในพระวาจาของพระองค์และกลับบ้าน ผลของความเชื่อทำให้บุตรชายของเขาได้รับการรักษา
พระวรสารวันนี้เตือนเราว่า จำเป็นต้องมีความเชื่อในพระวาจาของพระเจ้า มิใช่มาหาพระองค์เมื่อเราเดือดร้อน หรือต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น การอธิษฐานภาวนาเป็นการสนทนากับพระเจ้าในแต่ละวัน และวางใจพระองค์ว่า ทรงตอบคำภาวนาของเราด้วยวิธีการและสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา เราอธิษฐานภาวนาเช่นนี้บ้างหรือเปล่า เชื่อโดยไม่จำเป็นต้องเห็นเครื่องหมาย หรืออัศจรรย์
ศิษย์พระคริสต์ต้องต้อนรับพระเยซูเจ้าในชีวิตของตนด้วยหัวใจเปิดกว้าง   ไม่เพียงเชื่อในพระวาจาของพระองค์เท่านั้น แต่ต้องดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับความเชื่อในชีวิตประจำวัน เป็นต้น ในความรักต่อเพื่อนมนุษย์โดยไม่แบ่งแยก และในการให้อภัยความผิดของกันและกันด้วยใจกว้าง เทศกาลมหาพรตนี้ขอให้เรามีความเชื่อพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ผ่านทางการฟังพระวาจาของพระองค์และการอธิษฐานภาวนาสม่ำเสมอ
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561), หน้า 99-100.
ที่มาภาพ : http://jefe888.blogspot.com/2015/05/healing-from-distance.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น