วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

เสียงร้องของคนทุกข์จน

 เสียงร้องของคนทุกข์จน 
วันพฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต
ยรม 17:5-10
ลก 16:19-31
คำอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ฉายภาพเศรษฐีที่อยู่อย่างคนโลภ เห็นแก่ตัว และฟุ่มเฟือย “แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน” (ลก 16:19) เขาได้ละเลยบัญญัติเอกและสำคัญที่สุดของพระเจ้าคือ จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง(ดู มก 12:30-31) ชีวิตของเขาอยู่บนความสะดวกสบายด้านวัตถุและทำทุกอย่างเพื่อตนเอง ไม่เคยคิดถึงความเดือดร้อนของคนอื่น
ในทางตรงข้าม ลาซารัสมีชีวิตอยู่อย่างยากจนน่าสังเวช เป็นแผลเต็มตัว ไม่มีปัญญาไปหาหมอ ไม่มีแรงแม้แต่จะไล่สุนัขที่กำลังเลียแผล เขาถูกนำมาทิ้งที่ประตูบ้านเศรษฐีและรอสิ่งที่ตกจากโต๊ะอาหาร เขาไม่ได้ต้องการสิ่งมีค่าใด นอกจากเศษอาหารเพื่อประทังชีวิต เศรษฐีเป็นตัวแทนของคนมั่งมีที่เห็นแก่ตัว ขณะที่ลาซารัสเป็นตัวแทนของเสียงกรีดร้องของคนทุกข์จนที่ไม่มีใครได้ยินทุกยุคสมัย
คำว่า “ลาซารัส” ในภาษากรีกแปลว่า “พระเจ้าเป็นผู้ช่วย” เพื่อเน้นให้เห็นความจริงที่ว่า แม้คนชอบธรรมยากจนไม่มีใครช่วยเหลือ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเขาเสมอ เราได้เห็นสถานการณ์ที่กลับกันหลังความตาย เศรษฐีกลายเป็นคนจนน่าสมเพชที่ร้องขอความช่วยเหลือจากลาซารัส แต่คำร้องขอของเขาไม่ได้ยินและไม่ได้รับการตอบสนองเพราะมีเหวใหญ่ขวางกั้น ขณะที่ลาซารัสกลายเป็นคนร่ำรวยมีความสุขเพราะได้อยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม
คำอุปมานี้ได้ให้บทเรียนแก่เราว่า เราจะได้รับในสิ่งที่ต้องการ แต่ต้องชดเชยด้วยบางสิ่งเสมอ เวลามีชีวิตอยู่ในโลกเราอาจได้ทุกอย่างที่ปรารถนา แต่อาจต้องสูญเสียความสุขนิรันดรกับพระเจ้าในบั้นปลาย ไม่ใช่สิ่งที่เศรษฐีทำลงไปที่ทำให้เขาตกนรก แต่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำต่างหากลาซารัสผู้น่าสงสารนอนอยู่หน้าประตูบ้านเขาเอง แต่ไม่ได้ช่วยอะไร
ความรักที่มีต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อเพื่อนพี่น้อง เพราะนั่นเป็นพระเจ้าที่ปรากฏให้เราเห็น “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้องที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) เราตระหนักถึงความต้องการของเพื่อนบ้านและพี่น้องของเราไหม เราได้มองเห็นความต้องการของคนจนด้วยกันไหม หรือคิดถึงแต่ตัวเองและความต้องการของเรา ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “ความรวย-ความจน” แต่อยู่ที่การไม่สนใจคนที่กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
ความร่ำรวยในตัวมันเองไม่ใช่สิ่งเลวร้าย การยึดติดในทรัพย์สมบัติต่างหากที่เลวร้าย เราต้องสำนึกว่าทรัพย์สินที่มีมิใช่สมบัติส่วนตัวของเรา ต้องรู้จักแบ่งปันผู้ที่ไม่มีและเดือดร้อน เพื่อให้เขาสามารถมีชีวิตสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ทำตัวเย็นชากับพี่น้องที่ขัดสนหรือเดือดร้อนเจียนตาย มิฉะนั้นชะตากรรมของเราจะไม่ต่างจากเศรษฐีในพระวรสาร
เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาของการหันกลับมามองดูตัวเองว่า “อะไรคือแก่นแท้แห่งชีวิตคริสตชนทรัพย์สมบัติในโลกนี้หรือขุมทรัพย์ในสวรรค์ ศิษย์พระคริสต์ต้องสะสมทรัพย์ในสวรรรค์ ดำเนินชีวิตในความรักต่อเพื่อนพี่น้อง จิตใจกว้าง เห็นอกเห็นใจ และแสดงความเมตตาต่อคนทุกข์จน ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือซึ่งอยู่ต่อหน้าเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
15 มีนาคม 2017
ที่มาภาพ: https://in.explara.com/e/for-the-poor-children

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น