วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พึงระวังความโลภทุกชนิด



พึงระวังความโลภทุกชนิด
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา
ปี C
ปญจ 1:2; 2:21-23
คส 3:1-5, 9-11
ลก 12:13-21
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่าเจ้าของนามั่งคั่งคนหนึ่ง ตั้งใจตอบแทนผู้เช่านาเป็นเวลานาน โดยเสนอมอบที่นาแปลงหนึ่งให้ เนื้อที่ตามจำนวนที่สามารถไถได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ผู้เช่านาดีใจมากที่จะได้มีที่นาเป็นของตัวเอง เขาเตรียมตัวออกกำลังกายทุกวัน บำรุงร่างกายด้วยอาหารเสริมสุขภาพและเครื่องดื่มชูกำลัง เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับโอกาสดีที่มีผู้หยิบยื่นให้
ผู้เช่านาเฝ้ารอวันอย่างใจจดใจจ่อ คืนก่อนถึงวันนัดหมายเขาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เมื่อวันนัดหมายมาถึงเขาเริ่มไถอย่างรีบเร่งโดยไม่ยอมหยุดเลย แม้ตอนเที่ยงวันยังไม่ยอมพักทานข้าวด้วยกลัวเสียเวลา ยิ่งดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงใกล้หกโมงเย็นยิ่งโหมหนักเพราะคิดว่า หลังจากนี้เขาจะได้เป็นเจ้าของที่นาหลายสิบไร่แบบฟรี ๆ โดยไม่ต้องจ่ายอะไร นอกจากแรงกายที่เขาทุ่มเทไถมาตั้งแต่เช้า
แต่แล้วสิ่งที่ผู้เช่านาไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น ก่อนถึงเวลาหกโมงเย็น เขารู้สึกเสียวตรงหัวใจ เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยและสูญเสียน้ำในร่างกายในปริมาณมาก ทำให้เขาหัวใจวายเฉียบพลัน ล้มลง และสิ้นใจตาย ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของที่นาผืนใหญ่ตามที่มุ่งหวัง นอกจากที่ดินผืนเล็ก ๆ เพียงหนึ่งตารางวา เพื่อฝังร่างไร้วิญญาณเท่านั้น เรื่องนี้สะท้อนความจริงว่า เมื่อจบชีวิตลงเราไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลย
1.   พึงระวังความโลภทุกชนิด
พระวรสารวันนี้ เริ่มต้นจากสถานการณ์ที่มีชาวยิวคนหนึ่งมาขอร้องพระเยซูเจ้า ให้พูดกับพี่ชายเรื่องแบ่งมรดก ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวยิวไปปรึกษาปัญหากับรับบีที่ตนนับถือ การมาหาพระเยซูเจ้าแสดงให้เห็นว่า เขาถือพระองค์เป็นรับบีคนหนึ่ง ซึ่งตามบทบัญญัติของโมเสสระบุชัดว่า บุตรชายหัวปีจะได้มรดกสองในสามส่วนของบิดา ส่วนอีกหนึ่งส่วนเป็นของน้องชาย หรือแบ่งกันระหว่างบุตรคนอื่นที่เหลือ (ฉธบ 21;15-17, กดว 27:1-11, 36:7-9)
ชายคนนั้นรู้กฎหมายดีแต่ไม่พอใจในส่วนแบ่งที่ได้รับ เนื่องจากเขาเป็นคนโลภจึงมาหาพระเยซูเจ้า แต่ได้รับการปฏิเสธอย่างไม่ใยดีจากพระองค์ ทำไมเป็นเช่นนั้น ความจริงพระเยซูเจ้าต้องการช่วยเขาให้มองไปที่ต้นตอของปัญหา หากท่านรักกันและกันเหมือนพี่น้อง และเข้าใจดีถึงคุณค่าของทรัพย์สมบัติในโลกนี้ ท่านคงไม่ทะเลาะกัน โดยทรงยกอุปมาเรื่อง เศรษฐีโง่ ขึ้นมา เพื่อชี้ให้เห็นทัศนคติที่พึงมีต่อ ทรัพย์สมบัติและสิ่งของในโลกนี้
เราเห็นชัดว่าในหัวของเศรษฐีมีแต่ ตัวเอง ไม่มีที่ว่างสำหรับ คนอื่น พระเยซูเจ้าทรงเตือนว่า จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด (ลก 12:15) นักบุญเปาโลได้ขยายความว่า การรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ (1 ทธ 6:10) ดังสุภาษิตโรมัน “เงินเป็นเหมือนน้ำทะเล ยิ่งดื่มมากยิ่งกระหายมาก” พระเยซูเจ้าจึงสอนว่า ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง (มธ 16:24)
พระเยซูเจ้าทรงตำหนิเศรษฐีเพราะ 1) เขาใช้ทรัพย์สมบัติด้วย ความโลภ ซึ่งเป็นรากเหง้าของความชั่วและมองไม่เห็นความต้องการของผู้อื่น เขาถูกครอบงำด้วยทรัพย์สมบัติจนไม่มีที่ว่างสำหรับพระเจ้าในจิตใจ, 2) เขาใช้ทรัพย์สมบัติโดยไม่คำนึงถึง “โลกหน้า” แผนการของเขาคือ พักผ่อน กินดื่มและสนุกสนาน (ลก 12:19) บาปของเขามิใช่การทำชั่ว แต่เป็นการเพิกเฉยที่จะทำความดี เขามิใช่คนมั่งมีในสายพระเนตรของพระเจ้า แม้มีทรัพย์สมบัติมาก
2.  บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก เราต้องแบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้อื่น อุปมาเรื่องเศรษฐีโง่เตือนใจเราว่า สิ่งต่าง ๆ ที่มีล้วนเป็นของประทานจากพระเจ้า ซึ่งต้องใช้ให้เกิดประโยชน์มิใช่สำหรับตัวเองเท่านั้น แต่สำหรับผู้อื่นด้วย ดังนั้น เราต้องมีจิตใจกว้าง แบ่งปันพระพรต่าง ๆ กับผู้อื่น อาทิ เวลา ทรัพย์สิน และความสามารถพิเศษต่าง ๆ ที่มี และใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อความดีส่วนรวม เป็นต้น คนยากจนขัดสน คนด้อยโอกาส และต้องการความช่วยเหลือ
ประการที่สอง เราต้องรู้จักควบคุมความโลภ ซึ่งมีหลายรูปแบบ อาจเป็นความต้องการอำนาจ เกียรติยศชื่อเสียงและการยกย่องจากผู้อื่น บางครั้งเป็นความต้องการกินดื่ม การพนัน ยาเสพติด และความมักมากในกาม ความโลภเหล่านี้ทำให้ตัวเราถอยห่างจากพระเจ้าและการรับใช้ผู้อื่นด้วยความรัก ทำให้เรากลายเป็นทาสของวัตถุที่นำหายนะมาสู่วิญญาณของเรา กระนั้นก็ดี พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเรา พระองค์ทรงอดทนและยังคงรักเรา
ประการที่สาม เราต้องเป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า เศรษฐีโง่เฝ้ามองแต่ประโยชน์ที่ได้จากความร่ำรวยทางวัตถุ แต่ละเลยความหมายแท้จริงแห่งชีวิตคือ การอยู่กับพระเจ้า เขาสะสมทรัพย์สมบัติไว้เพื่อตนเองและใช้อย่างเห็นแก่ตัว มีผู้คนเป็นจำนวนมากคิดแบบเศรษฐีโง่ เราต้องรู้จักใช้ทรัพย์สินเงินทองอย่างพอเพียง ไม่เป็นภาระแก่ผู้อื่น แบ่งปันส่วนที่เหลือแก่ผู้ที่มีความจำเป็นและขัดสน เพื่อเป็นคนร่ำรวยในสายพระเนตรของพระเจ้า
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ทรัพย์สินเงินทองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีของมนุษย์ พระเยซูเจ้าทรงเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ในอุปมาพระองค์มิได้ตำหนิทรัพย์สินเงินทอง แต่ตำหนิ “ความโลภ” ของเศรษฐีคนนั้น เขาเป็นคนร่ำรวยแต่ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี แม้เขาเป็นคนฉลาดตามมาตรฐานของโลก แต่สำหรับพระเยซูเจ้าเขาเป็นคนโง่ เพราะละเลยและลืมสิ่งสำคัญ 3 ประการ : 1) ลืมพระเจ้า 2) ลืมคิดถึงชีวิตในโลกหน้า และ 3) ลืมคิดถึงพี่น้องที่ยากจนและขัดสน
สำหรับเศรษฐี “เงินอาจซื้อทุกสิ่งได้ แต่ไม่อาจซื้อความสุขได้ เงินอาจนำพาเขาไปทุกแห่งในโลก แต่ไม่อาจพาเขาไปสวรรค์” ศิษย์พระคริสต์ต้องระวังความโลภทุกชนิด ไม่สะสมทรัพย์สมบัติของโลก แต่สะสมทรัพย์สมบัติแห่งเมืองสวรรค์ และแบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้อื่น เพราะ การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ (กจ 20:35) เพื่อมีสันติสุขแท้และเป็นคนมั่งมีในสายพระเนตรของพระเจ้า
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
2 สิงหาคม 2019
ภาพ : พระสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, วัดน้อยบ้านพักริมหนองหาร, สกลนคร; 2022-07-25

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น