วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า


การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
สมโภชปัสกา
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ
จงชื่นชมยินดีเถิด
กจ 10:34, 37-48
คส 3:1-4
ยน 20:1-9

บทนำ
ปิรามิดแห่งอียิปต์ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทุกคนรู้จักดี แต่ในความเป็นจริง ปิรามิดคือสุสานขนาดใหญ่ที่ใช้ฝังร่างของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ในลักษณะแบบมัมมี เช่นเดียวกับสุสานเวสมินเตอร์แห่งอังกฤษ ที่ใช้ฝังร่างของบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างนักเขียน นักปรัชญาและนักการเมือง มีผู้คนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากไปเยี่ยมชม เพื่อคารวะหลุมศพของบุคคลที่พวกเขาเคารพนับถือ
ต่างจากสักการสถานสุสานศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม ซึ่งผู้แสวงบุญจากทั่วโลกพากันไปคารวะหลุมศพที่ว่างเปล่า ที่มีเพียงข้อความสั้นๆ ตรงทางเข้าว่า “พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่” สิ่งที่ทำให้สุสานแห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะเชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งสุสานแห่งนี้เคยฝังพระศพของพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพคูหาจึงว่างเปล่า พระองค์ได้กระทำอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ทรงฝืนกฎธรรมชาติและพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า
ปัสกาคือการสมโภชการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ถือเป็นการฉลองสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเราคริสตชน ด้วยเหตุผลที่ว่า
1) การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าคือความเชื่อพื้นฐานของเราคริสตชน ถือเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมและการฉลองทั้งหลายตลอดปี ความเชื่อ ความหวังและความหมายแห่งชีวิตคริสตชนของเราอยู่ที่การกลับคืนพระชนมชีพนี้ ดังที่นักบุญเปาโลเขียนเอาไว้ว่า “ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน” (1 คร 15:14)
2)      ปัสกาคือหลักประกันแห่งการกลับคืนชีพของเรา พระเยซูเจ้าได้ให้ความมั่นใจกับมาร์ธา ณ ที่ฝังศพของลาซารัสว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้วก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิตและเชื่อในเราจะไม่มีวันตายเลย...” (ยน 11:25-26)  อีกทั้งเป็นการฉลองที่ทำให้เรามีความหวังและกำลังใจในโลกที่เจ็บปวดและความโศกเศร้า เพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพและประทับท่ามกลางเรา

1.      การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว นี่คือ “ข่าวดีแห่งปัสกา” ที่เราเฉลิมฉลองวันนี้ ซึ่งมีแง่มุมที่น่าสนใจหลายประการ
ประการแรก พระเยซูเจ้าได้ทำนายล่วงหน้าถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ถือเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกให้เราได้ทราบถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ “จงทำลายพระวิหารนี้แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” (ยน 2:19)
ประการที่สอง ไม่มีศาสดาคนใดที่หลุมฝังศพว่างเปล่าเหมือนพระเยซูเจ้า เราได้เห็นถึงการทำให้พระสัญญาของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์บนไม้กางเขนและคูหาที่ว่างเปล่า ทูตสวรรค์ได้บอกกับพวกผู้หญิงที่หน้าคูหาว่า “ทำไมท่านมองหาผู้เป็นในหมู่ผู้ตายเล่า พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว” (ลก 24:5-6)
ประการที่สาม พระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาให้บรรดาศิษย์ได้เห็นหลายครั้ง นี่คือเครื่องพิสูจน์เรื่องการกลับคืนพระชนมชีพ  พวกเขาได้เห็น เป็นพยาน และประกาศการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ด้วยชีวิต การประกาศข่าวดีและการเป็นพยานเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพ เป็นหัวใจสำคัญของบทอ่านวันนี้
พระวรสารวันนี้ได้อธิบายให้เห็นพระคูหาว่างเปล่าและประสบการณ์ของมารีย์ มักดาเลนา เปโตรและยอห์นเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพ ความรักที่มารีย์มีต่อพระเยซูเจ้าทำให้เธอรีบรุดไปที่คูหาและทำให้เธอได้เป็นผู้แบ่งปันพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า “ฉันได้เห็นองค์พระเจ้า” เราไม่สามารถเข้าใจธรรมล้ำลึกเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าได้ จนกว่าเราจะรักพระองค์อย่างแท้จริง ความรักเป็นกุญแจสำคัญทำให้เกิดความเข้าใจ

2.      บทเรียนสำหรับเรา
การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อ ความหวัง และความหมายสำหรับชีวิตคริสตชน ที่ควรนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราเป็นประชากรแห่งการกลับคืนชีพ เราต้องไม่ฝังตัวเองในหลุมศพแห่งบาป นิสัยไม่ดีและความประพฤติไม่ถูกต้อง เราถูกเรียกร้องให้ตายต่อบาปและความเห็นแก่ตัว เจริญชีวิตใหม่ในสันติสุขและความชื่นชมยินดี ตระหนักถึงการประทับอยู่ขององค์พระเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในทุกเหตุการณ์แห่งชีวิต สำหรับคริสตชนแท้ทุกวันต้องเป็นวันปัสกาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า
ประการที่สอง เราต้องเป็นศิษย์พระคริสต์ที่สะท้อนภาพของพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพ เราถูกเรียกให้ฉายแสงแห่งความรัก ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจและการอุทิศตนรับใช้ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ชีวิตของเราต้องเป็นพยานให้คนอื่นได้เห็นถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในใจเรา
ประการที่สาม เราต้องเป็นผู้นำข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพไปสู่ผู้อื่น ข่าวดีแห่งความรัก  ความหวังและสันติสุขที่พระเยซูเจ้าทรงนำมา อีกทั้ง การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าต้องช่วยเราให้ยอมรับสิ่งต่างๆ บุคคล และความเป็นจริงแห่งชีวิตด้วยแสงสว่างใหม่ ความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ที่เราได้รับ นำไปสู่การกลับคืนชีพและความชื่นชมยินดีพร้อมกับพระคริสตเจ้าเสมอ

บทสรุป
พี่น้องที่รัก วันสมโภชปัสกาที่เราฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เตือนใจเราว่าเราได้รับมอบพันธกิจเช่นเดียวกับบรรดาศิษย์และมารีย์ มักดาเลนา ในการนำข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น ดำเนินชีวิตในความรักต่อกันตามแบบอย่างพระคริสตเจ้า เป็นพยานถึงข่าวดีนี้ด้วยชีวิตของเรา ด้วยการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง ละทิ้งชีวิตเก่า และตายต่อตัวเองกับพระองค์ เพื่อมีชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์ ในความเมตตากรุณา การให้อภัย และการรับใช้กันด้วยใจกว้าง
ความเชื่อในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ความรักในพระองค์ และความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ควรเป็นเหมือนกับตะเกียงส่องสว่างและนำบุคคลอื่นให้มาพบพระเยซูเจ้า อีกทั้ง ข่าวดีแห่งปัสกาควรได้รับการแสดงออกในชีวิตของเรา ในพิธีบูชาขอบพระคุณเราประกาศถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ให้เราได้ประกาศความจริงนี้อีกครั้งในชีวิตประจำวันของเรา
สุขสันต์วันปัสกา!
Happy Easter! 
Buona Pasqua!
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดป่าพนาวัลย์
15 เมษายน 2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น