การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
สมโภชปัสกา
พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ
ปี A B C
|
กจ 10:34ก,
37-48
คส 3:1-4
ยน 20:1-9
|
บทนำ
ปิรามิดแห่งอียิปต์ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทุกคนรู้จักดี
แต่ในความเป็นจริง ปิรามิดคือสุสานขนาดใหญ่สำหรับใช้ฝังร่างกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ในแบบมัมมี่
เช่นเดียวกับสุสานเวสต์มินส์เตอร์แห่งอังกฤษสำหรับใช้ฝังร่างผู้มีชื่อเสียงอย่างนักเขียน
นักปรัชญา และนักการเมือง มีผู้คนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเยี่ยมชม เพื่อคารวะหลุมศพของบุคคลซึ่งพวกเขาเคารพนับถือ
ต่างจากสักการสถานสุสานศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม
ซึ่งผู้แสวงบุญจากทั่วโลกพากันไปคารวะหลุมศพว่างเปล่า มีเพียงข้อความสั้น ๆ ตรงทางเข้าว่า
“พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่” สิ่งที่ทำให้สุสานแห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะเชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งสุสานแห่งนี้เคยใช้ฝังพระศพพระเยซูเจ้า
เมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพคูหาจึงว่างเปล่า พระองค์ได้กระทำอัศจรรย์ยิ่งใหญ่
ทรงฝืนกฎธรรมชาติและพิสูจน์ว่า พระองค์เป็นพระเจ้า
ปัสกาคือการสมโภชการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ถือเป็นการฉลองสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคริสตชน
ด้วยเหตุผล:
1)
การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นความเชื่อพื้นฐานของคริสตชน ถือเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมและการฉลองทั้งหมดตลอดปี
ความเชื่อ ความหวัง และความหมายแห่งชีวิตคริสตชนอยู่ที่การกลับคืนพระชนมชีพนี้
ดังที่นักบุญเปาโลเขียนเอาไว้ว่า “ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ
การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน” (1 คร 15:14)
2)
ปัสกาเป็นหลักประกันแห่งการกลับคืนชีพของคริสตชน พระเยซูเจ้าได้ให้ความมั่นใจกับมารธา ณ ที่ฝังศพของลาซารัสว่า
“เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้วก็จะมีชีวิต
และทุกคนที่มีชีวิตและเชื่อในเราจะไม่มีวันตายเลย...” (ยน 11:25-26) อีกทั้งเป็นการฉลองที่ทำให้เรามีความหวังและกำลังใจในโลกที่เจ็บปวดและโศกเศร้า
เพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพและประทับท่ามกลางเรา
1.
การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว นี่คือ “ข่าวดีแห่งปัสกา”
ที่เราเฉลิมฉลองวันนี้ ซึ่งมีแง่มุมที่น่าสนใจหลายประการ
ประการแรก พระเยซูเจ้าได้ทำนายล่วงหน้าถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์
ถือเป็นเครื่องหมายบอกให้เราได้ทราบความเป็นพระเจ้าของพระองค์ “จงทำลายพระวิหารนี้แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน”
(ยน 2:19)
ประการที่สอง
ไม่มีศาสดาองค์ใดหลุมฝังศพว่างเปล่าเหมือนพระเยซูเจ้า
เราได้เห็นการทำให้พระสัญญาของพระองค์บรรลุความสมบูรณ์บนไม้กางเขนและคูหาว่างเปล่า
ทูตสวรรค์ได้บอกกับพวกผู้หญิงที่หน้าคูหาว่า “ทำไมท่านมองหาผู้เป็นในหมู่ผู้ตายเล่า
พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว” (ลก 24:5-6)
ประการที่สาม
พระเยซูเจ้าทรงปรากฏพระองค์ให้บรรดาศิษย์เห็นหลายครั้ง
นี่คือเครื่องพิสูจน์เรื่องการกลับคืนพระชนมชีพ
พวกเขาได้เห็น เป็นพยาน และประกาศการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ด้วยชีวิต การประกาศข่าวดีและการเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพเป็นหัวใจสำคัญของบทอ่านวันนี้
พระวรสารวันนี้ได้อธิบายพระคูหาว่างเปล่าและประสบการณ์ของมารีย์ชาวมักดาลา
เปโตรและยอห์นเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพ ความรักที่มารีย์มีต่อพระเยซูเจ้าทำให้รีบรุดไปที่พระคูหาและได้เป็นผู้แบ่งปันพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
“ดิฉันได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” (ยน 20:18) เราไม่สามารถเข้าใจธรรมล้ำลึกเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าได้
จนกว่าเราได้รักพระองค์อย่างแท้จริง ความรักเป็นกุญแจสำคัญทำให้เกิดความเข้าใจ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อ
ความหวัง และความหมายสำหรับคริสตชนที่ควรนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราเป็นประชากรแห่งการกลับคืนชีพ
เราต้องไม่ฝังตัวเองในหลุมศพแห่งบาป นิสัยไม่ดี และความประพฤติไม่ถูกต้อง
เราถูกเรียกให้ตายต่อบาปและความเห็นแก่ตัว เจริญชีวิตใหม่ในสันติสุขและความชื่นชมยินดี
ตระหนักในการประทับอยู่ขององค์พระเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในทุกเหตุการณ์แห่งชีวิต
สำหรับคริสตชนทุกวันต้องเป็นวันปัสกาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า
ประการที่สอง
เราต้องสะท้อนภาพพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพ
เราถูกเรียกให้ฉายแสงแห่งความรัก ความเมตตากรุณา ความเห็นอกเห็นใจและการอุทิศตนรับใช้ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า
ชีวิตของเราต้องเป็นพยานให้คนอื่นได้เห็นการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในตัวเรา
ประการที่สาม เราต้องเป็นผู้นำข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพ ข่าวดีแห่งความรัก
ความหวังและสันติสุขที่พระเยซูเจ้าทรงนำมา อีกทั้ง การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าต้องช่วยเราให้ยอมรับทุกสิ่ง
บุคคล และความเป็นจริงแห่งชีวิตด้วยแสงสว่างใหม่ ความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ
ที่เราได้รับ นำไปสู่การกลับคืนชีพและความชื่นชมยินดีพร้อมกับพระเยซูเจ้าเสมอ
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การสมโภชปัสกาซึ่งเราฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
เตือนใจเราถึงพันธกิจที่ได้รับเช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวกและมารีย์ชาวมักดาลา ในการนำข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น
ดำเนินชีวิตในความรักต่อกันตามแบบอย่างของพระองค์ เป็นพยานถึงข่าวดีด้วยชีวิตของตน
ด้วยการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง ละทิ้งชีวิตเก่า และตายต่อตัวเองกับพระองค์
เพื่อมีชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์ ในความเมตตากรุณา การให้อภัยและการรับใช้ด้วยใจยินดี
ความเชื่อเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า
ความรักในพระองค์และความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ควรเป็นเหมือนตะเกียงส่องสว่างและนำบุคคลอื่นให้มาพบพระเยซูเจ้า
ศิษย์พระคริสต์ต้องนำข่าวดีแห่งปัสกาไปสู่ผู้อื่นและแสดงออกในชีวิตของตน
ประกาศการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวัน
สุขสันต์วันปัสกา! Happy
Easter! Buona Pasqua!
ขวัญ ถิ่นวัลย์, เทศกาลปัสกา การฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า, (สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป, 2562), หน้า 4-7.
ภาพ : พระคูหาของพระเยซูเจ้า, สักการสถานพระคูหาศักดิ์สิทธิ์, เยรูซาเล็ม, อิสราเอล; 2018-04-21
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น