วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ผู้หว่านพระวาจา

ผู้หว่านพระวาจา
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
ปี A
อสย  55:9-10
รม 8:18-23
มธ 13:1-23
บทนำ
มีต้นไผ่ชนิดหนึ่งในประเทศจีนชื่อ “เมาซู” (Mao Zhu) ถือเป็นไผ่ยักษ์ลำต้นใหญ่และสูงถึง 90 ฟุต ในช่วง 5 ปีแรกไผ่ชนิดนี้ไม่มีการเจริญเติบโตใด ๆ ผู้ปลูกต้องหมั่นรดน้ำและเฝ้ารอด้วยความอดทน หลังจาก 5 ปีผ่านไปจะเริ่มแตกหน่อและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สูงเท่ากับตึก 7 ชั้นภายใน 45 วัน ตลอดเวลา 5 ปีดูเหมือนไม่มีการเจริญเติบโต เป็นห้วงเวลาที่มันหยั่งรากและแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง สะสมธาตุอาหารสำหรับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
อุปมาเรื่อง “ผู้หว่าน” ในพระวรสารนักบุญมัทธิว ถือเป็นอุปมาแรกที่งดงามของพระเยซูเจ้า ทรงสั่งสอนประชาชนจากเรื่องราวในชีวิตจริงซึ่งพวกเขาคุ้นเคย เรื่องราวของไผ่เมาซูเชิญชวนบรรดาศิษย์และผู้แพร่ธรรม ให้มีความอดทนเมื่อพบความล้มเหลวในการประกาศพระวาจา ไม่ละความพยายามในการดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างและเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าและพระวาจา รอคอยการเจริญเติบโตและเกิดผลอย่างสมบูรณ์
อุปมาเรื่องผู้หว่านได้กล่าวถึงลักษณะดิน 4 ประเภท: 1) ดินตามทางเดิน ผู้คนย่ำไปมาจนแข็งยากที่เมล็ดพืชจะงอกขึ้นได้, 2) ดินบนหิน มีดินน้อยไม่มีความชื้นและอาหารเพียงพอ, 3 ดินในกอหนาม วัชพืชที่มีความแข็งแรงกว่าพืชธรรมดา และ 4) ดินดี มีคุณภาพทำให้เมล็ดพืชเจริญเติบโต ดิน 4 ประเภทนี้พบอยู่ทั่วไปในปาเลสไตน์ ผู้ฟังจึงนึกภาพออกและเข้าใจทันทีเมื่อได้ยินพระเยซูเจ้าตรัส ดินทั้งสี่ชนิดคือจิตใจของมนุษย์ซึ่งแตกต่างกัน

1.        ผู้หว่านพระวาจา
พระเยซูเจ้ามิได้อธิบายอุปมาที่พระองค์เล่าทุกเรื่อง แต่อุปมาเรื่อง “ผู้หว่าน” มีคำอธิบายในตอนท้าย (มธ 13:18-23) ซึ่งนักพระคัมภีร์ถือว่าเป็นส่วนนำมารวมเข้าในภายหลัง เมล็ดพืชคือพระวาจาหรือพระประสงค์ของพระเจ้า และดินคือใจของมนุษย์ คำอธิบายได้เน้นถึงชนิดของใจหลายแบบที่ปฏิเสธพระวาจาของพระเจ้า ในความเป็นจริง เราแต่ละคนคือตัวแทนของดินสี่ประเภทซึ่งแตกต่างกัน
1) ดินตามทางเดิน หมายถึง “ใจแข็งกระด้าง” แสดงถึงหัวใจปิดสนิท ความจริงไม่สามารถทะลุเข้าไปถึงจิตใจคนประเภทนี้ได้เลย บาปทำให้ใจเราแข็งกระด้างและจิตใจแข็งกระด้างย่อมทำบาปมากขึ้น จนกลายเป็นความชินชา เกียจคร้าน หวาดกลัว และหยิ่งยโส สำคัญผิดคิดว่าตนเองรู้หมดทุกอย่าง ไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้อะไรอีก
2) ดินบนหิน หมายถึง “คนมีความเชื่อแบบตื้นเขิน” เหมือนดินปกคลุมพื้นหิน เมื่อเมล็ดพืชตกลงไปไม่สามารถหยั่งรากลึกได้เพราะมีเนื้อดินน้อย มันงอกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่มีรากจึงเหี่ยวเฉาไปเมื่อแดดจัด คนจำนวนมากเป็นเช่นนี้ เป็นคริสตชนแต่ในทะเบียนบ้าน มาวัดเพื่อให้เหมือนคนอื่น เมื่อเผชิญปัญหาหรือความยากลำบากได้ละทิ้งไป
3) ดินในกอหนาม หมายถึง “คนหมกมุ่นกับหลายสิ่ง” ไม่มีเวลามาวัด สวดภาวนา อ่านพระคัมภีร์ หรืออยู่เงียบ ๆ กับพระเจ้า การปล่อยตัวตามความสะดวกสบายและความโน้มเอียงไม่ดี ทำให้จิตใจถูกครอบงำด้วยความเกลียดชัง อิจฉาริษยา และความโลภ สิ่งที่พวกนี้สนใจมีเพียงอย่างเดียวคือ เงิน (เช่น ยูดาสติดตามพระเยซูเจ้า แต่ไม่สามารถเอาชนะความโลภในใจได้)
4) ดินดี หมายถึง “ใจเปิดกว้าง” พร้อมรับฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำมาปฏิบัติด้วยความร้อนรน ผู้นำพระวาจามาปฏิบัติในชีวิตจริง พระวาจาย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เราคาดไม่ถึง เหมือนการเติบโตอย่างรวดเร็วของไผ่เมาซู

2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก พระเจ้าทรงให้โอกาสเรา ผู้หว่านไม่ปฏิเสธการหว่านเมล็ดพืช แม้รู้ว่าบางเมล็ดต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่มีโอกาสเติบโตหรือเกิดผลใด ๆ แต่เขามั่นใจว่ามีบางเมล็ดตกในเนื้อดินดีและเกิดผล ดังนั้น เราไม่ควรท้อถอยในการเป็นคริสตชนและในการประกอบคุณงามความดี เราต้องพร้อมเสี่ยง ไม่รอให้ทุกอย่างพร้อมเสียก่อนถึงกลับใจมาหาพระเจ้า
ประการที่สอง เราต้องเปิดใจรับฟังพระวาจา นำพระวาจามาปฏิบัติและทำให้เกิดผล เราได้เปิดใจรับฟังพระวาจามากน้อยแค่ไหน เรากำลังสลวนอยู่กับสิ่งใดในชีวิต เงินทองหรือความมั่นคงในชีวิต พระวาจาของพระเจ้าได้หยั่งรากลึกในจิตใจเราหรือเปล่า ได้เปลี่ยนแปลงตัวเราให้เติบโตยิ่งขึ้น และเกิดผลในความรักต่อพระองค์และเพื่อนพี่น้องมากน้อยเพียงใด
ประการที่สาม เราต้องเป็นดินดี กลับใจมาหาพระเจ้าและคืนดีกับเพื่อนพี่น้องผ่านทางศีลอภััยบาป อธิษฐานภาวนาและปรับปรุงแก้ไขตนเองจากความโน้มเอียงไม่ดีต่าง ๆ  เพื่อให้ใจเราเป็นดินดีที่พระวาจาหยั่งรากลึกและเกิดผล และตอบสนองเสียงเรียกของพระเจ้าในการนำพระวาจาไปยังบุคคลต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

บทสรุป
พี่น้องที่รัก ดินดีคือใจเปิดกว้างรับฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติในชีวิต เป็นการเปิดใจรับความจริงของพระองค์ และยอมให้ความจริงนั้นหยั่งรากลึกในชีวิตและเกิดผลในจิตใจ หันหลังให้บาปและความโน้มเอียงไม่ดีต่าง ๆ ที่ครอบงำจิตใจ เพื่อกลับใจมาหาพระองค์และให้พระองค์พรวนดินรดน้ำดินที่แข็งให้ร่วนซุย ขุดหินขึ้นมา และดึงหนามทิ้งไป เพื่อให้ใจเรากลายเป็นดินดีและเกิดผลร้อยเท่า
การเป็นคริสตชนไม่เพียงมาวัดฟังพระวาจาของพระเจ้าสัปดาห์ละครั้ง แต่ต้องตอบสนองด้วยหัวใจทั้งหมด รำพึงถึงพลังและความหมายของพระวาจา ศิษย์พระคริสต์ต้องเจริญชีวิตตามพระวาจา ให้พระวาจาหยั่งรากลึกในใจเรา เป็นเนื้อดินดีที่พระวาจาเติบโตอย่างมั่นคงและเกิดผลอย่างสมบูรณ์ แลเป็นผู้หว่านพระวาจาแก่ผู้อื่นผ่านทางแบบอย่างชีวิตของตน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์, สกลนคร
15 กรกฎาคม 2017
ภาพ: พระสังฆราชอังเยโล มารีย์ แกวง และพระสงฆ์มิสซังลาว, เข้าเงียบประจำปี, หนองแสง นครพนม; 1937-11-xx

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น