วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2561

การเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพ


การเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพ
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
ปี B
กจ 3:13-15, 17-19
1ยน 2:1-5
ลก 24:35-48
บทนำ
มีเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่ประเทศยูโกสลาเวีย ผู้พิพากษาคนหนึ่งถูกไฟฟ้าช๊อตขณะอาบน้ำ ภรรยาพบเขานอนหมดสติได้เรียกให้คนช่วยนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ลงความเห็นว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ภรรยาได้นำร่างของเขาไปไว้ที่ศาลาพักศพ สถานีวิทยุได้กระจายข่าวการเสียชีวิตของผู้พิพากษารายนี้อย่างรวดเร็ว กลางดึกคืนนั้นเอง ผู้พิพากษาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อทราบว่าตนเองอยู่ที่ไหนได้รีบไปบอกยาม พอเห็นเขาเท่านั้นยามตาลีตาเลือกวิ่งหนีไป
ผู้พิพากษาได้โทรศัพท์ไปบ้านบอกภรรยา แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเพราะเพียงเขาบอกว่า “สวัสดีที่รัก นี่ผมเองนะ” ภรรยาของเขาแผดร้องและเป็นลมหมดสติ เขาพยายามโทรหาเพื่อนบ้านหลายคนแต่พวกเขาคิดว่าเป็นการล้อเล่นของพวกนึกสนุก เขาเดินไปเคาะประตูบ้านหลายคน แต่ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นผี ที่สุด เขาตัดสินใจโทรศัพท์หาเพื่อนต่างเมืองที่ไม่ทราบข่าวการตายของเขา อาศัยเพื่อนคนนี้จึงสามารถบอกครอบครัวและคนอื่นว่าเขายังมีชีวิตอยู่
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้พยายามบอกบรรดาศิษย์ของพระองค์ให้ทราบว่าพระองค์ไม่ใช่ผี ทั้งนี้เพื่อขจัดความคลางแคลงสงสัยและความหวาดกลัวของพวกเขาให้หมดสิ้นไป พระองค์ได้แสดงมือและเท้าให้พวกเขาได้เห็น ทรงเชื้อเชิญให้สัมผัสและมองดูตัวตนของพระองค์อย่างที่ทรงเป็น และได้กินปลาย่างชิ้นหนึ่งต่อหน้าพวกเขา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ไม่ใช่ผี ทรงประทับท่ามกลางพวกเขาเหมือนเมื่อครั้งที่ทรงอยู่กับพวกเขาตลอดสามปี
1.        การเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพ
ศิษย์สองคนที่พระเยซูเจ้าปรากฏพระองค์ให้เห็นระหว่างเดินทางไปเอมมาอูส รีบเร่งเดินทางกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อเล่าเหตุการณ์น่ายินดีที่พวกเขาได้พบพระเยซูเจ้าให้บรรดาอัครสาวกได้ทราบ เมื่อมาถึงพวกเขาพบว่าเปโตรเองได้พบพระอาจารย์เจ้าเช่นกัน ขณะที่พวกเขาถกเถียงกันถึงเรื่องนี้อยู่ พระเยซูเจ้าได้ปรากฏพระองค์ท่ามกลางพวกเขา
ลูกาได้บันทึกและบอกเล่าเรื่องราวตอนนี้เพื่อบอกว่า การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ปรากฏเป็นจริง และพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพแสดงพระองค์ในพิธีบิขนมปัง พระศาสนจักรในระยะเริ่มแรก มีเอกลักษณ์อยู่ที่พิธีบิขนมปังและการนำสิ่งของมารวมเป็นของกลาง (กจ 2:42) กลุ่มคริสตชนแรกมักเว้นที่ให้พระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพประทับอยู่ด้วยเสมอ
ดังนั้น การที่บรรดาคริสตชนแรกมาร่วมพิธีบิปัง เพื่อได้พบกับองค์พระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพ ในพิธีบิขนมปังพระเยซูเจ้าได้บันดาลให้ศิษย์ทั้งสองคนตาสว่าง พระองค์ได้แปรเปลี่ยนความท้อแท้สิ้นหวังของพวกเขาให้กลายเป็นความยินดีและความหวัง จนพวกเขาไม่สามารถเก็บไว้กับตัวเอง ต้องรีบรุดกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มในคืนนั้น เพื่อแบ่งปันประสบการณ์นี้กับคนอื่น
2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราพบพระเยซูเจ้าในพิธีบิขนมปัง ศิษย์สองคนที่เอมมาอูสจำพระเยซูเจ้าได้ตอนบิขนมปัง เราสามารถพบพระองค์ได้ในพิธีบูชาขอบพระคุณที่เรามาร่วมทุกอาทิตย์ ในภาควจนพิธีกรรมพระเยซูเจ้าทรงตรัสกับเรา ในศีลมหาสนิท พระเยซูเจ้าทรงกลายเป็นอาหารฝ่ายจิตของเรา ที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และเพื่อนพี่น้อง เรามารวมตัวกันเช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวกและศิษย์รุ่นแรก เพื่อฟังพระวาจา แบ่งปันข่าวดี และนำไปปฏิบัติ
ประการที่สอง เราต้องสานต่อพันกิจของพระเยซูเจ้า ในฐานะคริสตชนเราได้รับมอบหน้าที่ในการสานต่อ “พันธกิจแห่งความรัก ความเมตตา และการให้อภัย” ของพระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวัน ทรงต้องการปากของเราในการพูดถึงข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์และให้กำลังใจคนที่สิ้นหวัง ทรงต้องการหูของเราในการฟังปัญหาของคนที่ทุกข์ร้อน และทรงต้องการมือของเราในการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน
ประการที่สาม เราต้องเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพ บรรดาอัครสาวกได้เป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตของพวกเขา เราต้องเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพนี้เช่นเดียวกัน ด้วยการเชื่อถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรา ในบ้าน ในที่ทำงาน และในหมู่คณะของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนยากจน คนเจ็บป่วย และคนเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การร่วมเดินทางของพระเยซูเจ้าบนเส้นทางสู่เอมมาอูส เป็นเครื่องหมายแห่งการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรา ทรงร่วมชีวิตกับเราโดยเฉพาะในห้วงเวลาแห่งความทุกข์และความยากลำบาก แม้เราจำพระองค์ไม่ได้ก็ตาม การร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณเตือนเราถึงอาหารฝ่ายจิตที่ต้องแบ่งปัน และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง
เอมมาอูส หมายถึงทุกที่ที่เราสามารถพบพระเจ้า ทรงเปิดเผยพระองค์ทุกครั้งที่เรารวมกันในนามของพระองค์ “ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา” (มธ 18:20) ศิษย์พระคริสต์ต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าที่ทรงร่วมเดินทางกับเรา ตรัสกับเรา ช่วยเหลือเรา และอยู่กับเราจนสิ้นพิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพื่อนพี่น้องที่เราพบเห็น เราต้องเป็นพยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟยานนาวา กรุงเทพฯ
13 เมษายน 2018
ภาพ: รถเทียนปัสกาชุมชนวัดป่าพนาวัลย์, ประเพณีแห่เทียนปัสกาท่าแร่ สกลนคร; 2018-03-31

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น