พระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม
สิ่งที่เราคุ้นเคยเวลาศึกษาพระคัมภีร์หรือฟังเรื่องราวจากพระวรสารคือ
พระวิหารซึ่งเป็นศูนย์กลางทางความเชื่อของชาวยิวและมีเพียงแห่งเดียวที่เยรูซาเล็ม
แต่ปัจจุบันไม่มีพระวิหารที่ว่านี้ มีแต่จุดที่เคยเป็นที่ตั้งพระวิหารที่เรียกว่า “วัดบนภูเขา”
(Temple
Mount) ซึ่งถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนา สำหรับชาวยิวเป็นสถานที่ตั้งพระวิหารอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา
สำหรับคริสตชนเป็นสถานที่เกี่ยวพันกับหลายเหตุการณ์ในพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า และสำหรับมุสลิมเป็นสถานที่ที่ศาสดามูฮัมหมัดเสด็จสู่สวรรค์
วัดบนภูเขาตั้งอยู่บนภูเขาโมรีอาที่อับราฮัมขึ้นไปถวายอิสอัคบุตรชายแด่พระเจ้า (ปฐก 22:1-22) กษัตริย์ดาวิดได้สร้างแท่นบูชาแด่พระเจ้าบนภูเขานี้
และสัญญาจะสร้างพระวิหารแด่พระเจ้า แต่ผู้ที่สร้างให้สำเร็จคือกษัตริย์ซาโลมอน
พระโอรส ถือเป็นพระวิหารที่สวยงามมากและเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ได้ถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทำลายปี
587 ก่อนคริสตกาล และชาวยิวถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลนเป็นเวลา 50 ปี
เมื่อกลับมาเอสราได้นำชาวยิวสร้างพระวิหารขึ้นใหม่แต่มีขนาดเล็กกว่า
ปี
20 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์เฮโรดมหาราชได้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่ ใหญ่โตและสวยงามมากสร้างเสร็จปี
64
ถือเป็นพระวิหารที่พระเยซูเจ้าทรงคุ้นเคย ทรงเสด็จเข้าไปอธิษฐานภาวนาและเทศนาเป็นประจำ
ปี 70 พระวิหารนี้ได้ถูกทำลายจากกองทัพของจักรพรรดิตีตัส ปี 135 จักรพรรดิเอเดรียนได้สร้างสักการสถานเทพเจ้าจูปีเตอร์ขึ้นบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งพระวิหาร ปี 636 มุสลิมได้ยึดครองและสร้างสุเหร่าขึ้นมาแทน
ชาวยิวไม่สามารถขึ้นมาบนสถานที่แห่งนี้ได้ สิ่งที่ทำได้คือการมาอธิษฐานและร้องไห้ที่กำแพง
แม้ไม่มีพระวิหารแต่กลับทำให้ชาวยิวมีความเชื่อในพระเจ้า
และความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
The Dome of the Rock
สุเหร่าสีทองหรือ
Dome
of the Rock ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นแห่งหนึ่งของเยรูซาเล็ม
สร้างโดยกาลิบ อับดุล มาลิค โอมาร์ปี 691 เพื่อครอบหินซึ่งเชื่อว่าพระมูฮัมหมัดเสด็จสู่สวรรค์
แต่สำหรับชาวยิวถือว่าเป็นหินที่อับราฮัมถวายอิสอัคแด่พระเจ้า
และเป็นที่วางหีบพันธสัญญา
เครื่องหมายแห่งการประทับอยู่ของพระเจ้าเมื่อสร้างพระวิหารบนสถานที่แห่งนี้
โดมที่ครอบหินมีการซ่อมแซมหลายครั้ง
เมื่อพวกครูเสดยึดกรุงเยรูซาเล็มปี 1099 โดมแห่งนี้ได้ถูกดัดแปลงเป็นวิหารของพระเจ้า
แต่หลังจากพ่ายแพ้ปี 1187 กางเขนที่เคยตั้งตระหง่านบนยอดโดมได้ถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์เสี้ยว
รูปทรงภายนอกมีแปดเหลี่ยม แต่ละด้านกว้าง 63 ฟุต สูงจากพื้น 180 ฟุต
เส้นผ่าศูนย์กลางของโดม 78 ฟุต ประดับด้วยด้วยแผ่นหินและกระเบื้องเงาจากเปอร์เซีย ส่วนโดมทำด้วยแผ่นอะลูมิเนียมชุบทองคำ
ทางด้านทิศใต้ของลานกว้าง
มีสุเหร่าอัล อัคซา สร้างขึ้นระหว่างปี 709-715 โดยกาลิบ วาลีด บุตรของอับดุล
มาลิค สุเหร่านี้ถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง ตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นปราสาทของกษัตริย์ซาโลมอน
และถือเป็นสถานภาวนาพร้อมกันของชาวมุสลิม ในช่วงสงครามครูเสดปี 1099-1187
พวกครูเสดได้ใช้สุเหร่านี้เป็นศูนย์บัญชาการของบรรดาอัศวินที่มาร่วมรบ
กำแพงเยรูซาเล็มสร้างจากก้อนหินขนาดใหญ่
เป็นดังป้อมปราการที่แข็งแกร่งของเยรูซาเล็มซึ่งสร้างขึ้นหลายยุคหลายสมัย โดยเฉพาะสุลต่านสุไลมานมหาราช
ซึ่งเป็นชาวเติร์กได้สร้างกำแพงขึ้นระหว่างปี 1539-1542 กำแพงที่มีความยาวกว่า
2 ไมล์ครึ่ง ความสูงโดยเฉลี่ย 40 ฟุต มีหอ 34 หอ มีประตู 8 ประตูคือ ประตูใหม่
ประตูดามัสกัส และประตูเฮโรดทางทิศเหนือ ประตูสเทเฟนและประตูทองทางทิศตะวันออก
ประตูที่ใช้ในการขนขยะและประตูศิโยนทางทิศใต้ และประตูยัฟฟาทางทิศตะวันตก
ป้อมที่โดดเด่นที่สุดคือป้อมของกษัตริย์ดาวิด
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ชาวยิวให้ความเคารพนับถือ สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เฮโรด
ประกอบด้วยหอคอยสามหอ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงหอเดียว ในอดีตชาวมุสลิมได้ใช้เป็นสถานที่ภาวนา
เพราะเชื่อกันว่ากษัตริย์ดาวิดได้อธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าที่นี่ บนป้อมมีทางเดินที่สามารถขึ้นไปเดินชมทัศนียภาพของกรุงเยรูซาเล็มได้
ประตูทอง (Golden Gate) เป็นประตูทางทิศตะวันออก
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับภูเขาโอลีฟ โดยมีลำห้วยขิดโดรนขวางกั้น ถือเป็นประตูหลักในการเข้าสู่พระวิหาร
ตามธรรมประเพณีคริสชนเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงใช้ประตูนี้ในการเสด็จไปอธิษฐานภาวนาและเทศน์สอนในพระวิหาร
อีกทั้งทรงเสด็จเข้าเมืองอย่างสง่าพร้อมบรรดาศิษย์จากประตูนี้ (อาทิตย์ใบลาน) แต่ประตูนี้ได้ถูกปิดตายตั้งแต่ศตวรรษที่ 9
ตามธรรมประเพณียิวเชื่อว่าพระแมสิยาห์จะเสด็จเข้ากรุงเยซูซาเล็มผ่านทางประตูนี้
เพื่อปลดปล่อยชาวยิว แต่เพราะความแตกต่างทางความเชื่อและความขัดแย้งทางศาสนา ชาวมุสลิมที่ครอบครองได้ปิดประตูนี้
และได้ฝังศพมุสลิมขวางกั้นตลอดแนวกำแพง เชื่อว่าพระแมสิยาห์ซึ่งเป็นสมณะจะไม่สามารถผ่านประตูนี้ได้
เพราะจะทำให้เป็นมลทิน หลุมฝังศพยังคงใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน
อาสนวิหารแม่พระบรรทมตั้งอยู่บนภูเขาศิโยน
เป็นสถานที่ที่พระนางมารีย์สิ้นพระชนม์ ปี 1100
พวกครูเสดได้สร้างวัดใหญ่ขึ้นให้ชื่อว่าวัดพระนางมารีย์แห่งภูเขาศิโยน ต่อมาปี 1219
ได้ถูกทำลายจากพวกมุสลิม ปี 1898
ชาวเติร์กได้มอบสถานที่นี้ให้แก่แก่จักรพรรดิเยอรมัน ซึ่งทรงมอบให้ฤาษีคณะเบเนดิกตินสร้างวัดหลังปัจจุบันปี
1910
ภายในวัดมีรูปโมซาอิกที่สวยงามมากของแม่พระ
พระกุมาร และพระตรีเอกภาพ ที่ชั้นใต้ดินของวัดมีวัดน้อยมีพระรูปแม่พระบรรทม เพื่อระลึกถึงการสิ้นใจของพระนางมารีย์
ซึ่งเป็นความเชื่อของคริสตชนตั้งแต่แรกเริ่มว่าพระนางไม่ได้สิ้นใจ
เพียงแต่นอนหลับและได้รับการยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
ซึ่งพวกเราได้อธิษฐานภาวนาต่อพระนางมารีย์ที่นี่เพื่อพระศาสนจักรในประเทศไทย วัดและสัตบุรุษที่อยู่ในความดูแล
ห้องชั้นบนเป็นห้องที่พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์รับประทานอาหารค่ามื้อสุดท้าย ทรงมอบบัญญัติใหม่แห่งความรัก (มก 14:12-16, ลก 22:7-13) ทรงปรากฏพระองค์แก่บรรดาศิษย์ 2 ครั้งหลังจากกลับคืนพระชนม์ชีพ
(ยน 20:19-23, 20:24-29) และเป็นห้องที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือบรรดาศิษย์
(กจ 2:1-4) ปี 614 ชาวเปอร์เซียได้ทำลายสถานที่แห่งนี้ ศตวรรษที่ 12 พวกครูเสดได้สร้างขนึ้มาใหม่เป็นอาคาร
2 ชั้น ปี 1176 หีบศพของกษัตริย์ดาวิดได้นำมาประดิษฐานที่ชั้นล่าง
ปี 1552 พวกเติร์กได้ยึดครองและดัดแปรงเป็นสุเหล่า
หลุมศพของกษัตริย์ดาวิดถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งในเยรูซาเล็ม
รองจากกำแพงร้องไห้ที่ชาวยิวพากันมาอธิษฐานภาวนาเป็นประจำ ผู้ค้นพบหีบศพของกษัตริย์ดาวิดเป็นอาจารย์พระคัมภีร์ของชาวยิวชื่อเบนจามินแห่งตูเดลา
เมื่อครั้งเยี่ยมกรุงเยรูซาเล็มปี 1172 หีบนี้ทำจากหิน คลุมด้วยผ้ากำมะหยี่
ประดับประดาด้วยมงกุฎและภาชนะเงินที่ใช้บรรจุม้วนพระคัมภีร์
วัดนักบุญเปโตร
ไก่ขันสร้างขึ้นปี 1931 ณ สถานที่ที่ถือกันว่าเคยเป็นบ้านของมหา สมณะคายาฟาส หลังจากที่พระเยซูเจ้าถูกทรยศและจับกุมตัวในสวนมะกอก
พระองค์ถูกนำตัวมาที่บ้านนี้ ทรงถูกตัดสินเป็นครั้งแรกบรรดาหัวหน้ามหาสมณะและสมาชิกสภาซันเฮดริน
(มธ 26:57-63, มก 14:53-65, ลก
22:63-71, ยน 18:12-14) ที่นี่นักบุญเปโตรได้ปฏิเสธพระองค์ 3
ครั้งก่อนที่ไก่จะขัน 2 ครั้ง
จากสิ่งที่ขุดพบในสถานที่แห่งนี้สนับสนุนความเชื่อว่านี่เป็นบ้านของคายาฟาส
บ่อน้ำที่เชื่อกันว่าหลังจากถูกตัดสินพระเยซูเจ้าถูกทรมานและหย่อนลงในบ่อนี้ตลอดทั้งคืน
โดยมีบรรดาทหารคอยเฝ้า ที่ผนังชั้นใต้ดินพบห้องขังและจุดที่ผูกแขนตีตรวนนักโทษหรือผู้กระทำความผิด
เราเห็นถึงความเข้มแข็งของพระเยซูเจ้าต่อหน้ามหาสมณะและสมาชิกสภาในบ้าน กับเปโตรที่อ่อนแอซึ่งอยู่นอกบ้าน
Ecce
Homo Convent, Jerusalem, ISRAEL
19
เมษายน 2018
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น