วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562

บิดาผู้ใจดีและให้อภัย

 บิดาผู้ใจดีและให้อภัย 

เสาร์ สัปดาห์ที่ 2
เทศกาลมหาพรต
มคา 7:14-15, 18-20
ลก 15:1-3, 11-32
อุปมาเรื่อง ลูกล้างผลาญ (The prodigal son) ในพระวรสารวันนี้ ถือเป็นอุปมาที่กินใจและถูกกล่าวถึงมากที่สุดในบรรดาอุปมาของพระเยซูเจ้า แต่ที่ถูกต้องควรเรียกว่า บิดาผู้ใจดีและให้อภัยเพราะพระเอกในเรื่องไม่ใช่บุตรแต่เป็นบิดา อุปมาได้กล่าวถึงชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน บุตรคนเล็กได้ขอให้บิดาแบ่งสมบัติส่วนที่เป็นของตน จากนั้นได้เดินทางไปต่างแดนใช้ชีวิตเสเพลล้างผลาญสมบัติจนหมดสิ้น ขณะที่บุตรคนโตยังคงอยู่กับบิดา
ตามกฎหมายยิวบิดาไม่อาจยกสมบัติให้ใครตามใจชอบ ต้องยกสมบัติ 2/3 ส่วนให้บุตรชายคนโต และ 1/3 ส่วนให้บุตรชายคนเล็ก (ฉธบ 21:17) เนื่องจากธรรมเนียมยิวยกย่องบุตรชายหัวปี ถือเป็นเรื่องปกติที่บิดาแบ่งมรดกให้บุตรขณะยังมีชีวิตอยู่ แต่มรดกจะตกแก่บุตรเมื่อบิดาเสียชีวิตแล้ว ดังนั้น การที่บุตรคนเล็กขอให้แบ่งสมบัติและยกให้ตนขณะบิดายังมีชีวิตอยู่ เป็นการไม่ให้เกียรติบิดา (เท่ากับแช่งให้ตาย)
อุปมาได้แสดงให้เห็นชีวิตตกต่ำที่สุดของบุตรคนเล็ก ที่กลายเป็นคนเลี้ยงหมูซึ่งเป็นสัตว์สกปรก (ลวต 11:7) ชาวยิวเคร่งศาสนาไม่ทำอาชีพนี้โดยเด็ดขาด ทำให้เขาคิดถึงบิดาและตัดสินใจกลับบ้าน โดยตั้งใจขอให้บิดารับเขาเป็นเหมือนคนรับใช้ในตำแหน่งต่ำที่สุด ในบ้านของชาวยิวมีคนรับใช้อยู่สามประเภทคือ “บ่าว ซึ่งเกือบเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อีกประเภทหนึ่งคือ “ลูกน้องของบ่าว” ซึ่งทำงานหนักกว่า และสุดท้ายที่มีฐานะต่ำสุดคือ “ลูกจ้างรายวัน” ซึ่งอาจถูกให้ออกเมื่อไหร่ก็ได้
ความจริงบุตรคนเล็กต้องการขอเป็นเพียงคนรับใช้ที่มีฐานะต่ำสุด แต่เขาไม่มีโอกาสขอให้บิดาทำเช่นนั้น (ลก 15:21) เพราะบิดาตัดบทและสั่งให้คนรับใช้ต้อนรับเขาด้วยของสามอย่าง (ลก 15:22) ดังต่อไปนี้
1)       เสื้อ หมายถึงเกียรติยศ เป็นการให้เกียรติบุตรที่กลับมา
2)       แหวน หมายถึงความเป็นใหญ่ เป็นการให้อำนาจดูแลทรัพย์สินทั้งหมดแก่เขา
3)    รองเท้า หมายถึงฐานะการเป็นบุตร ในครอบครัวยิวมีแต่บุตรเท่านั้นที่สวมรองเท้า (ส่วนคนรับใช้เดินเท้าเปล่า)
อุปมานี้เกิดจากสถานการณ์ที่พระเยซูเจ้าถูกวิจารณ์ว่า “เป็นมิตรกับคนเก็บภาษีและคนบาป” และแสดงให้เห็นถึงท่าทีของพระเจ้าต่อคนบาป
ประการแรก พระเจ้าทรงต้องการคนบาป แม้มนุษย์กระทำชั่วแต่พระเจ้ายังต้องการเขาอยู่ ด้วยการส่งพระบุตรมาไถ่บาปเพื่อให้เขาได้เดินในหนทางแห่งความรอด
ประการที่สอง พระเจ้าเฝ้ารอการกลับมาของคนบาป แสดงถึงความรักยิ่งใหญ่และการให้อภัยไม่สิ้นสุดของพระเจ้าที่ไม่จดจำความผิด แต่เพียรทนรอคอยวันที่เขากลับใจมาหาพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรื่องลูกล้างผลาญสำหรับเราแต่ละคน เราคือบุตรคนเล็กที่เป็นคนบาปและหนีห่างจากพระเจ้า เราได้รับพระพรจากพระเจ้ามากมายเพื่อช่วยให้เอาตัวรอดไปสวรรค์ แต่เราได้ใช้ชีวิตในบาปเช่นเดียวกับบุตรคนเล็ก เราต้องกลับมาหาพระองค์ทุกวัน การเดินทางกลับบ้านคือการเดินทางฝ่ายจิตที่แสดงถึงการกลับใจอย่างแท้จริง แสดงถึงการละทิ้งบาปและความทุกข์ที่เป็นผลของบาปเพื่อกลับมาหาพระองค์ อุปมาได้แสดงให้เราเห็นว่า บิดาไม่เคยละทิ้งบุตร แต่ตั้งตาคอยและเฝ้ารอการกลับมาของบุตรทุกวัน
บทเรียนสำคัญอีกอย่าง ไม่เพียงบาปของบุตรคนเล็กที่ทำให้เขาถอยห่างจากบิดา แต่เป็นความเกลียดชังของบุตรคนโต ที่ไม่ยอมให้อภัยน้องและถือตัวว่า ตนเองเป็นคนชอบธรรม ความผิดพลาดยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือ การไม่สำนึกว่าตนเองมีความผิด การถือตัวว่าเป็นคนชอบธรรมและดีกว่าคนอื่น ได้ตัดเขาจากพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เรายอมรับเพื่อนมนุษย์และให้อภัยกันด้วยใจกว้าง ใช้เวลาพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้กลับใจมาหาพระองค์ และเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่เสมอ
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลมหาพรต 40 วันแห่งการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2561), หน้า 60-62.
ที่มาภาพ : https://medium.com/publishous/did-the-prodigal-son-repent-f1d2267552c0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น