ผู้เป็นกับผู้ตาย
2 พฤศจิกายน
วันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ
|
รม 5:5-11
ยน 6:37-40
|
บทนำ
เราเพิ่งผ่านพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระเมรุมาศ
มณฑลพิธีท้องสนามหลวง วันที่ 26 ตุลาคม 2017 หลายคนได้ไปร่วมพระราชพิธีที่จัดขึ้นทั่วประเทศหรือชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
ได้เห็นภาพแห่งความจงรักภักดี ความสามัคคี และความรักยิ่งใหญ่ของคนไทยที่มีต่อพระองค์
แม้พระองค์ไม่อยู่แล้ว แต่ยังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของคนไทยทุกคน
ที่รับรู้ถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ
หากเรารักใครสักคน แม้เขาจากเราไปแล้วแต่เรายังรักและผูกพันอยู่ โดยเฉพาะบิดามารดาผู้ให้กำเนิดและมีพระคุณด้วยแล้ว
ยิ่งต้องรักและคิดถึงให้มาก นี่คือเหตุผลที่ทำให้เรามาที่นี่วันนี้
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือยากลำบากเพียงใดต่างพากันมา เพื่อแสดงออกถึงความรัก
ความผูกพัน และความกตัญญูรู้คุณที่เรามีต่อญาติพี่น้องที่จากไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เรามี
เราเป็นเวลานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คนก่อนหน้าเราได้สร้างเอาไว้ทั้งสิ้น
วันนี้พระศาสนจักรให้เราภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ หรือ “วันเสกสุสาน”
เพื่อภาวนาและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรดาญาติพี่น้องที่ล่วงลับเป็นพิเศษ ระลึกถึงวิญญาณที่กำลังทนทุกข์ในไฟชำระ
รอการชำระล้างให้บริสุทธิ์และคู่ควรกับการอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ ซึ่งเป็นข้อความเชื่อที่แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้เป็นกับผู้ตาย
นักบุญยอห์นที่ 23 พระสันตะปาปา ทรงใช้คำว่า “พวกเขาไม่ได้ตาย
พวกเขาได้กลับบ้าน และพวกเขากำลังรอเราอยู่
1.
ผู้เป็นและผู้ตาย
วันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับถือเป็นวันพิเศษ ที่เราคริสตชนระลึกถึงและอธิษฐานภาวนาเพื่อคนที่เรารักซึ่งล่วงหน้าเราไปก่อน
โดยเฉพาะวิญญาณที่กำลังอยู่ในไฟชำระ ซึ่งอยู่ในสภาพไม่สามารถช่วยตัวเองให้รอดได้ ต้องอาศัยคำภาวนาของเราที่ยังมีชีวิตอยู่
ช่วยชำระให้บริสุทธิ์เพื่อไปอยู่กับพระเจ้า ความเชื่อนี้ถือเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวยิวและเข้ามาในพระศาสนจักรยุคแรก
และเราได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
เมื่อวาน (1 พฤศจิกายน) เราสมโภชนักบุญทั้งหลาย เราแต่ละคนที่กำลังเดินทางอยู่ในโลกนี้
(พระศาสนจักรที่กำลังต่อสู้) เป็นหนึ่งเดียวกับบรรดานักบุญที่ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์
(พระศาสนจักรที่ได้รับชัยชนะ) และวันนี้ (2 พฤศจิกายน)
เราเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวกับญาติพี่น้องที่อยู่ในไฟชำระ
(พระศาสนจักรที่กำลังทนทุกข์) ซึ่งความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวนี้รวมเรียกว่า “สหพันธ์นักบุญ” หรือ
“ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวของผู้ศักดิ์สิทธิ์”
บรรดานักบุญในสวรรค์อธิษฐานภาวนาเพื่อเรา
และเราอธิษฐานภาวนาต่อนักบุญและเพื่อวิญญาณในไฟชำระ ช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นและเข้าอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์
ไม่มีอะไรขวางกั้นคำภาวนาของเราสำหรับญาติพี่น้องที่ล่วงลับ ซึ่งเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่พวกเขาเป็นปู่ย่า
ตายาย พ่อแม่ ญาติพี่น้องที่มีพระคุณต่อเรา การระลึกถึงพวกท่านในวันนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความรัก
ความกตัญญูรู้คุณ และการขอบคุณพระเจ้าสำหรับรางวัลนิรันดรของพวกเขา
2.
บทเรียนสำหรับเรา
การภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับที่เราระลึกในวันนี้
มีความหมายและให้บทเรียนสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ประการแรก
เราต้องรักพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่และไร้ขีดจำกัด ทรงรักเราแม้เราจะไม่สมบูรณ์
ประการสำคัญ พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งวิญญาณของพี่น้องชายหญิงของเราที่ล่วงลับไปแล้ว เราต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด
พระองค์ต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ความรักพระเจ้าทำให้ชีวิตของเรามีความหมายและสามารถรักผู้อื่นได้
ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อผู้อื่น ออกจากตัวเองและแบ่งปันกับทุกคน
ประการที่สอง
เราต้องระลึกถึงญาติพี่น้องผู้ล่วงลับอยู่เสมอ ความตายมิใช่จุดจบของทุกสิ่ง เรายังเป็นหนึ่งเดียวกับญาติพี่น้องผู้ล่วงลับ
ในสายสัมพันธ์แห่งความเชื่อและความรัก ประการสำคัญ วิญญาณในไฟชำระไม่สามารถช่วยตนเองให้รอดได้
เป็นหน้าที่ของเราและมีเพียงเราเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเขาได้ ผ่านทางคำภาวนา พิธีบูชาขอบพระคุณ
และการพลีกรรมใช้โทษบาป เราไม่ควรระลึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักเฉพาะในวันนี้เท่านั้น
ประการที่สาม
เราต้องตระหนักในชีวิตของเรา การมารวมกันที่สุสานต่อหน้าหลุมศพญาติพี่น้องของเรา
สะท้อนความจริงที่ว่า ชีวิตในโลกนี้สั้น ไม่จีรังยั่งยืน เป็นเพียงทางผ่านเพื่อไปอยู่กับพระเจ้าหรือปีศาจ
เมื่อเราอยู่ต่อหน้าหลุมศพเราต้องตระหนักว่า ต่อไปเราต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีใครหลีกพ้น
ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง และเอาอะไรไปไม่ได้นอกจากคุณงามความดี ที่สำคัญเราไม่รู้วันเวลา
ดังนั้น เราต้องทำดีขณะที่ยังมีเวลาและมีลมหายใจอยู่
บทสรุป
พี่น้องที่รัก วันนี้เราระลึกถึงพี่น้องของเราที่กำลังทนทุกข์ในไฟชำระเพราะผลของบาป
เป็นการแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้เป็นกับผู้ตาย
ในสายสัมพันธ์แห่งความเชื่อและความรัก ให้เราได้ส่งคำภาวนาและอุทิศส่วนกุศลในพิธีบูชาขอบพระคุณแด่พวกเขา
มิใช่แต่เฉพาะในวันนี้เท่านั้น แต่ทุกวันแห่งชีวิต ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาและปลดปล่อยพวกเขาให้คู่ควรกับการอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์
ที่สุด เราต้องตระหนักถึงพระพรแห่งชีวิตที่ได้รับจากพระเจ้า
ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าหลุมศพ เราต้องตระหนักว่า ต่อไปเราต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีใครหลีกพ้น
นี่เป็นสัจธรรมแห่งชีวิต ประการสำคัญ เราไม่รู้วันเวลาแห่งชีวิต เราต้องทำดีหนีชั่วและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
มีแต่ความดีเท่านั้นที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ “โชคดีแค่ไหนตื่นมา
เรายังมีลมหายใจอยู่” ฉะนั้น จงขอบคุณพระเจ้าเสมอและทำหน้าที่คริสตชนในแต่ละวันให้ดีที่สุด
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
31 ตุลาคม 2017
ภาพ: พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน, ภาวนาเหนือหลุมศพพระสังฆราชและพระสงฆ์, สุสานอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; 2004-04-03
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น