วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2566

เมตตาและยุติธรรม

 

เมตตาและยุติธรรม

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

ปี A

อสย 55:6-9

ฟป 1:20-24,27

มธ 20:1-26

บทนำ

ฤดูเก็บผลองุ่นในปาเลสไตน์เริ่มปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายนของทุกปี เป็นห้วงเวลาที่เจ้าของสวนต้องการคนงานมากที่สุด เพราะต้องเร่งเก็บผลองุ่นให้เสร็จก่อนฤดูฝนช่วงกลางเดือนกันยายน เวลาทำงานสำหรับชาวยิวเริ่มต้นตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น นายจ้างอาจจ้างคนมาทำงานตอนหกโมงเช้า เก้าโมงเช้า เที่ยงวัน บ่ายสามโมง และห้าโมงเย็น  เป็นไปได้ที่เจ้าของสวนใช้คนออกไปหาคนงานในตอนห้าโมงเย็น หากต้องเร่งเก็บผลองุ่นให้เสร็จ

อุปมาเรื่องคนงานในสวนองุ่น เป็นอุปมาที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งของพระเยซูเจ้า ซึ่งมีแต่เฉพาะในพระวรสารนักบุญมัทธิวเท่านั้น อุปมาได้สะท้อนภาพความเป็นจริงในระยะเริ่มแรกของพระศาสนจักร ชาวยิวที่กลับใจเป็นคริสตชนมีความรู้สึกว่า คนต่างศาสนาที่กลับใจทีหลัง อยู่ในฐานะเท่าเทียมกับพวกเขาซึ่งมาก่อนและคิดว่า ตนควรได้รับสิทธิพิเศษ ความรู้สึกนี้ได้กลายเป็นปัญหาโต้แย้งในหมู่อัครสาวก และอุปมานี้ได้ให้คำตอบต่อปัญหานี้

ความอิจฉาริษยามักสร้างปัญหาให้กับปัจเจกบุคคลและหมู่คณะทุกยุคสมัย อย่างที่เราได้ยินในอุปมาวันนี้ คนงานที่มาทำงานก่อนเกิดความรู้สึกไม่พอใจ “ทำไมเจ้าของสวนจ่ายค่าจ้างแก่คนงาน ที่ทำงานมาตลอดทั้งวัน (12 ชั่วโมง) กับคนที่ทำงานเพียงชั่วโมงเดียวในจำนวนเท่ากัน ดูไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เพราะคนที่ทำงานมากกว่าสมควรได้รับค่าจ้างมากกว่า” นี่เป็นวิธีคิดและการตัดสินแบบมนุษย์ในสังคมปัจจุบันที่เราคุ้นเคย

 

1.        เมตตาและยุติธรรม

อุปมาได้แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมและความใจดีมีเมตตาของเจ้าของสวนองุ่น ที่ให้โอกาสคนว่างงานมาทำงานในสวนองุ่นโดยตกลงค่าจ้าง 1 เหรียญ ซึ่งเป็นค่าจ้างสำหรับเลี้ยงตนเองและครอบครัวในหนึ่งวัน อีกทั้งยังรับอีกหลายกลุ่มมาทำงาน เมื่อถึงเวลาจ่ายค่าจ้างได้จ่ายให้คนละ 1 เหรียญเท่ากัน เป็นความยุติธรรมตามที่ได้ตกลง รวมถึงคนมาทีหลังทำงานเพียงชั่วโมงเดียว เป็นความใจดีมีเมตตาต่อคนที่ต้องเลี้ยงตนเองและครอบครัวด้วยเงินจำนวนดังกล่าว

อุปมานี้ได้เปิดเผยให้ทราบถึงพระทัยเมตตาและพระยุติธรรมของพระเจ้า ที่เปิดต่อทุกคนเท่าเสมอกัน พระเจ้าทรงเป็นเหมือนบิดาที่ใจดีมีเมตตา บิดาย่อมไม่รักบุตรคนโตมากกว่าคนเล็ก แม้คนโตเกิดก่อนและอายุมากกว่า ความรักไม่สามารถคิดคำนวณเป็นตัวเลขมากน้อย สมาชิกของครอบครัวย่อมเป็นที่รักของบิดาเท่ากัน เพราะต่างเป็นบุตรชายหญิงของบิดาเหมือนกัน ดังนั้น ในครอบครัวของพระเจ้า ทุกคนเป็นที่รักของพระเจ้าเท่าเสมอกัน

คนงานที่ไม่พอใจและอิจฉาริษยาเพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขา ที่ไม่เปิดใจต่อพระทัยเมตตาของพระเจ้า ซึ่งสะท้อนชีวิตของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีที่คิดว่า พวกเขาต้องเป็นพวกแรกในพระอาณาจักรและดีกว่าคนอื่น ทำให้พวกเขาแยกตัวออกไปจากคนอื่นและหมู่คณะ อีกทั้ง ยังตำหนิชาวยิวที่คิดว่า ตนเองเป็นชนชาติที่ได้รับเลือกสรรจากพระเจ้า และควรได้รับสิทธิพิเศษ พวกเขารู้สึกไม่พอใจที่พระเจ้าให้สิทธิพิเศษแก่คนต่างชาติที่มาทีหลัง

2.        บทเรียนสำหรับเรา

อุปมาเรื่องคนงานในสวนองุ่นได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องเลียนแบบพระทัยเมตตาของพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าประทานแก่เราไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเรา แต่เป็นพระทัยเมตตาล้นเหลือของพระองค์ที่มีต่อทุกคน แม้คนบาปและคนต่างศาสนา พระหรรษทานของพระเจ้าจำเป็นสำหรับการเข้าในอาณาจักรของพระองค์ และประทานให้ทุกคนเท่าเสมอกัน มากกว่าที่เราสมควรได้รับด้วยซ้ำ ดังนั้น เราควรตอบสนองในลักษณะเดียวกัน ด้วยการยื่นมือช่วยเหลือคนขัดสน ไม่ควรบ่นว่า หรืออิจฉาริษยากัน

ประการที่สอง เราต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม พระเจ้าไม่ได้มองดูที่งาน หรือความดีที่เราทำ แต่ทรงมองดูที่ความจำเป็นของเรา เจ้าของสวนจ่ายค่าจ้างให้คนงานคนละหนึ่งเหรียญตามที่ตกลง นี่คือความยุติธรรม เจ้าของสวนคิดถึงหัวอกของคนว่างงานและใช้เงินที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือทุกคน เงินหนึ่งเหรียญคือค่าจ้างที่จำเป็นสำหรับเลี้ยงตัวเองและครอบครัวในหนึ่งวัน หากได้น้อยกว่านี้ ย่อมทำให้ครอบครัวของเขาต้องหิวโหยในคืนนั้นและวันรุ่งขึ้นอย่างแน่นอน

ประการที่สาม เราต้องรักทุกคน ความรักของพระเจ้าไม่แบ่งแยก ไม่มีเงื่อนไข และไร้ขีดจำกัด ทรงรักทุกคนโดยเฉพาะคนขัดสนที่ขาดสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ทรงพอพระทัยนำเขามาทำงานในอาณาจักรของพระองค์ “จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร” (มธ 20:4) เพื่อให้เขาได้มีความสุขกับพระองค์ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นคริสตชนช้า หรือเร็ว เราต่างเป็นที่รักของพระเจ้าที่ทรงรักและต้อนรับทุกคน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก อุปมาได้แสดงถึงพระทัยเมตตาและพระยุติธรรมของพระเจ้า ทรงเลือกผู้ที่พอพระทัยอย่างอิสระ ซึ่งเราไม่สามารถเข้าใจด้วยวิธีคิดแบบมนุษย์ ทรงเรียกทุกคนให้มาทำงานในอาณาจักรของพระองค์ด้วยความรัก เพื่อให้ทุกคนได้พบความรอดนิรันดร เราควรทำงาน หรือทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยความยินดี คุณค่าแห่งการรับใช้ของเราวัดได้จากความรักและความใจกว้างที่เราแสดงออกต่อกัน

เราต้องเลียนแบบความใจดีมีเมตตาและความยุติธรรมของพระเจ้า ทั้งในคำพูดและการกระทำในชีวิตประจำวัน เป็นต้น ต่อผู้เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ทำให้เราคู่ควรกับรางวัลที่ทรงสัญญา ศิษย์พระคริสต์ต้องไม่อิจฉาริษยา โลภ และเห็นแก่ตัว ที่นำไปสู่ความแตกแยกของสังคมและหมู่คณะ แต่ทำงานที่รับมอบหมายด้วยความผิดชอบและทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด โดยมีความยุติธรรมและความเมตตาเป็นฐาน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

23 กันยายน 2023

ภาพ : การเกี่ยวข้าวของชาวนาบัว, วานรนิวาส, สกลนคร; 2011-11-15

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น