จงตื่นเฝ้าเถิด
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
ปี B
|
อสย 63:16-17; 63:1, 3-6
1 คร 1:3-9
มก 13:31-37
|
บทนำ
รายการเกมส์โชว์หนึ่ง
พิธีกรได้ยกสถานการณ์การนอนหลับและฝันว่าสิงโตตัวหนึ่งกำลังไล่ขย้ำ ทำให้เขาต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด
แต่ต้องเผชิญหน้ากับเสือที่พร้อมตะปบเขาด้วยกรงเล็บอันแหลมคมของมัน เข้าทำนอง “หนีเสือปะจระเข้” เขามองหาทางหนีไปที่ข้างทาง
แต่สองข้างทางเต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้ายที่พร้อมทำร้ายเขาเช่นกัน ในขณะนั้นเขาเหมือนจนตรอก
หนีไปทางไหนไม่ได้ ถามว่า “เขาจะหนีเอาตัวรอดอย่างไร”
เฉลย “จงตื่นจากฝัน”
การตื่นทำให้เราอยู่ในโลกของความเป็นจริง
ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกของความฝัน ปัญหาใหญ่โตที่เรากำลังเผชิญขณะฝัน
ไม่มีผลใดๆ ต่อชีวิตปัจจุบันของเรา เมื่อตื่นขึ้นเราพบความจริงว่าอันตรายจากสัตว์ร้ายในความฝันไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด
เพราะเป็นเพียงความฝัน ไม่ใช่ความจริง เราอาจเปรียบเทียบความฝันและการตื่นนี้กับชีวิตฝ่ายจิตของคริสตชน
การตื่นเฝ้าระวังอยู่เสมอ ทำให้เราพร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง
สัปดาห์แรกของเทศกาลรับเสด็จพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรเชื้อเชิญเราให้พร้อมต้อนรับองค์พระเจ้าที่กำลังเสด็จมา
“จงตื่นเฝ้าเถิด” เพื่อว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาจะพบเรากำลังเตรียมพร้อมอยู่
เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ไม่เพียงเตรียมฉลองการบังเกิดมาของพระคริสตเจ้า
แต่ยังเป็นการเตรียมต้อนรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ เป็นช่วงเวลาแห่งความหวัง
ด้วยการเชิญพระองค์เสด็จเข้ามาในจิตใจ และตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในเพื่อนพี่น้อง
1.
จงตื่นเฝ้าเถิด
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเตือนและให้กำลังใจผู้ติดตามพระองค์ให้ระวังและตื่นเฝ้าทางจิตใจ
พระองค์กำลังจะจากพวกเขาไป พวกเขาต้องเป็นดังผู้รับใช้ที่ตื่นเฝ้าอยู่เสมอ ดังนั้น
ช่วงเวลาที่พระองค์ไม่อยู่เป็นเวลาแห่งการทดสอบความเชื่อ พระองค์ทรงย้ำเตือนพวกเขาให้ระวังและตื่นเฝ้า
เพราะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไหร่ เพื่อว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาจะพบพวกเขากำลังตื่นเฝ้าด้วยความเชื่อและพร้อมต้อนรับพระองค์
นักบุญมาระโกได้ใช้ภาพพจน์ของผู้รับใช้ที่คอยเปิดประตูให้เจ้าของบ้าน
เพราะไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ณ เมืองเบ็ธเลแฮมพระเยซูเจ้าเสด็จมาในรูปของเด็กทารก
แต่ผู้คนจำพระองค์ไม่ได้ คำอุปมาเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้ายในสัปดาห์สุดท้าย
พระองค์เสด็จมาในรูปแบบของคนที่ต่ำต้อยและต้องการความช่วยเหลือ มีแต่คนที่มีความเชื่อเท่านั้นที่จำพระองค์ได้และรับใช้พระองค์
การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อช่วยให้เรามองเห็นและจำพระองค์ได้
ชีวิตคริสตชนเป็นชีวิตที่ต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอ
ทำหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดด้วยความซื่อสัตย์และรับผิดชอบ
การตื่นเฝ้ายังหมายถึงการเรียนรู้เครื่องหมายแห่งกาลเวลา เพื่อเข้าใจถึงความหมายที่พระเจ้าต้องการบอก
และรับผิดชอบต่อหน้าที่ประจำวันจนถึงที่สุด การตื่นเฝ้าเป็นการเจริญชีวิตแห่งการรับใช้พระเจ้าด้วยความวางใจ
ปฏิบัติตามพระบัญญัติและดำรงตนในฐานะพระหรรษทาน เหมือนผู้รับใช้ซื่อสัตย์ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอย่างเคร่งครัด
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก
จงตื่นเฝ้าเถิด การตื่นเฝ้าแสดงถึงลักษณะของผู้เป็นศิษย์ที่มุ่งหวังและรอคอยพระคริสตเจ้าเสด็จกลับมา
การเฝ้าคอยนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ การตื่นเฝ้าไม่ใช่การอยู่เฉยๆ
แต่หมายถึงความรับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งของพระเยซูเจ้าที่ว่า
“จงตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อจะไม่เข้าสู่การทดลอง”
(มก 14:38) หรือเลียนแบบพระองค์ที่เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน
(ลก 6:12)
ประการที่สอง จงเตรียมพร้อม
การเสด็จมาครั้งที่สองเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแต่ไม่มีใครรู้
มีแต่พระบิดาเจ้าเท่านั้นที่ทราบ (มก 13:32) ชีวิตของเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระองค์
นี่คือหน้าที่ที่เราต้องทำ เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ท้าทายเราด้วยคำถามที่สำคัญสามข้อ: 1) เราจะทำอะไรขณะนี้ เพื่อสร้างอาณาจักรของพระเจ้าในโลก,
2) เราควรจะทำอะไรเวลานี้ และ 3)
เราจะเริ่มทำอะไรบ้าง ในสัปดาห์แรกของเทศกาลรับเสด็จฯ นี้
ประการที่สาม จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด การเสด็จมาครั้งที่สองเป็นเวลาแห่งการพิพากษาจะเกิดขึ้นโดยฉับพลันและไม่มีใครคาดคิด
แต่ละคนต้องดำเนินชีวิตในแต่ละวันให้ดีที่สุด “จงพยายามดำเนินชีวิตให้ดีทุกวัน
ราวกับว่าท่านต้องตายในเย็นวันนั้น” (ชาร์ล เดอ โฟโกลต์) คริสตชนผูกพันตนเองกับปัจจุบันเพราะทุกนาทีเป็นการนัดพบกับพระเจ้า
และวาระสุดท้ายขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะในการปฏิบัติต่อพี่น้องที่ต่ำต้อยในแต่ละวัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
เป็นช่วงเวลาของรื้อฟื้นและสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้า เพียรทนในการอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อวางใจ
และเปิดใจต้อนรับพระองค์ในเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นในคนจนและคนต้องการความช่วยเหลือ
พระคริสตเจ้าทรงเป็นแสงสว่างของโลก ดังนั้น เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ จึงเป็นช่วงเวลาของการก้าวเดินออกจากความมืดด้วยการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพื่อเดินในแสงสว่างของพระองค์
พระศาสนจักรให้เราเริ่มต้นปีพิธีกรรมด้วยเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ
เพื่อท้าทายและเตือนเราให้คิดถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเรา ในการมุ่งหน้าไปพบองค์พระเจ้าที่กำลังเสด็จมาและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
ทำให้พระคริสตเจ้าปรากฏเป็นจริงในชีวิตประจำวันสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อพระองค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องถอดแบบพระองค์ในความรักที่เรามีต่อเพื่อนพี่น้อง
นี่คือการเตรียมพร้อมและตื่นเฝ้าอยู่เสมอที่พระองค์ต้องการจากเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso
Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
2 ธันวาคม 2017
ภาพ: สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส, สนามกีฬา Kyaikkasan, ย่างกุ้ง เมียนมาร์; 2017-11-29
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น