จงอดทนและให้โอกาส
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา
ปี A
|
ปชญ 12: 13, 16-19
รม 8: 26-27
มธ 13: 24-43
|
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า
พระสังฆราชองค์หนึ่งเดินทางไปทวีปยุโรปกับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ เมื่อขึ้นไปบนเรือพบว่าต้องพักร่วมห้องกับผู้โดยสารชายคนหนึ่ง
หลังจากจัดสำภาระในกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย พระสังฆราชได้ไปหากัปตันเรือ
เพื่อขอให้ช่วยเก็บสร้อยคอทองคำและของมีค่า ไว้ในตู้เซฟ โดยให้เหตุผลว่าชายคนที่พักร่วมห้องดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ
และกลัวว่าเขาจะขโมยของมีค่าของตน
กัปตันเรือยิ้มและบอกกับพระสังฆราชว่า
“ด้วยความยินดีครับพระคุณเจ้า ผมจะเก็บรักษาสมบัติของพระคุณเจ้าไว้ให้อย่างดีและปลอดภัย”
ไม่นานหลังจากนั้น ชายคนที่พักร่วมห้องกับพระสังฆราชได้ไปหากัปตันเรือบ้าง และฝากของมีค่าของตนให้กัปตันเรือช่วยเก็บรักษาไว้
ด้วยเหตุผลเดียวกันคือเขารู้สึกไม่ไว้ใจพระสังฆราชที่พักร่วมห้องเดียวกันกับเขา
พระวรสารวันนี้เตือนเราให้รู้จักอดทนและให้โอกาส
มองเห็นความดีของกันและกัน ไม่ตัดสินใครว่าดีหรือไม่ดี น่าไว้ใจหรือไม่น่าไว้ใจ
แต่ควรเลียนแบบพระเจ้า ผู้ทรงอดทนและให้โอกาสทุกคน “พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว
โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม” (มธ 5:45)
โดยทั่วไป เรามักจะจำแนกสิ่งดีและไม่ดีจากสิ่งที่ปรากฏภายนอก
แต่พระเจ้ากลับมองลึกเข้าไปถึงสิ่งที่อยู่ในใจ
1.
จงอดทนและให้โอกาส
คำอุปมาเรื่อง
“ข้าวละมาน” พระเยซูเจ้าต้องการบอกว่าเราเป็นเนื้อนาของพระเจ้า เป็นดินที่ทรงปลูกเมล็ดพันธุ์ดีให้เจริญเติบโต
และเป็นหมู่คณะที่ทรงเจิมด้วยพระจิตเจ้า คำอุปมาได้แสดงให้เห็นถึงความอดทนและพระทัยเมตตาของพระเจ้า
ทรงปล่อยให้คนดีกับคนไม่ดีอยู่ด้วยกันในโลก เพื่อให้โอกาสคนไม่ดีได้กลับใจก่อนถึงวาระสุดท้ายและรับการลงโทษ
“จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว” (มธ 14:30)
พระเจ้าเรียกร้องให้เราอดทนต่อความผิดพลาดของกันและกัน
ไม่มองใครว่าเป็นคนชั่ว เป็นวัชพืชที่ต้องกำจัดทิ้ง เพราะในความเป็นจริงเราเองก็มีทั้งความดีและความไม่ดี
นักบุญเปาโลเป็นผู้ที่ตระหนักถึงธรรมชาติของความดีและความชั่วในตัวท่าน “เมื่อใดข้าพเจ้าอยากทำดี
เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ...” (รม 7:21-25) และตระหนักว่าในความอ่อนแอมีความช่วยเหลือ “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน”
(2 คร 12:9)
ประการสำคัญ
เวลาแห่งการพิพากษายังมาไม่ถึง ขณะนี้เป็นเวลาแห่งการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่จะถึงเวลาของการเก็บเกี่ยวที่มีการแยกข้าวละมานออกจากข้าวสาลี แยกปลาดีจากปลาเน่าเสีย (มธ 13:47-50) แยกแกะออกจากแพะ (มธ 25:31-46)
การเก็บเกี่ยวเป็นหน้าที่ของพระเจ้าไม่ใช่หน้าที่เรา แต่เราควรร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์
ในการกำจัดข้าวละมานแห่งความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความอิจฉาริษยา
และความเกลียดชังให้ออกไปจากใจเรา
2.
บทเรียนสำหรับเรา
คำอุปมานี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก
เราต้องฝึกฤทธิ์กุศลความอดทน โดยเฉพาะต่อความอ่อนแอและข้อบกพร่องของกันและกัน
เพราะไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบและดีพร้อม เราต้องมีทัศนะเชิงบวกในการมองสิ่งต่างๆ
เข้าทำนอง “ในชั่วมีดี ในดีมีชั่ว” อีกทั้ง ปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก ความเมตตา
การให้อภัยและไม่ซ้ำเติมใคร มีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะช่วยพี่น้องที่ผิดหลงให้หันกลับมาเดินในหนทางที่ถูกต้อง
ผ่านทางแบบอย่างที่ดีและการภาวนาด้วยความร้อนรนเพื่อเขา
ประการที่สอง
เราต้องไม่ตัดสินคนอื่นโดยเบาความ การตัดสินเป็นหน้าที่ของพระเจ้า สิ่งที่เราควรทำคือมองดูชีวิตของเรา
พิจารณาความผิดบกพร่องต่างๆ ที่เราได้กระทำ สำนึกผิดและกลับมาหาพระเจ้า ผู้ที่เราควรตัดสินไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นตัวเรา
โดยทั่วไปเรามักจะมองข้ามความผิดของตนเอง แต่กลับมองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น ดังคำกล่าวที่ว่า
“ความผิดของคนอื่นมองเห็นเท่าขุนเขา ความผิดของตนเล่ามองเห็นเท่าเส้นขน”
ประการที่สาม
เราต้องให้โอกาสคนที่กระทำความผิด เจ้าของสวนปล่อยให้ข้าวสาลีและข้าวละมานเจริญเติบโตด้วยกัน
แสดงถึงพระทัยเมตตาของพระเจ้าที่ทรงอดทนและให้โอกาสคนบาปเสมอ พระเยซูเจ้าไม่ได้กำจัดยูดาสและเปโตรออกไปจากหนทางแห่งความรอด
ทั้งๆ ที่ทราบล่วงหน้าว่าคนหนึ่งจะทรยศและอีกคนจะปฏิเสธพระองค์ ตรงข้ามทรงให้โอกาส
ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขและการให้อภัยไม่สิ้นสุดของพระองค์
ได้เปลี่ยนเปโตรให้กลายเป็นเสาหลักของพระศาสนจักร เราต้องดำเนินชีวิตในความรักและการให้อภัยตามแบบของพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
คำอุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่า
ได้สอนเราเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกแห่งพระอาณาจักรสวรรค์
พระองค์ได้ตรัสถึงการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เล็กที่สุด
กลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ประการสำคัญ พระเจ้าผู้หว่านข้าวสาลีได้อนุญาตให้ข้าวละมานเจริญเติบโตขึ้นด้วยกัน
ทรงอดทนและให้โอกาสทุกคน จนถึงเวลาเก็บเกี่ยวพระองค์ถึงปฏิบัติต่อคนดีและคนไม่ดีตามความประพฤติของเขา
พระเยซูเจ้าทรงมอบข่าวดีที่ชัดแจ้งให้กับเรา หากเราต้องการเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า
เราต้องอดทนต่อความผิดบกพร่องของกันและกัน ไม่ตัดสินคนอื่นโดยเบาความ
และให้โอกาสกับคนที่กระทำความผิดได้ปรับปรุงแก้ไขตนเอง
บนพื้นฐานแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขและการให้อภัยไม่สิ้นสุด
ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า พระอาจารย์ของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
22 กรกฎาคม 2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น