วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2562

บุญราศีลาวชาวไทย อุทัย พองพูม


บุญราศีลาวชาวไทย อุทัย พองพูม
ในบรรดาบุญราศีแห่งเมืองลาว 17 องค์ที่ได้รับการประกาศแต่งตั้งเมื่อ 11 ธันวาคม 2016 (2559) มีคนไทยอยู่ด้วยคือ บุญราศียอแซฟ อุทัย พองพูม ชาวคำเกิ้ม จากวัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บุญราศีอุทัย พองพูม เป็นครูคำสอนและเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของคุณพ่อโนแอล เตอโนด์ ในการสอนคำสอน เยี่ยมเยียนให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่คุณพ่อมอบหมายให้ดูแล อีกทั้ง ได้ช่วยเตรียมครูคำสอนที่ท่าแขก ก่อนพลีชีพเป็นมรณสักขีด้วยกันใกล้เมืองพะลานในการไปเยี่ยมเยียนคริสตชนเขตเซโปน แขวงสะหวันนะเขต สปป. ลาว และได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศีในคราวเดียวกัน
 นางบัวผัน วงศ์ษา (ยายคำแสน) น้องสาวของบุญราศีอุทัย พองพูม
1.        กำเนิดและชีวิตวัยเด็ก
บุญราศีอุทัย พองพูม เกิดที่บ้านคำเกิ้ม หมู่บ้านคริสตชนเก่าแก่ที่ก่อตั้งโดยคุณพ่อซาเวียร์ เกโก เมื่อปี 1885 (2428) และเคยเป็นศูนย์กลางของการแพร่ธรรมในระยะเริ่มแรก ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมไปทางเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร เราไม่ทราบแน่ชัดว่าอุทัย พองพูมเกิดเมื่อไหร่ เนื่องจากไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับตัวท่าน หลักฐานเดียวที่พบมีเพียงเอกสารศีลสมรสที่อ้างถึงวันได้รับศีลล้างบาป วันสมโภชพระคริสตสมภพ 25 ธันวาคม 1933 (2476)  ที่วัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม โดยเป็นบุตรของเปาโล เครือกับอันนา ผาน พองพูม
จากคำบอกเล่าของนางบัวผัน วงษ์ษา (ยายคำแสน) วัย 79 ปี น้องสาวคนเล็กของบุญราศีอุทัย พองพูม ที่ยังมีชีวิตอยู่ (สัมภาษณ์ 8 ธันวาคม 2016)  ทำให้ทราบว่าอุทัย พองพูม เป็นลูกคนที่ 10 ในจำนวนพี่น้อง 22 คน แต่ส่วนใหญ่เสียชีวิตตั้งแต่เป็นเด็ก เปาโล เครือ พองพูม ผู้บิดาเคยเป็นเณรที่บ้านเณรบางช้าง ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม (รุ่นใกล้กับพระสังฆราชมิแชล มงคล ประคองจิต เพราะคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี) เมื่อกลับมาบ้านได้พบรักกับอันนา ผาน และได้แต่งงานกัน
เปาโล เครือ พองพูม ได้สร้างครอบครัวและใช้วิชาความรู้ซึ่งเคยเรียนที่บ้านเณร ทำหน้าที่ครูคำสอนที่วัดคำเกิ้มและช่วยงานพระศาสนจักรอย่างเต็มกำลังความสามารถ  เนื่องจากบุตรธิดาทั้งหมดเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้น เมื่อให้กำเนิดเด็กชายอุทัย พองพูม ครูเครือได้นำบุตรชายไปรับศีลล้างบาปที่วัดกับคุณพ่อโนแอล เตอโนด์ เจ้าอาวาสในขณะนั้น และมอบให้เป็นลูกโดยหวังว่าจะไม่เสียชีวิตเหมือนบุตรธิดาก่อนหน้านี้ คุณพ่อได้มอบให้ภคินีเวโรนิกา คณะรักกางเขนแห่งเชียงหวาง ประเทศลาวซึ่งประจำที่วัดคำเกิ้มเป็นผู้เลี้ยงดู
 บน: นางทองจันทร์ เทพกรรณ์ วัย 90 ปี
ล่าง: นายถวิล ดงงาม วัย 81 ผู้ให้ข้อมูล 3 ตุลาคม 2017
2.        กระแสเรียกและแผนการของพระเจ้า
28 พฤศจิกายน 1940 (2483) ในห้วงเวลาที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และกรณีพิพาทอินโดจีน บรรดาธรรมทูตชาวฝรั่งเศสถูกขับไล่ออกนอกประเทศทั้งหมด วัดวาอารามถูกปิดและเกิดการเบียดเบียนศาสนา เด็กชายอุทัย พองพูม ซึ่งอายุได้ 7 ขวบรับรู้ถึงบรรยากาศแห่งความยากลำบาก เคียงข้างบิดาที่คอยให้กำลังใจและเสริมสร้างความเชื่อศรัทธาของชาวคำเกิ้ม
ในช่วงเวลาดังกล่าว ครอบครัวยังให้ที่พักและดูแลภคินีเวโรนิกาซึ่งไม่อนุญาตให้สวมชุดนักบวชและอยู่เป็นหมู่คณะ การมีนักบวชอยู่ในครอบครัวและคอยให้การอบรมบ่มเพาะ ทำให้เด็กชายอุทัย พองพูมเป็นคนฉลาด มีความเชื่อศรัทธาและความประพฤติเรียบร้อย ดังนั้น เมื่อสงครามและการเบียดเบียนศาสนาสิ้นสุดลง เด็กชายอุทัย พองพูม ได้ถูกส่งเข้าบ้านเณร ซึ่งนางบัวผัน วงษ์ษา น้องสาวเล่าว่าเข้าบ้านเณรบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
แต่จากหลักฐานข้อมูลของบ้านเณรเล็กท่าแร่ ลำดับที่ 26 พบชื่อที่เขียนด้วยอักษรโรมันว่า Joseph Uthai จากบ้านคำเกิ้ม เข้าบ้านเณรเมื่อ 15 เมษายน 1947 และออกจากบ้านเณรเมื่อ 30 สิงหาคม 1948 แม้ไม่มีนามสกุล แต่เมื่อสอบถามนางทองจันทร์ เทพกรรณ์ วัย 90 ปี และนายถวิล ดงงาม วัย 81 ปี ชาวคำเกิ้มยืนยันตรงกันว่า “มีคนชื่ออุทัยเพียงคนเดียวเท่านั้นจากบ้านคำเกิ้มที่เข้าบ้านเณร แต่อยู่ได้เพียงปีเศษ”  (สัมภาษณ์ 3 ตุลาคม 2017) จึงแน่ใจได้ว่า Joseph Uthai เป็นคนเดียวกันกับอุทัย พองพูม
 บน: หลักฐานการเข้าบ้านเณรท่าแร่ (ฟาติมา) เลขที่ 26 ปี 1947
ล่าง: หลักฐานการรับศีลสมรสของยอแซฟ อุทัย พองพูม กับมารีอา คำตัน ทองคำ
3.        ชีวิตครอบครัว
หลังออกจากบ้านเณร อุทัย พองพูมได้กลับบ้านคำเกิ้มไม่ได้ไปเรียนต่อ แต่ได้ช่วยงานครอบครัว ดูแลน้อง ๆ อีก 4 คนช่วยบิดามารดา โดยเฉพาะการช่วยงานพระศาสนจักรที่วัดคำเกิ้มอย่างแข็งขัน ด้วยการเป็นครูคำสอน ผู้นำภาวนา นำการร้องเพลงในวัด อ่านบทอ่านและสอนคำสอน ต่อมาอุทัย พองพูมในวัย 20 ปีได้พบรักและแต่งงานกับมารีอา คำตัน ทองคำ ซึ่งอายุมากกว่า 5 ปี
ตามเอกสารทะเบียนศีลสมรสวัดคำเกิ้ม เลขที่ 20 เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 1953 (2496)  โดยมีคุณพ่อเปาโล คำจวน ศรีวรกุล เป็นผู้ประกอบพิธี หลังจากนั้นภรรยาได้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรสาว แต่เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจและเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อภรรยาสุดที่รักของท่านได้เสียชีวิตขณะให้กำเนิด และอีก 3 เดือนต่อมาบุตรสาวได้เสียชีวิตตามมารดา 
หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี คุณพ่อโนแอล เตอโนด์ อดีตเจ้าอาวาสซึ่งเป็นอุปสังฆราชของมิสซังท่าแขกที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อ 21 ธันวาคม 1950 (2493) ได้กลับไปเยี่ยมสัตบุรุษที่วัดคำเกิ้ม และกำลังต้องการบุคลากรมาช่วยงานแพร่ธรรมในพื้นที่อันกว้างใหญ่ของมิสซังใหม่ คุณพ่อได้ชักชวนครูอุทัย พองพูมไปเป็นครูคำสอนที่ประเทศลาว ซึ่งท่านยินดีไปกับคุณพ่อ อีกทั้ง บิดามารดาผู้ชรายินดีมอบลูกชายให้กับพระศาสนจักร
 บน: สุสานวัดป่งกิ่วที่ยังเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่
ล่าง: บ้านพักพระสงฆ์วัดป่งกิ่ว ที่เคยเป็นที่พักของบุญราศีอุทัย
4.        ชีวิตครูคำสอนและผู้แพร่ธรรม
ครูอุทัย พอมพูมได้เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของคุณพ่อโนแอล เตอโนด์ ในการสอนคำสอน เยี่ยมเยียนชาวบ้าน และให้ความช่วยเหลือคนเดือดร้อนและเจ็บป่วยตามหมู่บ้านต่าง ๆ โดยเฉพาะที่บ้านป่งกิ่ว เมืองหนองบก แขวงคำม่วน ซึ่งบ้านป่งกิ่ว บึงหัวนา และดงหมากบ้าเป็นหมู่บ้านของชนเผ่าโส้ ที่ได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสารจากการแพร่ธรรมของ คุณพ่อซาเวียร์ เกโก เมื่อปี 1887 (2430)
บ้านป่งกิ่วตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองท่าแขกไปทางใต้ประมาณ 45 กิโลเมตร อยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ 13 กิโลเมตร ยังคงปรากฏร่องรอยของการเป็นหมู่บ้านที่อยู่กลางป่าลึกตามบันทึกของคุณพ่อซาเวียร์ เกโก เห็นได้จากต้นยางขนาดใหญ่ในบริเวณสุสาน บ้านพักพระสงฆ์ซึ่งเคยเป็นที่พักของคุณพ่อโนแอล เตอโนด์กับครูอุทัย พองพูม ตามคำยืนยันของท้าวอรหันต์ วรจักร ครูคำสอนวัย 77 ปี (สัมภาษณ์ 12 ธันวาคม 2016) ซึ่งเคยได้รับการอบรมจากครูอุทัย ตัวบ้านยังคงอยู่ในสภาพดี เพียงแต่ปัจจุบันเป็นที่พักของภคินีคณะชาลิเต
จากหลักฐานบันทึกศีลล้างบาปของวัดนักบุญยอห์น บัปติสต์ ป่งกิ่ว แสดงให้เห็นว่าคุณพ่อโนแอล เตอโนด์ทำหน้าที่ดูแลวัดแห่งนี้ในช่วงปี 1949-1958 (2492-2501) มีบางช่วงที่ปรากฏลายมือชื่อของพระสงฆ์องค์อื่น ครูอุทัย พองพูมน่าจะได้อยู่กับคุณพ่อโนแอล เตอโนด์ในช่วงปี 1954-1958 (2497-2501)  เป็นเวลา 4 ปีตามคำบอกเล่าของน้องสาว (ยายคำแสน) ทุกปีครูอุทัย พองพูมได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่คำเกิ้ม รวมถึงไปร่วมงานปลงศพอันนา ผาน พองพูม มารดาในวันที่ถึงแก่กรรม
ประมาณเดือนเมษายน ปี 1958 (2501) คุณพ่อโนแอล เตอโนด์ได้เดินทางกลับประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 1 ปี ถือเป็นห้วงเวลาแห่งการทดลองของครูอุทัย พองพูม ความเป็นอยู่แร้นแค้นทำให้ท่านตัดสินใจเดินทางกลับคำเกิ้มบ้านเกิด เป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณพ่อมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ไปถวายมิสซาที่วัดคำเกิ้ม ได้พบและประทับใจครูอุทัย พองพูมมาก หลังได้รับการแต่งตั้งและอภิเษกเป็นพระสังฆราชเมื่อ 1 กรกฎาคม 1959 (2502) ได้ชักชวนครูอุทัย พองพูม ไปอยู่ด้วย โดยมุ่งหวังให้เป็นกำลังสำคัญในทีมแพร่ธรรม (Ad gentes)
 บน: คุณพ่อฟิลิป ติ่ง ชี้จุดที่เชื่อกันว่าบุญราศีอุทัย พองพูมถูกยิงใกล้เมืองพะลาน
ล่าง: จุดที่เคยเป็นห้องเช่าซึ่งบุญราศีอุทัย แลุบุญราศีเตอโนด์ใช้พักอาศัยที่เซโปน
5.        ชีวิตแห่งการเป็นพยานและมรณสักขี
ครูอุทัย พองพูมอยู่กับพระสังฆราชเกี้ยน เสมอพิทักษ์เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อคุณพ่อโนแอล เตอโนด์กลับจากประเทศฝรั่งเศสและได้รับมอบหมายให้บุกเบิกเขตแพร่ธรรมใหม่แขวงสะหวันนะเขต ตั้งแต่เมืองเซโปนจนถึงชายแดนประเทศเวียดนามระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร คุณพ่อได้ไปขอครูอุทัย พองพูมจากพระสังฆราชเกี้ยน เสมอพิทักษ์ เพื่อการประกาศข่าวดี เมื่อพ่อลูกเจอหน้ากันต่างร้องไห้กอดกันกลม คุณพ่อโนแอล เตอโนด์ได้พูดกับครูอุทัย พองพูมว่า “เราจะตายด้วยกันและไปสวรรค์ด้วยกัน” เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะเป็นมรณสักขีด้วยกัน
ที่สุด ครูอุทัย พองพูมได้ติดตามคุณพ่อโนแอล เตอโนด์ไปประเทศลาวอีกครั้ง และเป็นเพื่อนร่วมงานในงานการแพร่ธรรมทุกที่ทุกแห่ง โดยตั้งฐานที่เมืองเชโปนซึ่งไม่มีคริสตชนแม้แต่คนเดียว นาน ๆ จะมีคนรู้จักมาเยี่ยมสักครั้ง เดือนเมษายน ปี 1961 (2504) ครูอุทัย พองพูม คุณพ่อโนแอล เตอโนด์และเยาวชนจากบ้านป่งกิ่วคนหนึ่งได้ไปเยี่ยมหมู่บ้านคริสตชนสำรอง ทั้งสามคนนั่งรถยนต์จากสะหวันนะเขตมุ่งหน้าไปเขตเซโปน เมื่อเห็นว่าสถานที่บริเวณนั้นไม่มีความปลอดภัยจึงคิดกลับไปสะหวันนะเขต  แต่เส้นทางขากลับถูกกองทหารลาวอิสระยึดครองแล้ว
พวกท่านได้ไปหลบในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านได้แจ้งจับพวกท่าน ทหารลาวอิสระได้พาพวกท่านไปยังเขตเมืองพะลาน (ชื่อใหม่เมืองพะลานไช) ขณะกำลังเดินทางไปได้ถูกกลุ่มคนถืออาวุธดักซุ่มยิงจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากรักษาตัวหายดีแล้วพวกเขาได้พาท่านทั้งสองไปโดยไม่ทราบชะตากรรม ไม่มีใครทราบข่าวอีกเลย สันนิษฐานว่าทั้งครูอุทัย พองพูมและคุณพ่อโนแอล เตอโนด์ เสียชีวิตเมื่อ 15 ธันวาคม 1962 (2505)
 งานฉลองบุญราศียอแซฟ อุทัย พองพูม และฉลองวัดคำเกิ้ม; 8 เมษายน 2017
บทส่งท้าย
บุญราศียอแซฟ อุทัย พองพูม ได้ดำเนินชีวิตซื่อสัตย์ต่อความเชื่อคริสตชน รับใช้ประชากรของพระเจ้าอย่างกล้าหาญและสละชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูเจ้า เพื่อทำให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความรักของพระเจ้าและข่าวดีแห่งสันติสุข ความยุติธรรม ความรักเมตตาและการให้อภัยที่พระเยซูเจ้าทรงสอน ท่านได้เลียนแบบพระอาจารย์เจ้าจนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน และได้แสดงให้เห็นว่าความตายมิใช่สิ่งน่ากลัวและสูญเปล่า แต่ได้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีทำให้พระศาสนจักรเติบโตและเกิดผล
แม้พบข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับยอแซฟ อุทัย พองพูมน้อยมาก แต่บัดนี้เป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่าท่านและเพื่อนมรณสักขีอีก 16 ท่านได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสให้เป็น “บุญราศี” ซึ่งเป็นวีรกรรมที่ควรยกย่องและเป็นความชื่นชมยินดีของพระศาสนจักรทั้งมวล โดยเฉพาะต่อคริสตชนวัดนักบุญยอแซฟคำเกิ้มและคริสตชนในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ในการเลียนแบบวีรกรรมของท่านอย่างซื่อสัตย์และกล้าหาญ อีกทั้ง วอนขอพระพรจากพระเจ้าผ่านทางคำเสนอวิงวอนของท่าน ให้สามารถสานต่อมรดกทางความเชื่อนี้สืบไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
13 มีนาคม 2019

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น