วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566

การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

 

การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา

ปี A

อสค 18:25-28

ฟป 2:1-11

มธ 21:28-32

บทนำ

ณ วัดแห่งหนึ่งหลังพิธีบูชาขอบพระคุณ พระสงฆ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมาใหม่ได้ถามสัตบุรุษว่า “เราจัดให้มีการศึกษาพระคัมภีร์เพื่อเรียนรู้พระวาจาพระเจ้าดีไหม” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก” เขารู้สึกดีใจที่ทุกคนเห็นดีด้วยและได้นำเสนอเจ้าอาวาส  คุณพ่อเจ้าอาวาสได้บอกให้ถามสัตบุรุษอีกครั้งว่า “มีใครมาเรียนบ้าง” สัปดาห์ต่อมาเขาได้ประกาศว่า “ใครสนใจร่วมโครงการศึกษาพระคัมภีร์ให้มาลงชื่อ” ปรากฏว่ามีมาแค่สองคน

ทำให้พระสงฆ์หนุ่มตระหนักว่า การตอบรับข้อเสนอกับการปฏิบัติจริงเป็นคนละเรื่อง ในทุกสังคมมีคนประเภทดีแต่พูด แต่ไม่ทำอะไร สอดรับกับอุปมาเรื่องบุตรสองคนในพระวรสารวันนี้ ชายเจ้าของสวนองุ่นมีบุตรสองคน เขาได้ไปหาบุตรคนแรกร้องขอให้ไปทำงานที่สวนองุ่น แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีในตอนแรก ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนใจไปทำงานที่สวนองุ่น ขณะที่บุตรคนที่สองสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไป แต่สุดท้ายไม่ได้ไป

อุปมานี้เกิดขึ้นในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มสามวันก่อนพระเยซูเจ้าถูกจับ ทรงโต้แย้งกับหัวหน้าสมณะและพวกผู้อาวุโสของชาวยิว (มธ 21:23) บุตรคนแรกเป็นตัวแทนของคนเก็บภาษี หญิงโสเภณี และคนบาปซึ่งเจริญชีวิตในบาปในสายตาของชาวยิว แต่ได้เชื่อและเปลี่ยนแปลงชีวิต บุตรคนที่สองเป็นตัวแทนของธรรมาจารย์และฟาริสี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนชอบธรรม แต่เมื่อบุตรพระเจ้าเสด็จมากลับปฏิเสธและจับพระองค์ไปตรึงกางเขน

1.        การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

อุปมาเรื่องบุตรสองคนสอนเราว่า คำพูดไม่อาจทดแทนการกระทำได้ บุตรทั้งสองตอบรับคำร้องขอของบิดาแตกต่างกัน คนแรกตอบปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คนที่สองตอบอย่างสุภาพ แต่ไม่ไป คำตอบรับที่สุภาพของเขาไม่อาจใช้แทนการกระทำได้ การกระทำเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์ความรักแท้ วิถีชีวิตแบบคริสตชนต้องแสดงออกด้วยการกระทำ หาใช่คำสัญญา หรือคำพูดที่ไพเราะน่าฟังแต่ประการใด

อุปมานี้สะท้อนคนสองประเภท ซึ่งเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ทั้งคู่และไม่มีค่าควรแก่การยกย่อง คนแรกดีกว่าคนที่สองในแง่ที่เขายอมปฏิบัติตามในภายหลัง การกระทำของเขาดีกว่าคำพูด มีคนเป็นจำนวนมากจัดอยู่ในประเภทนี้ แม้ไม่ได้อ้างตัวเป็นคริสตชน หรือไม่รู้จักพระนามเยซูด้วยซ้ำ แต่ชีวิตของเขาเป็นตัวอย่างที่ดี มีคุณธรรมยิ่งกว่าคนที่เป็นคริสตชนเสียอีก เป็นชีวิตที่เสียสละ คิดถึงคนอื่นมากกว่าตนเอง

ขณะที่อีกคนให้คำมั่นสัญญาหนักแน่น แต่ทำในสิ่งตรงข้าม เข้าทำนอง “พูดอย่าง ทำอย่าง” “มือถือสาก ปากถือศีล” ชีวิตจริง หรือความประพฤติของเขาไม่สอดคล้องกับคำพูด หรือสิ่งที่เขาสอน คนประเภทนี้มักอ้างตัวอย่างหนึ่ง แต่ปฏิบัติตัวตรงกันข้าม คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนักและไม่น่าเชื่อถือ คนประเภทนี้เป็นที่รังเกียจของสังคมและหมู่คณะ ในความเป็นจริง “ไม่มีใครต้องการฟังว่าเราพูดอะไร แต่เขาต้องการดูว่า ชีวิตของเราเป็นอย่างไรต่างหาก”

2.        บทเรียนสำหรับเรา

อุปมาเรื่องบุตรสองคนได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องทำมากกว่าพูด เป็นการง่ายที่จะพูด หรือแสดงความคิดเห็น แต่สิ่งที่ทำให้ความคิดเห็นนั้นมีคุณค่าและเกิดผลคือ การลงมือปฏิบัติ “การกระทำย่อมดังกว่าคำพูดเสมอ” หลายครั้งเราบอกเตือนบุตรหลานให้มาวัดวันอาทิตย์ ให้ถอยห่างจากการพนันและยาเสพติด แต่เรากลับเป็นตัวอย่างไม่ดีสำหรับพวกเขา นักบุญยอห์นบอกเราว่า “อย่ารักกันแต่ปากเพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง” (1 ยน 3:18)

ประการที่สอง เราต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ บิดาพูดกับบุตรทั้งสองว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” (มธ 21:28) เรามีชีวิตอยู่ใน “วันนี้” เท่านั้น ยังไม่รู้ว่า “พรุ่งนี้” จะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ดังนั้น ห้วงเวลาสำคัญที่สุดคือ เดี๋ยวนี้” ไม่ใช่การผัดวันประกันพรุ่ง เอาไว้ให้รวยกว่านี้ถึงทำบุญ หรือรอให้แก่ชราก่อนถึงเข้าวัด แต่จงลงมือทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะ “วันพรุ่งนี้เป็นวันที่คนเกียจคร้านทำงาน และคนโง่เขลาเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

ประการที่สาม เราต้องตอบรับต่อพระเจ้า ทรงเรียกและเชื้อเชิญเราให้เปลี่ยนแปลงตนเองและตอบรับต่อพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงตอบรับต่อพระบิดาเจ้าและนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน การตอบรับหมายถึง การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า “ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา...นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” (มธ 7:21) และหมายถึง การรับใช้ “บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มธ 20:28) ความสุขและความรอดของเราขึ้นอยู่กับการตอบรับต่อพระเจ้า

บทสรุป

พี่น้องที่รัก อุปมาเรื่องบุตรสองคนสะท้อนความจริงว่า ไม่มีใครดีพร้อม แม้คนแรกจะดีกว่าคนที่สอง แต่ทั้งคู่ได้ทำให้บิดาผิดหวังและเจ็บปวด ลักษณะของบุตรที่ทำให้บิดาปลื้มปีติคือ คนพร้อมรับคำสั่ง เชื่อฟัง และปฏิบัติตามด้วยใจยินดี พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้มีอิสระที่จะตอบรับพระองค์ในการกระทำ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ ในความรักต่อเพื่อนมนุษย์ เห็นอกเห็นใจและให้อภัยกันด้วยใจยินดี

อุปมาจบลงด้วยการเน้นคนบาปมาหาพระเยซูเจ้า บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า ตนเองเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องพึ่งพระเจ้า ตรงข้ามกับคนเก็บภาษี หญิงโสเภณี และคนบาปที่ตระหนักในของขวัญล้ำค่าที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้ ศิษย์พระคริสต์ถูกเรียกให้กลับใจและรับใช้พระเจ้าทุกวันด้วยความกระตือรือร้น มิใช่ดีแต่พูด ความเชื่อของเราต้องแสดงออกในภาคปฏิบัติ เพื่อเป็นคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่ และเป็นศิษย์แท้จริงของพระเยซูเจ้า

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

30 กันยายน 2023

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น