วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

อาณาจักรพระคริสต์

อาณาจักรพระคริสต์
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา
ปี A
1 พกษ 3: 5, 7-12
รม 8: 28-30
มธ 13: 44-52
บทนำ
เช้าวันที่ 28 กรกฎาคม 2017 หมู่บ้านท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรพระคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เต็มไปด้วยน้ำโดยป้องกันอะไรไม่ได้ เนื่องจากมวลน้ำมหาศาลที่มาพร้อมกับพายุฝน “เซินกา” ที่ตกตลอดทั้งคืน ทำให้ทุกพื้นที่กลายเป็นแอ่งรับน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอาสนวิหาร บ้านพักพระสงฆ์ บ้านเณร อาราม ศูนย์คาทอลิก โรงเรียน ถนนทุกสายกลายสภาพเป็นคลอง บ้านคริสตชนได้รับผลกระทบทั่วหน้า รวมถึงเลือกสวนไร่นา
ต่อหน้าสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เราคริสตชนคิดอย่างไร มองเห็นอะไรจากสถานการณ์นี้ ช่างประเหมาะเหลือเกินที่พระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าตรัสถึง “ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา” และ “ไข่มุกเม็ดงาม” ปาเลสไตน์เป็นดินแดนที่อยู่ในภาวะสงคราม การซ่อนของมีค่าไว้ใต้ดินจึงเป็นเรื่องธรรมดา กล่าวกันว่า “พื้นดินเป็นที่เก็บเงินที่ปลอดภัยที่สุดเพียงที่เดียว” อีกทั้ง “ไข่มุก” เป็นสิ่งที่คนทั่วไปหลงใหลและอยากเป็นเจ้าของ
สำหรับชาวท่าแร่ “ขุมทรัพย์” และ “ไข่มุกเม็ดงาม” ที่พวกเราค้นพบและเป็นเจ้าของคือ “ความเชื่อ” ภัพพิบัติครั้งนี้ต้องทำให้เรามีความเชื่อมากขึ้น ไม่ท้อถอยหรือหมดกำลังใจ ไม่มองว่าเป็นการลงโทษของพระเจ้า แต่เป็นพระพรและโอกาสที่ทำให้ความเชื่อของเราปรากฏผลในภาคปฏิบัติ ในการร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันภัยธรรมชาติครั้งนี้ สำหรับศิษย์พระคริสต์เช่นกัน เป็นโอกาสที่จะแสดงความเห็นใจชาวท่าแร่มากกว่าคำภาวนา ทำให้ความเชื่อของเราปรากฏผลในความช่วยเหลือ นี่คือขุมทรัพย์และไข่มุกเม็ดงามที่เราเป็นเจ้าของ
1.        อาณาจักรพระคริสต์
คำอุปมาบอกให้เราทราบถึงคุณค่าของความเชื่อ และความชื่นชมยินดีเมื่อใครคนหนึ่งได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนาและไข่มุกเม็ดงาม มีความแตกต่างและความสอดคล้องกัน คนที่พบขุมทรัพย์ถือเป็นเรื่องบังเอิญ ส่วนพ่อค้าที่พบไข่มุกต้องใช้เวลาแสวงหาตลอดชีวิต การค้นพบความเชื่อเป็นได้ทั้งเรื่องบังเอิญหรือต้องแสวงหาตลอดชีวิต
พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อประกาศอาณาจักรพระคริสต์ในโลก “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” (มก 1:15) พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลีเพื่อประกาศเรื่องพระอาณาจักร (มธ 4:23) ซึ่งแตกต่างจากอาณาจักรของโลกนี้ อาณาจักรพระคริสต์แสดงถึงการปกครองของพระเจ้าในโลก และการประทับอยู่ของพระคริสต์ในหัวใจ ในชีวิต ในบ้าน ในสังคม และในโลกของเรา
ความเชื่อมีคุณค่าเหนือสิ่งอื่นใด เพื่อครอบครองอาณาจักรนี้ต้องละทิ้งทุกสิ่ง ชายที่พบขุมทรัพย์ในทุ่งนาและพ่อค้าที่พบไข่มุกเม็ดงาม รีบกลับไปขายทุกสิ่งที่มีเพื่อซื้อที่นาและไข่มุกเม็ดนั้น ใครที่แสวงหาและปรารถนาขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรพระคริสต์ จะพบกับความยินดีหาที่สุดมิได้ เป็นความสุขแห่งการได้พบและอยู่กับพระเจ้า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือ ความเชื่อในพระคริสต์และดำเนินชีวิตตามความเชื่อ
2.        บทเรียนสำหรับเรา
คำอุปมานี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ หากเราต้องการพบขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรพระคริสต์และพบความยินดีหาที่สุดมิได้
ประการแรก ต้องแสวงหาพระเยซูเจ้าให้พบ  เมื่อเราค้นพบพระคริสต์และพันธกิจของพระองค์ สิ่งอื่นทั้งหลายจะกลายเป็นเรื่องรอง นักบุญเปาโลเป็นตัวอย่างสำหรับเรา “ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสตเจ้า และการตายก็เป็นกำไร” (ฟป 1:21) เพื่อกล่าวเช่นนั้นได้ต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ ผู้เป็นขุมทรัพย์แท้จริงสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การภาวนาและการดำเนินชีวิตตามพระวาจา
ประการที่สอง ต้องยอมสละทุกสิ่ง เพื่อจะได้สิ่งที่ดีที่สุดเราต้องยอมสละสิ่งที่ดีรองลงมา เช่น ความสะดวกสบาย เราต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงตนเองและสละน้ำใจของตน เพื่อจะได้พบและอยู่ในอาณาจักรพระคริสต์ตลอดไป ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นต้นคนที่กำลังประสบภัยน้ำท่วม ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่เรามีช่วยพวกเขา พระเยซูเจ้ามิได้ตำหนิการมีทรัพย์สมบัติมาก แต่ทรงประณามการใช้ทรัพย์สมบัติอย่างเห็นแก่ตัว
ประการที่สาม ต้องดำเนินชีวิตมุ่งไปยังเป้าหมายที่สูงค่า เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในการแสวงหาขุมทรัพย์ที่จอมปลอม เช่น เงินทอง การยอมรับ สถานะทางสังคม หรือความพึงพอใจชั่วครู่ชั่วยาม เราต้องแสวงหาสิ่งที่สูงค่ากว่าคือ ความเชื่อและความรอดนิรันดร ดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้ความเชื่อปรากฏเป็นจริงในโลกนี้ ในรูปของความรัก ความเมตตากรุณา และการแบ่งปันช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก คำอุปมาที่พระเยซูเจ้าเล่าบอกให้เราทราบว่า “ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่มีค่าและสำคัญมากไปกว่าความเชื่อ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้อาณาจักรพระคริสต์มีชีวิต เป็นอาณาจักรแห่งความเมตตากรุณาและยุติธรรม อาณาจักรแห่งความรักและสันติสุข อาณาจักรแห่งการแบ่งปันและช่วยเหลือ ทรงเชื้อเชิญเราให้สร้างอาณาจักรพระคริสต์และทำให้ปรากฏเป็นจริง
อาณาจักรพระคริสต์เห็นได้อย่างเด่นชัดในพระเยซูเจ้า บุตรพระเจ้าที่เสด็จมาเพื่อ “รับใช้ผู้อื่นและมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์” (มก 10:45) ทรงท้าทายและมอบแบบอย่างนี้แก่เรา ทำให้อาณาจักรพระคริสต์เริ่มตั้งแต่ในโลกนี้ ในเวลาที่เราดำเนินชีวิตในความรักต่อกัน แบ่งปันและช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อนและประสบภัยน้ำท่วมขณะนี้
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
บ้านแม่ฮ้อม, นาโพธิ์ กุสุมาลย์
29 กรกฎาคม 2017
ภาพประกอบ: เด็กสาวกำลังลากถังขยะที่ถูกน้ำพัดขวางถนนเข้าข้างทาง, ถนนราษฎร์เจริญ, ท่าแร่ สกลนคร; 2017-07-28

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น