เบธเลเฮม
เบธเลเฮม
ภาษาฮีบรูแปลว่า “บ้านของขนมปัง” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเยรูซาเล็มประมาณ
5 ไมล์ บนเนินสูง 2,600 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล มีพลเมืองราว 30,000 คน พระคัมภีร์บอกให้เราทราบว่าเบธเลเฮมเป็นที่ที่ยากอบได้ฝังราเชลภรรยาอันเป็นที่รัก
(ปฐก 35:16)
และเป็นบ้านเกิดของกษัตริย์ดาวิด (1 ซมอ 17:12) ด้วยเหตุนี้ยอแซฟซึ่งสืบเชื้อสายของดาวิด ต้องเดินทางมายังเบธเลเฮมเพื่อลงทะเบียนสำมะโนประชากร
ตามคำสั่งของจักรพรรพิออกัสตัส และพระนางมารีย์ได้ให้กำเนิดพระกุมาร (ลก 2:4-7)
เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทำให้มีถ้ำธรรมชาติอยู่ทั่วไป
และชาวเบธเลเฮมนิยมสร้างบ้านครอบถ้ำธรรมชาติเหล่านี้ การที่คนมากมายที่เดินทางมาลงทะเบียนสำมะโนประชากรทำให้ไม่มีห้องว่าง
โดยทั่วไปเจ้าของบ้านมักมีห้องเก็บของซึ่งใช้เป็นที่พักได้ และห้องที่เป็นถ้ำใช้เก็บสัตว์เลี้ยง
พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟได้อาศัยพักในถ้ำที่มีสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน
“พระนางประสุติพระโอรสองค์แรก ทรงใช้ผ้าพันพระวรกายพระกุมารนั้น แล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า”
(ลก 2:7)
ปี
135 จักรพรรดิเอเดรียนได้สร้างสักการสถานถวายแด่เทพเจ้าอาโดนิส ครอบสถานที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประสูติของพระเยซูเจ้า
ซึ่งได้ช่วยรักษาสถานที่แห่งนี้ไว้ เมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินกลับใจเป็นคริสตชนปี 313
ได้ประกาศว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำจักรภพโรมัน ปี 325 พระนางเฮเลนพระมารดาได้เสด็จเยี่ยมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์
และได้สร้างวิหาร 3 แห่ง บนเนินกัลวารีโอและพระคูหาของพระคริสตเจ้า บนถ้ำแห่งการบังเกิดที่เบธเลเฮม
และบนยอดเขามะกอกเทศ
ภายในวัดและถ้ำที่พระกุมารบังเกิดที่เบธเลเฮม
วิหารพระกุมารบังเกิด
เมื่อมีการรื้อถอนสักการสถานของจักรพรรดิเอเดรียน
และขุดลงไปก็พบกับถ้ำที่ยังคงสภาพเดิม จักรพรรดิคอนสแตนตินได้สร้างวิหารที่สง่างามประดับประดาด้วยรูปโมเซอิก
หินอ่อน และภาพวาด เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงความศรัทธาของพระมารดา ปี 529 ชาวสะมาริตันเป็นกบฏปล้นสะดมเมืองเบธเลเฮมและเผาทำลายวิหาร
ปี 530
จักรพรรดิจุสติเนียนได้สร้างวิหารหลังปัจจุบัน ปี 614
ชาวเปอร์เซียได้บุกรุกแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และทำลายวัดทั้งหมด ยกเว้นวิหารพระกุมารบังเกิดเพราะพบรูปโมเซอิกพญา
3 องค์ในชุดชาวเปอร์เซียมานมัสการพระกุมาร
วิหารพระกุมารบังเกิดรูปทรงด้านนอกคล้ายกับป้อมของสมัยกลาง
ล้อมด้วยกำแพงของอาราม 3 แห่ง ตอนแรกมีประตู 3 ประตู แต่สองในสามได้ถูกปิด
ส่วนตรงประตูกลางเหลือแต่ช่องแคบๆ และเตี้ยทำจากการให้เตี้ยลงถึง 2 ครั้ง เพื่อป้องกันมิให้พวกโจรปล้นสามารถขี่ม้าผ่านเข้าไปได้
วิหารแห่งนี้มีรูปทรงเป็นกางเขนยาว 170 ฟุต กว้าง 80 ฟุต แบ่งเป็น 5 ส่วนจากแนวต้นเสา
4 แถว ที่ทำด้วยหินแดงจากประเทศปาเลสไตน์ ปี 1936 ได้พบเศษของโมเซอิกในศตวรรษที่ 4
ด้านหน้าที่ใช้เป็นที่ประกอบพิธีอยู่เหนือถ้ำพระกุมารพอดี
ทำด้วยไม้สนซีดาร์ เลบานอน มีบันไดลงไปสู่ถ้ำที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 35
ฟุต กว้าง 10 ฟุต มีตะเกียงจุดอยู่ 48 อัน และดาวเงิน 14 แฉกตรงกลาง หมายถึง 14 ชั่วอายุคนในพระคัมภีร์ก่อนถึงพระเยซูเจ้าและชื่อของกษัตริย์ดาวิด
พร้อมคำจารึกเป็นภาษาลาตินว่า “ที่นี่พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงบังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์”
ด้านซ้ายมือเป็นที่พระนางมารีย์วางพระกุมารบนรางหญ้า ซึ่งพระสันตะปาปาเทโอโดโร
ที่ 1 ได้นำไปเก็บไว้ที่มหาวิหารพระนางมารีย์ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีปี 642
ทางเข้าวัดที่ทำให้เตี้ยลงและภายในวัดพระกุมารบังเกิด
วัดนักบุญแคทรีน
เมื่อออกจากถ้ำพระกุมารขึ้นมาอีกด้านจะเป็นวัดนักบุญแคทรีนแห่งอเล็กซานเดีย
สร้างปี 1881
เหนือวัดเดิมที่พวกครูเสดสร้างและถูกทำลาย ได้รับการบูรณะปี 1933
โดยอันโตนีโอ บาร์ลุซซี ภายในวัดมีวัดน้อยนักบุญยอแซฟและวัดน้อยทารกผู้วิมล
ซึ่งวัดแห่งนี้พระอัยกาจารีตลาตินจะมาถวายมิสซาเที่ยงคืน ในคืนพระคริสต์สมภพและถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
ชั้นล่างวัดยังมีถ้ำของนักบุญเยโรม
พระสงฆ์ ฤาษีและนักปราชญ์ของพระศาสนจักร ที่ได้มาฝังตัวที่เบธเลเฮม ได้ตั้งอารามใช้ชีวิตในการศึกษาพระคัมภีร์
สวดภาวนาและบำเพ็ญพรต เป็นผู้แปลพระคัมภีร์เป็นภาษาลาตินที่เรียกกันว่า วูลเกท (Vulgate)
และเป็นเจ้าของวลีอมตะ “การไม่รู้จักพระคัมภีร์ก็คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า”
ด้านหน้าวัดจึงมีรูปปั้นนักบุญเยโรมบนเสาคอลัมน์ขนาดใหญ่
วัดนักบุญแคทรีนของคาทอลิกที่อยู่ติดกับวัดพระกุมารบังเกิด
ทุ่งคนเลี้ยงแกะ
ไม่ไกลจากเบธเลเฮมมีทุ่งคนเลี้ยงแกะ
ซึ่งเป็นเป้าหมายของการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณของพวกเรา แม้พระวรสารมิได้บอกเราถึงสถานที่ที่คนเลี้ยงแกะพักแรมอยู่
แต่ตำนานโบราณได้เรียกสถานที่ด้านตะวันออกของเบธเลเฮมว่า “ทุ่งคนเลี้ยงแกะ”
(The
Shepherds’ Field” เป็นที่ที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้แจ้งข่าวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแก่พวกคนเลี้ยงแกะ
(ลก 2:8-20)
ปัจจุบัน
ในบริเวณทุ่งคนเลี้ยงแกะยังพบถ้ำธรรมชาติ 2 แห่งที่ใช้เป็นที่เก็บสัตว์เลี้ยงเหมือนที่เบธเลเฮม
ซึ่งฤาษีคณะฟรังซิสกันได้ปรับปรุงให้เป็นวัดน้อย และได้สร้างวัดที่สวยงามเป็นรูปทรงกระโจม
เพื่อหมายถึงเต้นท์ของคนเลี้ยงแกะซึ่งเป็นคนต่ำต้อยและไม่ดีในสายตาของคนทั่วไป
เพราะพวกเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนและมิได้ถือปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า แต่พวกเขากลับเป็นพวกแรกที่ได้พบองค์พระเจ้า
วัดทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะและถ้ำธรรมชาติที่เก็บสัตว์เลี้ยงซึ่งทำเป็นวัดน้อย
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
The
Royal Hotel, Dead Sea, ISRAEL
21 เมษายน 2018
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น