วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560

พระคริสตเจ้าทรงประทับท่ามกลางเรา

พระคริสตเจ้าทรงประทับท่ามกลางเรา
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
ปี B
อสย 61:1-2; 10-11
1 ธส 5:16-24
ยน 1:6-8, 19-28
บทนำ
อารามแห่งหนึ่งประสบกับภาวะวิกฤตหนัก สมาชิกลาออก ไม่มีคนมาทำบุญ ขอคำภาวนาหรือคำแนะนำเหมือนในอดีต สมาชิกที่เหลืออยู่ล้วนสูงอายุและมีความสัมพันธ์เย็นชาต่อกัน เมื่อทราบข่าวว่ามีฤาษีผู้ศักดิ์สิทธิ์มาอาศัยในป่าไม่ไกลจากอาราม อธิการได้รีบรุดไปขอคำแนะนำ เพื่อฟื้นฟูอารามให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้บอกอธิการว่า “สมาชิกคนหนึ่งในอารามท่านคือพระคริสตเจ้า แต่พระองค์ดำเนินชีวิตในแบบที่ไม่มีใครรู้จัก”
หลังจากได้ทราบความจริง อธิการได้รีบกลับอารามเรียกประชุมหมู่คณะและกล่าวกับทุกคนถึงจ้สิ่งที่ผู้ศักดิ์สิทธิ์บอกให้ทราบ สมาชิกแต่ละคนต่างมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ และพิจารณาดูว่าใครในพวกเขาเป็นพระคริสตเจ้า ต่างพูดกันว่าคนนี้ไม่น่าใช่ คนโน้นยิ่งไปกันใหญ่ ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา อธิการได้เตือนพวกเขาว่าพระคริสตเจ้าอาจซ่อนพระองค์ หรือดำเนินชีวิตในรูปของคนที่ไม่เอาไหน ทำให้ทุกคนแน่ใจว่าต้องเป็นคนใดคนหนึ่งที่มิใช่ตนเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา สมาชิกในคณะต่างปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพและความสุภาพ เพราะผู้ที่ตนเองกำลังคุยด้วยอาจเป็นพระคริสตเจ้า พวกเขาแสดงออกต่อกันด้วยความรักมากกว่าเดิม ดำเนินชีวิตแบบพี่น้องด้วยความจริงใจและภาวนาด้วยความร้อนรน ไม่นานสัตบุรุษสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ได้พากันกลับมาใช้บริการ มีผู้สนใจเข้าอาราม และกระแสเรียกเพิ่มมากขึ้น เพราะแต่ละคนตระหนักว่าพระคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในหมู่พวกเขา
1.        พระคริสตเจ้าทรงประทับท่ามกลางเรา
เมื่อพวกโรมันยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ชาวยิวต่างรอคอยผู้นำทางการเมืองและศาสนาที่เข้มแข็ง เพื่อไถ่กู้และปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ การมาของผู้นำที่เป็นทั้งผู้ไถ่กู้และผู้ปลดปล่อย ได้รับการกล่าวถึงล่วงหน้าจากบรรดาประกาศก เมื่อยอห์น บัปติสต์เริ่มงานในถิ่นทุรกันดาร ได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว และทำให้มีผู้ส่งคนไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” ใช่พระผู้ไถ่หรือผู้ปลดปล่อยที่พวกเขากำลังรอคอยไหม
ยอห์นได้บอกประชาชนว่า ท่านไม่ใช่แสงสว่าง แต่เป็นพยานถึงแสงสว่างที่แท้จริง ยอห์นยืนยันว่าท่านไม่ใช่พระคริสตเจ้า ไม่ใช่เอลียาห์และไม่ใช่ประกาศก แต่เป็นเสียงร้องในถิ่นทุรกันดาร ชี้บอกคนที่มาหาให้เตรียมต้อนรับองค์พระเจ้า ประกอบพิธีล้างด้วยน้ำเพื่อเตือนให้ระลึกถึงการกลับใจและการให้อภัยบาปของพระเจ้า ในเวลาเดียวกันยอห์นได้เป็นพยานด้วยความสุภาพถ่อมตน สำนึกว่าตนเองไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของพระองค์
ยอห์นได้ประกาศข่าวสำคัญแก่ชาวยิว ซึ่งกำลังรอคอยผู้ไถ่กู้ด้วยความกระวนกระวายว่า “แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก” (ยน 1:26) เหตุผลที่ทำให้ผู้คนในสมัยพระเยซูเจ้าไม่รู้จักพระองค์ เพราะพวกเขาต่างคิดว่าพระคริสตเจ้าเสด็จจากสวรรค์ด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า และสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ด้วยการทำลายศัตรูของชนชาติอิสราแอลให้พินาศ เมื่อพระองค์เสด็จมาบังเกิดอย่างยากจนพวกเขาจึงไม่รู้จักพระองค์
2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้และการเป็นพยานของยอห์น บัปติสต์ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการเตรียมฉลองการเสด็จมาของพระคริสต์เจ้า
ประการแรก เราต้องเป็นพยานแห่งแสงสว่าง เมื่อถูกถามว่าท่านเป็นใคร ยอห์นสำนึกว่าท่านเป็นพยานแห่งแสงสว่าง ผู้เตรียมทางสำหรับองค์พระเจ้า แล้วเราละเป็นใคร เราต้องเป็นพยานแห่งแสงสว่างของพระเจ้าที่เราเชื่อและติดตามเช่นเดียวกัน เราต้องรักกระแสเรียกการเป็นผู้นำสารของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่นในโลก นี่คือ พันธกิจของพระศาสนจักรและหน้าที่ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยาน ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่กัน
ประการที่สอง เราต้องชี้ไปที่พระคริสตเจ้า ยอห์นไม่พูดถึงตัวท่านเองเลย แต่ชี้ไปที่พระคริสตเจ้า ตระหนักในความต่ำต้อยของตน “พระองค์จะต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนข้าพเจ้าจะต้องด้วยลง” (ยน 3:30) ท่านได้ทำหน้าที่โดยไม่หวังประโยชน์อะไร นอกจากพระคริสตเจ้า เราต้องไม่ชี้ไปที่ตัวเองหรือสำคัญผิดว่าเราคือความถูกต้องและสำคัญที่สุด แต่ต้องชี้ไปที่พระคริสตเจ้า พระองค์ต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องมือที่ดีของพระองค์
ประการที่สาม เราต้องแสวงหาพระคริสตเจ้า ยอห์นยืนยันว่าพระคริสตเจ้าเสด็จมาแล้ว ทรงประทับอยู่ท่ามกลางเราและเป็นผู้ที่เราไม่รู้จัก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ซ่อนเร้น บ่อยครั้งการประทับอยู่ของพระองค์ อยู่เหนือการรับรู้และความเข้าใจของเรา เราต้องจำพระองค์ให้ได้ เป็นต้นในคนต่ำต้อยด้อยค่าและต้องการความช่วยเหลือ นั่นคือ พระคริสตเจ้าที่ทรงประทับท่ามกลางเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าวันนี้บอกเราชัดเจนว่าพระคริสตเจ้าได้เสด็จมาในโลกแล้ว ทรงต้องการให้เราเป็นประจักษ์พยานถึงการประทับอยู่ของพระองค์กับทุกคนในโลก ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำของเรา เพื่อว่าคนอื่นทั้งหลายจะได้ทราบถึงข่าวที่น่ายินดีแห่งการเสด็จมาของพระองค์ โดยเริ่มจากบุคคลที่อยู่รอบข้างเราก่อน เช่น ที่บ้านหรือที่ทำงาน ก่อนขยายไปสู่ผู้อื่นที่เราพบเห็น
พระคริสตเจ้าทรงเป็นแสงสว่างแท้จริงแห่งชีวิตเรา ศิษย์พระคริสต์ต้องทำให้แสงสว่างนี้ฉายแสงในการดำเนินชีวิตประจำวันของตน เป็นต้นในความรักต่อกัน การรับใช้ซึ่งกันและกัน และการให้อภัยกันด้วยใจกว้าง ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเรา การมองเห็นพระองค์ในเพื่อนพี่น้องที่ต่ำต้อยและต้องการความช่วยเหลือ จะทำให้ชีวิตของเราและหมู่คณะมีคุณค่าและความหมาย
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
15 ธันวาคม 2017
ภาพ: นักบวชและคาทอลิกชาวเมียนมาร์, Kyaikkasan Ground, Yangon, Myanmar; 2017-11-29

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น