วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2562

การกลับใจเปลี่ยนทางดำเนินชีวิต

 การกลับใจเปลี่ยนทางดำเนินชีวิต 
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต
ปี C
อพย 3:1-8, 13-15
1คร 10:1-6, 10-12
ลก 13:1-9
บทนำ
แผ่นดินไหวในประเทศเฮติเมื่อ 12 มกราคม 2010 เป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงขนาด 7 ริกเตอร์ แต่ก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่เฮติ ประเทศเล็ก ๆ ในคาบสมุทรแคริเบียน โดยเฉพาะกรุงปอร์โตแปรงซ์เมืองหลวงได้รับความเสียหายมากที่สุด เพราะอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวเพียง 25 กิโลเมตร ทางการเฮติยืนยันตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 3 ล้านคน ผู้เสียชีวิตประมาณ 2.5 แสนคน ผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 3 แสนคน
เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2010 ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกนอกชายฝั่งแคว้นเมาเล ประเทศชิลี เป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงขนาด 8.8 ริกเตอร์ ถือเป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเป็นอันดับ 7 ของโลกเท่าที่มีการบันทึกไว้ ทางการชิลีได้ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตประมาณ 1 พันคน แม้มีผู้เสียชีวิตไม่มากเท่าแผ่นดินไหวในเฮติ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 1 ล้านคน นี่คือโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในโลกในยุคสมัยของเรา
คำถามที่เกิดขึ้นในใจผู้คนเรื่อยมาคือ ผู้เสียชีวิตจำนวนมากมายเหล่านั้นเป็นคนบาป หรือมีความผิดมากกว่าเราหรือเปล่า พระวรสารวันนี้ได้ให้คำตอบแก่เรา ตอนต้นพระเยซูเจ้าได้อ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลสองลุ่มในอิสราเอล ได้แก่ คนที่ถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตขณะกำลังถวายเครื่องบูชา และคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมล้มทับเสียชีวิต เราไม่ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับทั้งสองเหตุการณ์เท่าใดนัก แต่สำหรับชาวยิวเชื่อและสอนเสมอมาว่า ความทุกข์ยากและความตายเป็นผลของบาป
1.           การกลับใจเปลี่ยนทางดำเนินชีวิต
พระเยซูเจ้าทรงใช้สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เพื่อสอนว่าคนที่ประสบชะตากรรมเช่นนั้นไม่ใช่คนเลวกว่าประชาชนที่กำลังฟังพระองค์ รวมถึงเราในสมัยนี้อาจเลวร้ายกว่าคนที่ตายไปเหล่านั้นหลายเท่า สิ่งที่พระองค์เน้นคือ ความพินาศแท้จริงของมนุษย์จะเกิดขึ้นหากเขาไม่กลับใจเปลี่ยนทางดำเนินชีวิต การกลับใจ หมายถึงการเปลี่ยนแปลงความคิดไม่กลับไปเดินทางผิดนั้นอีกและหันกลับมาหาพระเจ้า นี่คือเงื่อนไขสำคัญของความไม่พินาศ
การกลับใจเปลี่ยนทางดำเนินชีวิตเป็นหลักการพื้นฐานของเทศกาลมหาพรต ความผิดบาปย่อมเรียกร้องการลงโทษตามความยุติธรรม แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ไถ่กู้ให้รอดพ้น พระองค์ทรงกอบกู้ชาวอิสราเอลให้รอดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหงในประเทศอียิปต์โดยทางโมเสส และทรงไถ่กู้เรามนุษย์ให้รอดพ้นจากความผิดบาปโดยทางพระเยซูเจ้า การกลับใจยอมรับความผิดบาปที่ได้กระทำและเปลี่ยนทางดำเนินชีวิต จึงเป็นหนทางสู่การได้รับการไถ่กู้จากพระองค์
ตอนท้ายของพระวรสาร พระเยซูเจ้าเล่าอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อที่ปลูกในสวนองุ่น ชาวยิวนิยมปลูกต้นมะเดื่อไว้ระหว่างเถาองุ่นเพื่อหวังพึ่งมันในกรณีที่องุ่นไม่ออกผล โดยปกติต้นมะเดื่อใช้เวลาสามปีเพื่อให้ผล แต่ในอุปมาเจ้าของสวนรอมาสามปีแล้วแต่ยังไม่มีผลเขาจึงอยากโค่นมันทิ้ง แต่คนสวนได้วิงวอนขอโอกาสอีกเป็นปีสุดท้าย อุปมานี้มีความหมายสำหรับชาวยิวและสำหรับเราทุกคน พระเจ้าได้ให้โอกาสสุดท้ายแก่เราผ่านทางพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงคาดหวังให้เราเกิดผลและทรงให้โอกาสเรากลับใจ
หากเราไม่กลับใจคงต้องพินาศเหมือนชนชาติอิสราเอล ที่ถูกกองทัพโรมันทำลายอย่างย่อยยับในปี 70 สูญเสียความเป็นชาติและกระจัดกระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ต้นมะเดื่อกำลังจะถูกทำลายเพราะไม่ออกผล การมีความรู้ความสามารถแต่ไม่ใช้ประโยชน์ การมีศักยภาพในการช่วยเหลือแต่ไม่ทำคือความบาปอย่างหนึ่ง พระเจ้าไม่ได้ขอให้เราทำสิ่งที่เกินกำลัง แต่ทรงต้องการให้เราลงมือทำตามขอบเขตความสามารถของเรา
2.           บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องกลับใจเปลี่ยนทางดำเนินชีวิต เราไม่ทราบว่า ชีวิตของเราต้องพบกับเหตุการณ์เลวร้ายอะไรบ้าง เราต้องหันมาหาพระเยซูเจ้าองค์แห่งความเมตตาที่ช่วยเราให้ได้รับชีวิตนิรันดร เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาพิเศษแห่งการใกล้ชิดพระเจ้า ผ่านทางพิธีกรรมและธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ แต่สิ่งสำคัญคือการกลับใจใช้โทษบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับศีลอภัยบาปเครื่องหมายแห่งการสำนึกผิดและใกล้ชิดพระเจ้า เปิดดวงใจของเราสู่สันติสุข ความจริงและความรักของพระเจ้า
ประการที่สอง เราต้องเป็นต้นมะเดื่อที่เกิดผล ต้นไม้แห่งชีวิตของเราต้องทำให้เกิดผลอย่างอุดม ผลที่พระเจ้าทรงคาดหวังจากเราในเทศกาลมหาพรตคือ การฟื้นฟูชีวิตของเราให้เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรมความรัก ความเมตตากรุณา การให้อภัย และการรับใช้ที่สุภาพปราศจากความเห็นแก่ตัว โดยเริ่มต้นการเกิดผลในครอบครัวของเรา ปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ก่อนขยายไปสู่หมู่คณะและสังคม ในความใส่ใจต่อคนยากจน คนป่วย ผู้สูงอายุ และผู้ถูกทอดทิ้ง
ประการที่สาม เราต้องใช้โอกาสที่พระเจ้าทรงประทานให้เกิดประโยชน์ พระบิดาเจ้า องค์แห่งความเมตตาได้ให้โอกาสเราเสมอ เช่นเดียวกับที่ทรงให้โอกาสและเลือกเปโตร ผู้สำนึกผิดให้เป็นหัวหน้าพระศาสนจักร หรือเซาโล ผู้เบียดเบียนให้เป็นผู้แพร่ธรรมสำหรับคนต่างศาสนา ตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ ให้เราได้ใช้โอกาสกลับใจหันมาหาพระเจ้าที่ประสงค์ใช้เราเป็นดังคนสวนในอุปมา เพื่อช่วยพระองค์ในการพรวนดินรดน้ำครอบครัวและหมู่คณะของเราให้เกิดผล และเติบโตยิ่งขึ้นในพระหรรษทานของพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าวันนี้เรียกให้เราออกจากตัวเอง สำนึกในโอกาสที่พระองค์ทรงมอบให้และกลับใจมาหาพระองค์ นี่คือเงื่อนไขสำคัญที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของเทศกาลมหาพรต ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินชีวิตเสียใหม่ ลด ละ เลิกความโน้มเอียงไม่ดีต่าง ๆ หันกลับมาหาพระเจ้าและเดินในหนทางที่ถูกต้อง
พระเจ้าคือผู้ที่ แสวงหา (ออกไปหาผลจากต้นมะเดื่อที่ปลูกไว้) รอคอย (รอคอยผลจากต้นมะเดื่อต้นนั้นสามปี) และให้โอกาส (รอคอยผลของต้นมะเดื่ออีกครั้ง) นี่คือธรรมชาติของพระเจ้า เราแต่ละคนพึงแสวงหาพระเจ้าอย่างใกล้ชิด และทำตนให้เกิดผลตามพระประสงค์ของพระองค์อยู่เสมอเพื่อจะได้ไม่พินาศไป อีกทั้ง มีส่วนในความศักดิ์สิทธิ์และร่วมส่วนในความชื่นชมยินดีของพระองค์เมื่อโอกาสสุดท้ายของเรามาถึง
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร: สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561), หน้า 71-74.
ภาพ : การรับศีลอภัยบาป, สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี สองคอน, มุกดาหาร 1998-10-23

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น