เทศกาลปัสกา
การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
เทศกาลปัสกาเป็นศูนย์กลางของปีพิธีกรรมของพระศาสนจักร ซึ่งพระศาสนจักรให้เรามีเวลาเตรียมจิตใจล่วงหน้าก่อน
40 วันในเทศกาลมหาพรต ปัสกาเป็นวันสมโภชสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี
สำคัญยิ่งกว่าการสมโภชพระคริสตสมภพ
แต่ในความเป็นจริงคริสตชนมักคุ้นเคยและให้ความสำคัญกับวันพระคริสตสมภพมากกว่า
การสมโภชปัสกาไม่ได้เฉลิมฉลองเพียงวันเดียว
แต่พระศาสนจักรให้เรามีเวลา 7 สัปดาห์จนถึงวันสมโภชพระจิตเจ้า และทุกวันอาทิตย์ตลอดปีเป็นวันปัสกา ซึ่งเราคริสตชนมาชุมนุมกันในพิธีบูชาขอบพระคุณเพื่อพบพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพ ทรงเสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเราเหมือนเมื่อครั้งทรงปรากฎพระองค์แก่บรรดาอัครสาวก
คำว่า “ปัสกา” มาจากคำ Pesach ในภาษาฮีบรู แปลว่า “การข้าม” หรือ “การผ่านไป” เป็นวันที่ชาวยิวฉลองการกินขนมปังไร้เชื้อในวันที่
14 ของเดือนนิซาน (ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน) โดยฉลองกันหลังพระอาทิตย์ตกดิน
เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือบรรพบุรุษของชาวยิวจากการเป็นทาสในดินแดนอียิปต์
ด้วยการประหารบุตรหัวปีของชาวอียิปต์และทรงผ่านไปไม่ประหารชาวยิว (อพย 11:1-10)
ปัสกา เป็นวันฉลองเพียงหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรยุคแรก
เพื่อเฉลิมฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า โดยฉลองในวันแรกของสัปดาห์คือวันอาทิตย์
ซึ่งถือเป็นวันของพระเจ้า (The
Lord’s Day) เนื่องจากเป็นวันที่พระเยซูเจ้าทรงผ่านความตายไปสู่การกลับคืนพระชนมชีพ
ผ่านจากการเป็นทาสของบาปสู่การเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาเจ้า
การฉลองปัสกาได้กลายเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมและการฉลองทุกอย่างตลอดปี
โดยมีหัวใจอยู่ที่การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
ซึ่งเป็นความเชื่อพื้นฐานของคริสตชนที่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ชนะ แม้บั้นปลายชีวิตของพระองค์ทรงถูกทรยศ
รับทรมาน ถูกตรึงบนไม้กางเขนและสิ้นพระชนม์อย่างน่าเวทนาอย่างผู้แพ้ แต่พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพเป็นผู้ชนะในที่สุด
คริสตชนทุกคนสามารถชนะทุกสิ่ง
และมีส่วนในชัยชนะของพระเยซูเจ้าเหนือความตายเช่นเดียวกัน ด้วยการเชื่อในพระองค์และดำเนินชีวิตเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์
ดังนั้น คริสตชนต้องเป็นผู้ส่งสารแห่งการกลับคืนพระชนมชีพนี้และประกาศให้ทุกคนได้ทราบ
“ข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า” และ “ข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของตน”
ด้วยการตายต่อบาป กลับใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนร่วมส่วนในการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์
คริสตชนต้องเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าด้วย: แบบอย่างชีวิต
ความรักแท้ และ ความชื่นชมยินดี
1)
แบบอย่างชีวิต ด้วยการดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร
ละทิ้งความชั่ว ความเห็นแก่ตัว ดำรงไว้ซึ่งความจริง ความถูกต้องและความยุติธรรม
2)
ความรักแท้ ด้วยการรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยกและปราศจากเงื่อนไข
ใจดีมีเมตตาและให้อภัยเสมอตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า เพราะทุกคนถูกเรียกมาเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นพี่น้องกัน
3)
ความชื่นชมยินดี ด้วยการนำความยินดี ความหวังและความสุขไปสู่ผู้อื่น
เราต้องยินดีไม่โศกเศร้าแม้ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์ เพราะพระเยซูเจ้าทรงเป็นความยินดี
ความหวัง และสันติสุขสำหรับมนุษยชาติได้กลับคืนพระชนมชีพแล้ว อย่าให้การดำเนินชีวิตแต่ละวันของเราเป็นการตรึงพระองค์บนไม้กางเขนอยู่ร่ำไป
เราต้องนำสารแห่ง
แบบอย่างชีวิต ความรักแท้ และ ความชื่นชมยินดี ไปสู่ทุกคนเดี๋ยวนี้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ปัสกาของพระเยซูเจ้าปรากฏเป็นจริงในใจเราและในโลก เพื่อร่วมส่วนในการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ตั้งแต่ในโลกนี้
สุขสันต์วันปัสกา
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลปัสกา การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 1-3.
ภาพ : The Resurrection of Christ ผลงานของ Nicolas Bertin
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น