วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

ตามรอยพระบาทพระเยซูเจ้า4


เบธเลเฮม
เบธเลเฮม ภาษาฮีบรูแปลว่า “บ้านของขนมปัง” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 5 ไมล์ บนเนินสูง 2,600 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล มีพลเมืองราว 30,000 คน พระคัมภีร์บอกให้เราทราบว่าเบธเลเฮมเป็นที่ที่ยากอบได้ฝังราเชลภรรยาอันเป็นที่รัก (ปฐก 35:16) และเป็นบ้านเกิดของกษัตริย์ดาวิด (1 ซมอ 17:12) ด้วยเหตุนี้ยอแซฟซึ่งสืบเชื้อสายของดาวิด ต้องเดินทางมายังเบธเลเฮมเพื่อลงทะเบียนสำมะโนประชากร ตามคำสั่งของจักรพรรพิออกัสตัส และพระนางมารีย์ได้ให้กำเนิดพระกุมาร (ลก 2:4-7)
เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทำให้มีถ้ำธรรมชาติอยู่ทั่วไป และชาวเบธเลเฮมนิยมสร้างบ้านครอบถ้ำธรรมชาติเหล่านี้ การที่คนมากมายที่เดินทางมาลงทะเบียนสำมะโนประชากรทำให้ไม่มีห้องว่าง โดยทั่วไปเจ้าของบ้านมักมีห้องเก็บของซึ่งใช้เป็นที่พักได้ และห้องที่เป็นถ้ำใช้เก็บสัตว์เลี้ยง พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟได้อาศัยพักในถ้ำที่มีสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน “พระนางประสุติพระโอรสองค์แรก ทรงใช้ผ้าพันพระวรกายพระกุมารนั้น แล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า” (ลก 2:7)
ปี 135 จักรพรรดิเอเดรียนได้สร้างสักการสถานถวายแด่เทพเจ้าอาโดนิส ครอบสถานที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประสูติของพระเยซูเจ้า ซึ่งได้ช่วยรักษาสถานที่แห่งนี้ไว้ เมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินกลับใจเป็นคริสตชนปี 313 ได้ประกาศว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำจักรภพโรมัน ปี 325 พระนางเฮเลนพระมารดาได้เสด็จเยี่ยมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ และได้สร้างวิหาร 3 แห่ง บนเนินกัลวารีโอและพระคูหาของพระคริสตเจ้า บนถ้ำแห่งการบังเกิดที่เบธเลเฮม และบนยอดเขามะกอกเทศ
ภายในวัดและถ้ำที่พระกุมารบังเกิดที่เบธเลเฮม



วิหารพระกุมารบังเกิด
เมื่อมีการรื้อถอนสักการสถานของจักรพรรดิเอเดรียน และขุดลงไปก็พบกับถ้ำที่ยังคงสภาพเดิม จักรพรรดิคอนสแตนตินได้สร้างวิหารที่สง่างามประดับประดาด้วยรูปโมเซอิก หินอ่อน และภาพวาด เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงความศรัทธาของพระมารดา ปี 529 ชาวสะมาริตันเป็นกบฏปล้นสะดมเมืองเบธเลเฮมและเผาทำลายวิหาร ปี 530 จักรพรรดิจุสติเนียนได้สร้างวิหารหลังปัจจุบัน ปี 614 ชาวเปอร์เซียได้บุกรุกแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์และทำลายวัดทั้งหมด ยกเว้นวิหารพระกุมารบังเกิดเพราะพบรูปโมเซอิกพญา 3 องค์ในชุดชาวเปอร์เซียมานมัสการพระกุมาร
วิหารพระกุมารบังเกิดรูปทรงด้านนอกคล้ายกับป้อมของสมัยกลาง ล้อมด้วยกำแพงของอาราม 3 แห่ง ตอนแรกมีประตู 3 ประตู แต่สองในสามได้ถูกปิด ส่วนตรงประตูกลางเหลือแต่ช่องแคบๆ และเตี้ยทำจากการให้เตี้ยลงถึง 2 ครั้ง เพื่อป้องกันมิให้พวกโจรปล้นสามารถขี่ม้าผ่านเข้าไปได้ วิหารแห่งนี้มีรูปทรงเป็นกางเขนยาว 170 ฟุต กว้าง 80 ฟุต แบ่งเป็น 5 ส่วนจากแนวต้นเสา 4 แถว ที่ทำด้วยหินแดงจากประเทศปาเลสไตน์ ปี 1936 ได้พบเศษของโมเซอิกในศตวรรษที่ 4
ด้านหน้าที่ใช้เป็นที่ประกอบพิธีอยู่เหนือถ้ำพระกุมารพอดี ทำด้วยไม้สนซีดาร์ เลบานอน มีบันไดลงไปสู่ถ้ำที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 35 ฟุต กว้าง 10 ฟุต มีตะเกียงจุดอยู่ 48 อัน และดาวเงิน 14 แฉกตรงกลาง หมายถึง 14 ชั่วอายุคนในพระคัมภีร์ก่อนถึงพระเยซูเจ้าและชื่อของกษัตริย์ดาวิด พร้อมคำจารึกเป็นภาษาลาตินว่า “ที่นี่พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงบังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์” ด้านซ้ายมือเป็นที่พระนางมารีย์วางพระกุมารบนรางหญ้า ซึ่งพระสันตะปาปาเทโอโดโร ที่ 1 ได้นำไปเก็บไว้ที่มหาวิหารพระนางมารีย์ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีปี 642
ทางเข้าวัดที่ทำให้เตี้ยลงและภายในวัดพระกุมารบังเกิด



วัดนักบุญแคทรีน
เมื่อออกจากถ้ำพระกุมารขึ้นมาอีกด้านจะเป็นวัดนักบุญแคทรีนแห่งอเล็กซานเดีย สร้างปี 1881 เหนือวัดเดิมที่พวกครูเสดสร้างและถูกทำลาย ได้รับการบูรณะปี 1933 โดยอันโตนีโอ  บาร์ลุซซี ภายในวัดมีวัดน้อยนักบุญยอแซฟและวัดน้อยทารกผู้วิมล ซึ่งวัดแห่งนี้พระอัยกาจารีตลาตินจะมาถวายมิสซาเที่ยงคืน ในคืนพระคริสต์สมภพและถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
ชั้นล่างวัดยังมีถ้ำของนักบุญเยโรม พระสงฆ์ ฤาษีและนักปราชญ์ของพระศาสนจักร ที่ได้มาฝังตัวที่เบธเลเฮม ได้ตั้งอารามใช้ชีวิตในการศึกษาพระคัมภีร์ สวดภาวนาและบำเพ็ญพรต เป็นผู้แปลพระคัมภีร์เป็นภาษาลาตินที่เรียกกันว่า วูลเกท (Vulgate) และเป็นเจ้าของวลีอมตะ “การไม่รู้จักพระคัมภีร์ก็คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” ด้านหน้าวัดจึงมีรูปปั้นนักบุญเยโรมบนเสาคอลัมน์ขนาดใหญ่
วัดนักบุญแคทรีนของคาทอลิกที่อยู่ติดกับวัดพระกุมารบังเกิด



ทุ่งคนเลี้ยงแกะ
ไม่ไกลจากเบธเลเฮมมีทุ่งคนเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็นเป้าหมายของการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณของพวกเรา แม้พระวรสารมิได้บอกเราถึงสถานที่ที่คนเลี้ยงแกะพักแรมอยู่ แต่ตำนานโบราณได้เรียกสถานที่ด้านตะวันออกของเบธเลเฮมว่า “ทุ่งคนเลี้ยงแกะ” (The Shepherds’ Field” เป็นที่ที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้แจ้งข่าวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแก่พวกคนเลี้ยงแกะ (ลก 2:8-20) 
ปัจจุบัน ในบริเวณทุ่งคนเลี้ยงแกะยังพบถ้ำธรรมชาติ 2 แห่งที่ใช้เป็นที่เก็บสัตว์เลี้ยงเหมือนที่เบธเลเฮม ซึ่งฤาษีคณะฟรังซิสกันได้ปรับปรุงให้เป็นวัดน้อย และได้สร้างวัดที่สวยงามเป็นรูปทรงกระโจม เพื่อหมายถึงเต้นท์ของคนเลี้ยงแกะซึ่งเป็นคนต่ำต้อยและไม่ดีในสายตาของคนทั่วไป เพราะพวกเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนและมิได้ถือปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า แต่พวกเขากลับเป็นพวกแรกที่ได้พบองค์พระเจ้า
วัดทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะและถ้ำธรรมชาติที่เก็บสัตว์เลี้ยงซึ่งทำเป็นวัดน้อย


คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
The Royal Hotel, Dead Sea, ISRAEL
21 เมษายน 2018

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น