การผจญในชีวิตประจำวัน
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 1
เทศกาลมหาพรต
ปี C
|
ฉธบ 20:4-10
รม 10:8-13
ลก 4:1-13
|
บทนำ
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับการเสนอจากบริษัทที่ทำงานอยู่
ให้ไปดูแลโรงงานที่เปิดใหม่ในต่างประเทศ
เขารับเงื่อนไขทันทีเพราะเห็นว่าได้ค่าตอบแทนสูง
มากพอสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวใหม่กับหญิงคนรักที่เขารอคอย
ทั้งสองวางแผนปลูกเรือนหอ มีกิจการเป็นของตนเองและแต่งงานกันเมื่อเขากลับมา
ช่วงเวลาที่ห่างกันทำให้หญิงคนรักไม่แน่ใจในตัวชายหนุ่มว่ายังมั่นคงในรักไหม เธอได้ส่งข้อความไปหาเพื่อชั่งใจและเขาได้ส่งข้อความกลับมาว่า
“ยังรักและคิดถึงเธอเสมอ แม้จะมีผู้หญิงอื่นมาชอบพอบ้าง
แต่ผมพยามต่อสู้เอาชนะเพื่อความรักของเรา”
ต่อมาหญิงสาวได้ส่งเม้าออร์แกนไปให้ชายคนรักพร้อมข้อความว่า
“ฉันส่งสิ่งนี้มาให้คุณ เพื่อเป่าและตัดใจจากหญิงอื่นยามอยู่ตามลำพัง” ชายหนุ่มส่งข้อความกลับมาว่า
“ผมจะฝึกเป่ามันทุกคืนและคิดถึงคุณคนเดียว”
เวลาผ่านไปจนครบกำหนดที่ชายหนุ่มต้องกลับบ้าน
วันเดินทางกลับหญิงสาวได้มารอรับชายคนรัก เขาโผเข้าสวมกอดหญิงคนรัก
แต่เธอห้ามไว้และขอให้เป่าเม้าออร์แกนให้ฟังก่อน เพื่อพิสูจน์ว่าได้ฝึกเป่าชนชำนาญอย่างที่ส่งข้อความบอก
ทุกปีในเทศกาลมหาพรต
เราเริ่มต้นสัปดาห์แรกด้วยเรื่องการผจญของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดาร
เพื่อช่วยเราได้มองดูภายในจิตใจว่ามีความปรารถนาใดบ้างที่เป็นสิ่งผิดและเป็นสาเหตุนำไปสู่บาป
เช่น ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความต้องการฝ่ายเนื้อหนังซึ่งมีอยู่ในตัวเรา การผจญเป็นเงื่อนไขหนึ่งของความเป็นมนุษย์
และเป็นเครื่องพิสูจน์ความมั่นคงของเราในความรักต่อพระเจ้า
เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่พยายามเอาชนะการผจญเพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อหญิงคนรัก
1. การผจญในชีวิตประจำวัน
เวลาที่เราเผชิญกับการผจญมิได้หมายความว่า เราเป็นคนเลว
หรือเป็นคนบาปเมื่อเรามีความโน้มเอียงในทางไม่ดี
เป็นบาปก็ต่อเมื่อเรายอมแพ้ต่อการผจญ พระวรสารวันนี้นักบุญลูกาได้เล่าถึงการผจญ 3 อย่างที่ปีศาจได้ทดลองพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดาร
ซึ่งเกิดขึ้นทันทีหลังจากได้รับพิธีล้างจากยอห์นผู้ประกอบพิธีล้าง
เพื่อสะท้อนให้เห็นการผจญที่พระศาสนจักรสมัยแรกได้รับ
การผจญแรก
การเปลี่ยนหินให้เป็นขนมปัง เป็นความต้องการฝ่ายร่างกาย ปีศาจทำให้พระเยซูเจ้าเกิดความสงสัยในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า” และแนะนำให้เปลี่ยนหินเป็นขนมปัง
แต่พระองค์ปฏิเสธการใช้อำนาจเพื่อความต้องการฝ่ายร่างกาย
การประกาศข่าวดีต้องไม่มุ่งไปที่การตอบสนองความต้องการฝ่ายร่างกาย
แต่ต้องช่วยให้สัมผัสข่าวดีและความรักของพระเจ้าเป็นสำคัญ “มนุษย์มิได้เจริญชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น”
การผจญที่สอง การกราบนมัสการปีศาจ เป็นความต้องการทางจิตวิทยาที่ทุกคนต่างต้องการเป็นคนสำคัญ
มีอำนาจ ได้รับเกียรติ การยอมรับ และการกล่าวขวัญในทางที่ดี
ปีศาจทดลองพระเยซูเจ้าให้กราบนมัสการมันเพื่อได้ความภักดีของโลกทั้งมวล
แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ วิธีการที่ไม่ถูกต้องไม่อาจทำให้เป้าหมายถูกต้องได้ “จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น” (ลก 4:8)
การผจญที่สาม การกระโดดจากยอดพระวิหาร เป็นการผจญทางชีวิตฝ่ายจิตที่ท้าทายพระเจ้าให้พิสูจน์ความรักของพระองค์
หรือต้องการควบคุมพระเจ้าให้ทำอย่างที่ตนต้องการ ปีศาจได้ขอให้พระเยซูเจ้ากระโจนจากยอดพระวิหารพิสูจน์ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
เช่นเดียวกับประชากรอิสราเอลที่ร้องขอเครื่องหมายพิสูจน์ว่า พระองค์เป็นพระผู้ไถ่
และอีกครั้งหนึ่งที่พระเยซูเจ้าตอบปฏิเสธ “อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของท่านเลย” (ลก 4:12)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเผชิญหน้าและเอาชนะการผจญ
เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าเราแต่ละคนอาจถูกผจญได้ง่าย จากความโน้มเอียงในบาป
ความพึงพอใจในอำนาจ ลาภยศ สรรเสริญที่อาจทำให้เราหลงไปได้ง่าย และใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิ่งที่พึงประสงค์
ให้เราเลียนแบบพระเยซูเจ้าที่ทรงเอาชนะการผจญด้วยการอธิษฐานภาวนา
การพลีกรรมใช้โทษบาปและการดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระเจ้า การผจญทำให้เราเติบโตและเข็มแข็ง
ประการที่สอง
เราต้องเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์ เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาของการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน
1) ด้วยการอธิษฐานภาวนาอยู่กับพระเจ้าทุกวันและฟังเสียงของพระองค์, 2) ด้วยการพลีกรรมใช้โทษบาปผ่านทางศีลแห่งการคืนดีและการให้อภัยผู้ที่ทำผิดต่อเรา
และ3) ด้วยการแบ่งปันความรักกับผู้อื่น ให้ทานและช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและจำเป็นเร่งด่วน
ประการที่สาม
เราต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอเพื่อไม่ตกในการผจญ
เราต้องเชื่อวางใจในพระเจ้าเช่นเดียวกับพระนางมารีย์ ซึ่งหลายครั้งไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
แต่พระนางมีความวางใจพระเจ้าและยังคงเชื่ออย่างมั่นคงในพระองค์ เราต้องมีความเชื่อวางใจพระเจ้าเช่นกัน
แม้บ่อยครั้งเราไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราก็ตาม
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
พระศาสนจักรให้เรามีเวลา 40
วันในเทศกาลมหาพรตเพื่อกลับใจ
เปลี่ยนแปลงตนเองหันกลับมาหาพระเจ้า ละทิ้งนิสัยและความโน้มเอียงไม่ดีต่าง
ๆในตัวเรา พระเยซูเจ้าทรงสอนและเป็นความหวังสำหรับเราในการหลีกหนีบาปและเอาชนะการผจญ
การตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาและจำศีลอดอาหารอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เราสามารถเอาชนะการผจญทุกอย่างและความโน้มเอียงไม่ดีต่าง
ๆ ในตัวเรา
พระเยซูเจ้าทรงสอนเราด้วยว่าไม่มีใครไม่เคยถูกผจญ
และการผจญทุกอย่างสามารถเอาชนะได้ผ่านทางการมีวินัยในตนเอง การอธิษฐานภาวนา และการจำศีลอดอาหารโดยไม่หยุดหย่อน
เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ที่เราได้ฟื้นฟูชีวิตคริสตชนของเรา นอกนั้น
เทศกาลมหาพรตยังเป็นช่วงเวลาของการอุทิศตนรับใช้พระเจ้าในงานเมตตากิจต่าง ๆ เพื่อแบ่งปันความรักของพระเจ้ากับผู้อื่น
เป็นต้น คนที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561), หน้า 22-25.
ที่มาภาพ : https://www.itisbygrace2.com/matthew4111luke4113.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น