วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560

การเป็นพยานถึงข่าวดี

การเป็นพยานถึงข่าวดี
วันจันทร์
อัฐมวารปัสกา
กจ 2:14,22-32
มธ 28:8-15
เรื่องราวของสตรีสองคนที่ไปที่พระคูหาตอนเช้าตรู่วันอาทิตย์ หลังจากได้ทราบข่าวจากทูตสวรรค์ว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว จิตใจของพวกเธอเต็มเปี่ยมด้วยความยินดี รีบวิ่งกลับไปบอกข่าวดีนี้กับบรรดาอัครสาวก ในเวลานั้นพระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาให้พวกเธอได้เห็น เหมือนกับเป็นการให้รางวัลความกล้าหาญของพวกเธอทั้งสอง และพระองค์ได้ทำอย่างเดียวกันนี้กับทุกคนในโลก
การแสดงออกของสตรีทั้งสองที่เข้าไปกอดพระบาทและนมัสการพระเยซูเจ้า เป็นบทเรียนสำหรับเราและท่าทีที่พึงกระทำ เมื่อเราอยู่ต่อหน้าพระองค์ในศีลมหาสนิท พระดำรัสที่ให้กำลังใจสตรีทั้งสอง “อย่ากลัวเลย” (มธ 28:10)  เตือนใจเราให้ไม่กลัวการมาหาพระองค์ผู้เป็นองค์แห่งความรัก แต่จงกลัวการสูญเสียพระองค์โดยเฉพาะในความสัมพันธ์กับเพื่อนพี่น้อง ให้เราได้ใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของกันและกัน
พระเยซูเจ้าได้สั่งสตรีทั้งสอง ไปบอกศิษย์ของพระองค์ว่าพวกเขาจะได้พบพระองค์เช่นเดียวกัน นี่คืองานและพันธกิจของเราตั้งแต่วันที่ได้รับศีลล้างบาป พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าแก่ทุกคนในโลก ดังนั้น เราแต่ละคนควรได้พบพระเยซูเจ้าและให้พระองค์ร่วมเดินทางในชีวิตประจำวัน เพื่อเราจะได้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักและพระพรสำหรับคนอื่น
พระเยซูเจ้าทรงเป็นความยินดีของสตรีทั้งสองในการนำข่าวดีไปบอกแก่คนอื่น ขณะที่พวกทหารเข้าเมืองไปหาหัวหน้าสมณะ ผู้นำศาสนาที่ใช้ศาสนาเพื่อผลประโยชน์ มิได้ตั้งอยู่บนหลักความจริงและความถูกต้อง และเป็นผู้สั่งให้พวกทหารบอกว่า “บรรดาศิษย์ของเขามาขโมยศพไปในเวลากลางคืน ขณะที่เรากำลังหลับอยู่” (มธ 28:13) คงไม่มีผู้พิพากษาคนไหนเชื่อพยานที่กำลังหลับ ศิษย์พระคริสต์ต้องกล้ายืนหยัดบนหลักความจริง และความถูกต้องชอบธรรมในการนำข่าวดีไปบอกแก่ผู้อื่น
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
16 เมษายน 2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น