พยานการกลับคืนพระชนมชีพ
จันทร์
อัฐมวารปัสกา
|
กจ 2:14,22-32
มธ 28:8-15
|
เรื่องราวของมารีย์ชาวมักดาลาและมารีย์อีกผู้หนึ่งซึ่งไปที่พระคูหาตอนเช้าตรู่วันอาทิตย์
หลังจากได้ทราบข่าวจากทูตสวรรค์ว่า พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว
จิตใจของพวกเธอเต็มเปี่ยมด้วยความยินดี รีบวิ่งกลับไปบอกข่าวดีนี้กับบรรดาอัครสาวก
ในเวลานั้นพระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาให้พวกเธอได้เห็น
เหมือนเป็นการให้รางวัลความกล้าหาญของพวกเธอทั้งสอง
และพระองค์ได้ทำอย่างเดียวกันนี้กับทุกคนในโลก
การแสดงออกของสตรีทั้งสองที่เข้าไปกอดพระบาทและนมัสการพระเยซูเจ้า
เป็นบทเรียนสำหรับเราและท่าทีพึงกระทำเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์ในศีลมหาสนิท
พระดำรัสให้กำลังใจสตรีทั้งสอง “อย่ากลัวเลย” (มธ 28:10) เตือนใจเราให้ไม่กลัวการมาหาพระองค์ผู้เป็นองค์แห่งความรัก
แต่จงกลัวการสูญเสียพระองค์ โดยเฉพาะในความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ เราต้องใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของพวกเขา
พระเยซูเจ้าตรัสกับสตรีทั้งสอง
ให้ไปบอกศิษย์ของพระองค์ว่า พวกเขาจะได้พบพระองค์เช่นเดียวกัน
นี่คืองานและพันธกิจของเราตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป
พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้าแก่ทุกคนในโลก ดังนั้น เราแต่ละคนควรได้พบพระเยซูเจ้าและให้พระองค์ร่วมเดินทางในชีวิตประจำวัน
เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและพระพรสำหรับคนอื่น
“ความเชื่อนำมาซึ่งความยินดี”
หัวใจของสตรีทั้งสองเต็มเปี่ยมด้วยความยินดีและนำข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพไปบอกคนอื่น
ขณะที่พวกทหารยามแจ้งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่บรรดาหัวหน้าสมณะ
และผู้นำศาสนาใช้ศาสนาเพื่อผลประโยชน์ มิได้ตั้งอยู่บนหลักความจริงและความถูกต้อง
โดยให้สินบนและสั่งให้พวกทหารบอกว่า “บรรดาศิษย์ของเขามาขโมยศพไปในเวลากลางคืน
ขณะที่เรากำลังหลับอยู่” (มธ 28:13)
เราเห็นความแตกต่างระหว่างกลุ่มสตรีซึ่งพูดความจริง
กับพวกทหารซึ่งรับสินบนและโกหกเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพ
โดยอ้างบรรดาศิษย์ของพระองค์มาขโมยพระศพขณะพวกเขากำลังหลับ
คงไม่มีผู้พิพากษาคนไหนเชื่อพยานกำลังหลับ ศิษย์พระคริสต์ต้องกล้ายืนหยัดบนหลักความจริง
และความถูกต้องชอบธรรมในการนำข่าวดีไปบอกผู้อื่น แสวงหาพระองค์ในชีวิตประจำวัน
เป็นต้น ในคนทุกข์จนและต้องการความช่วยเหลือ
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลปัสกา การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 8-9.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น