วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2562

เสียงร้องของคนทุกข์จน

 เสียงร้องของคนทุกข์จน 
พฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 2
เทศกาลมหาพรต
ยรม 17:5-10
ลก 16:19-31
อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ฉายภาพเศรษฐีที่อยู่อย่างคนโลภ เห็นแก่ตัวและฟุ่มเฟือย “แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงทุกวัน (ลก 16:19)  เขาได้ละเลยบัญญัติเอกและสำคัญที่สุดของพระเจ้าคือ “จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (ดู มก 12:30-31) ชีวิตของเขาอยู่บนความสะดวกสบายด้านวัตถุและทำทุกอย่างเพื่อตนเอง ไม่เคยคิดถึงความเดือดร้อนของคนอื่น
ในทางตรงข้าม ลาซารัสมีชีวิตอยู่อย่างยากจนน่าสังเวช เป็นแผลเต็มตัว ไม่มีปัญญาไปหาหมอ ไม่มีแรงแม้แต่จะไล่สุนัขที่กำลังเลียแผล เขาถูกนำมาทิ้งที่ประตูบ้านเศรษฐีและรอสิ่งที่ตกจากโต๊ะอาหาร เขาไม่ได้ต้องการสิ่งมีค่าใด นอกจากเศษอาหารเพื่อประทังชีวิต เศรษฐีจึงเป็นตัวแทนของคนมั่งมีเห็นแก่ตัว ขณะที่ลาซารัสเป็นตัวแทนของเสียงกรีดร้องของคนทุกข์จนที่ไม่มีใครได้ยินทุกยุคสมัย
คำว่า “ลาซารัส” ในภาษากรีกแปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วย” เพื่อเน้นให้เห็นความจริงว่า แม้คนชอบธรรมยากจนไม่มีใครช่วยเหลือ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเขาเสมอ ซึ่งเราได้เห็นสถานการณ์ที่กลับกันหลังความตาย เศรษฐีกลายเป็นคนจนน่าสมเพชที่ร้องขอความช่วยเหลือจากลาซารัส แต่คำร้องขอของเขาไม่ได้ยินและไม่ได้รับการตอบสนองเพราะมีเหวใหญ่ขวางกั้น ขณะที่ลาซารัสกลายเป็นคนร่ำรวยมีความสุขเพราะได้อยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม
อุปมานี้ได้ให้บทเรียนแก่เราว่า เราจะได้รับในสิ่งที่ต้องการ แต่ต้องชดเชยด้วยบางสิ่งเสมอ เวลามีชีวิตอยู่ในโลกเราอาจได้ทุกอย่างที่ปรารถนา แต่อาจต้องสูญเสียความสุขนิรันดรกับพระเจ้าในบั้นปลาย “ไม่ใช่สิ่งที่เศรษฐีทำลงไปทำให้เขาตกนรก แต่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำต่างหาก” ลาซารัสผู้น่าสงสารนอนอยู่หน้าประตูบ้านเขาเอง แต่ไม่ได้ช่วยอะไร
ความรักต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะนั่นเป็นพระเจ้าที่ปรากฏให้เราเห็น “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) เราตระหนักถึงความต้องการของเพื่อนพี่น้องของเราไหม หรือคิดถึงแต่ตัวเองและความต้องการของเรา ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “ความรวย-ความจน” แต่อยู่ที่การไม่สนใจคนกำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
ความร่ำรวยในตัวเองไม่ใช่สิ่งเลวร้าย การยึดติดในทรัพย์สมบัติต่างหากเป็นสิ่งเลวร้าย เราต้องสำนึกว่า ทรัพย์สินที่มีมิใช่สมบัติส่วนตัวของเรา ต้องรู้จักแบ่งปันผู้ที่ไม่มีและเดือดร้อน เพื่อให้เขาสามารถมีชีวิตสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ไม่ทำตัวเย็นชากับพี่น้องที่ขัดสน หรือเดือดร้อนเจียนตาย มิฉะนั้นชะตากรรมของเราคงไม่ต่างจากเศรษฐีในพระวรสาร
เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาของการหันกลับมามองดูตัวเองว่า “อะไรคือแก่นแท้แห่งชีวิตคริสตชนทรัพย์สมบัติในโลกนี้ หรือขุมทรัพย์ในสวรรค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์ ดำเนินชีวิตในความรักต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นคนใจกว้าง เห็นอกเห็นใจ และแสดงความเมตตาต่อคนทุกข์จน ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือซึ่งอยู่ต่อหน้าเรา
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร: สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561),  หน้า 56-57.
ที่มาภาพ : https://www.ncronline.org/news/vatican/francis-chronicles/helping-poor-not-papal-fad-duty-pope-says

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น