จงเตรียมพร้อมไว้
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
ปชญ 18:6-9
ฮบ 11:1-2, 8-12
ลก 12:32-48
|
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่าผีร้ายสามตนกำลังเตรียมออกปฏิบัติงานในโลก
ได้มารายงานแผนการที่จะทำกับหัวหน้าใหญ่ ผีตนแรกรายงานว่า “ข้าจะบอกมนุษย์ว่าไม่มีพระเจ้า” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “ไม่ได้ผลหรอกเพราะส่วนลึกแห่งใจมนุษย์รู้ดีว่ามีพระเจ้า” อีกตนหนึ่งบอกว่า “ข้าจะบอกว่าไม่มีนรก” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “นั่นยิ่งร้ายใหญ่เพราะในความเป็นจริง
ชีวิตมนุษย์ในโลกเป็นนรกอยู่แล้ว” ตนสุดท้ายเสนอว่า “ข้าจะบอกว่าไม่ต้องรีบร้อน
ยังมีเวลาอีกเยอะ” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “ดีมาก รีบไปดำเนินการตามแผนของเจ้าเลย”
มีสามสิ่งในชีวิตที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
นั่นคือ เวลา คำพูด และ โอกาส ดังสุภาษิตที่ว่า “เวลาและวารีไม่คอยใคร” (Time and tide wait for
no man), “คำพูดมีปีกบิน
และไม่สามารถเรียกกลับคืนได้” (Words have wings, and
cannot be recalled) หรือ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” คำพูดที่อันตรายที่สุดคือ “ยังมีเวลาอีกเยอะ” หรือ “รอไว้พรุ่งนี้” ในความเป็นจริง เราไม่สามารถรู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้หรือไม่
เวลาในชีวิตมนุษย์นั้นสั้นและผ่านไปเร็วมาก
ความตายอาจมาเยือนวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่มีใครรู้ บางคนจึงบอกว่า “ชีวิตมนุษย์สั้นเกินกว่าจะเห็นแก่ตัว” แต่คนส่วนใหญ่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับหลายสิ่งจนไม่มีเวลาสำหรับพระเจ้า
โดยบอกกับตนเองว่า “รอไว้ก่อน ยังมีเวลา ไว้อายุมากค่อยเข้าวัด” หรือ “ให้รวยก่อนค่อยมาหาพระเจ้า” เราไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปในสภาพที่ยังอยู่ในบาป
ห่างไกลจากพระเจ้า แต่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
1. จงเตรียมพร้อมไว้
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้
เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” (ลก 12:40) ตามความเห็นของปิตาจารย์พระศาสนจักรพระดำรัสนี้มีสองความหมาย: 1) ความหมายแบบเจาะจง หมายถึง
การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า หรือ “วันสิ้นพิภพ” และ 2) ความหมายกว้าง หมายถึง วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเราเมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราไปเฝ้าพระองค์
เพื่อทูลรายงานบัญชีชีวิตของเราบนโลก
บางครั้งเราคิดว่า การตื่นเฝ้าและรอคอยเป็นเรื่องไร้สาระ
ความเชื่อเป็นเหมือนฝันกลางวัน ทำให้เราเพิกเฉยในการเตรียมตัวไปเฝ้าพระเจ้า
พระวรสารวันนี้ได้ให้กำลังใจและบอกเราว่า พระเจ้าทรงประสงค์ประทานพระอาณาจักรให้แก่เรา
และจะประทานให้แก่เราอย่างแน่นอนในวาระสุดท้าย แต่เราต้องจุดตะเกียงของเราและตื่นเฝ้าอยู่เสมอ
เหมือนผู้รับใช้ซื่อสัตย์ที่คอยนายกลับจากงานมงคลสมรส
ชีวิตคริสตชนถูกเรียกให้กลับใจและเปิดตัวเองต่อพระเจ้าและผู้อื่นอยู่เสมอ
นั่นคือ การพบพระเจ้าในเหตุการณ์และบุคคลต่าง ๆ แต่ละวัน “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง
ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40)
เราต้องตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมพบพระเจ้าในเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิตประจำวัน
สิ่งนี้แหละคือ วิธีดีที่สุดในการเตรียมตัวเพื่อพบพระเจ้าอีกครั้ง
เมื่อวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเรามาถึง
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพื่อพบองค์พระเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนา
ทุกวันเราต้องหาเวลาอยู่เงียบ ๆ กับพระเจ้าเพื่อฟังเสียงของพระองค์ตรัสกับเรา
นอกนั้น เราต้องทำหน้าที่ของตนในแต่ละวันให้ดีที่สุด เป็นต้น
หน้าที่แห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์ อาทิ สมาชิกในครอบครัว หมู่คณะ เพื่อนร่วมงาน
หรือผู้เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือซึ่งอยู่ต่อหน้าเรา
ประการที่สอง เราต้องรอคอยการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการรับใช้กันด้วยความสุภาพ
ขจัดความเกลียดชังและความแตกแยกรุนแรงให้หมดสิ้นไป
สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม หมู่คณะ และประเทศชาติ
บนพื้นฐานแห่งความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเห็นต่าง เราต้องรอคอยพระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวัน
มองเห็นการประทับอยู่ของพระองค์ท่ามกลางเราในเพื่อนพี่น้อง
ประการที่สาม เราต้องเชื่อและวางใจพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เหมือนอับราฮัมบิดาแห่งความเชื่อ ผู้เชื่อและวางใจพระเจ้าโดยปราศจากเงื่อนไขใด
ๆ และทำตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไร้ข้อสงสัย ความเชื่อในพระเจ้าโดยปราศจากการมองหาเครื่องหมาย หรือหลักประกันความปลอดภัย
เช่นนี้แหละคือความเชื่อแท้จริง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าวันนี้
เป็นกำลังใจสำหรับคริสตชนในการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความวางใจพระเยซูเจ้า ผู้เลี้ยงแกะที่ดีของเรา
ติดตาม และฟังเสียงเรียกของพระองค์ด้วยความเชื่อ
ทรงกระตุ้นเตือนเราให้เตรียมพร้อมและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด นั่นคือ ตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมไว้เหมือนผู้รับใช้ซื่อสัตย์ที่คอยนายกลับมา
ความเชื่อคริสตชนบอกเราว่า พระเยซูเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ประทับอยู่ท่ามกลางเรา ทรงทำงานในตัวเรา ทรงนำทาง และจัดการทุกอย่างเพื่อเรา ศิษย์พระคริสต์ต้องรื้อฟื้นความเชื่อในพระเจ้า
ด้วยการจุดตะเกียงและเติมน้ำมันแห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ทำให้ตะเกียงแห่งความเชื่อลุกโชนอยู่เสมอ
จนถึงวันที่เราได้พบและอยู่กับพระองค์ตลอดไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน
ดอนม่วย, สกลนคร
9 สิงหาคม 2019
ภาพ : การเยี่ยมและอวยพรคนป่วย, ชุมชนวัดพังโคน, สกลนคร; 2022-07-31
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น