วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2561

การฉลองพระเมตตา


การฉลองพระเมตตา
สัปดาห์ที่ 2
เทศกาลปัสกา
(ฉลองพระเมตตา)
กจ 4:32-35
1ยน 5:1-6
ยน 20:19-31
บทนำ
ปี 1984  นิตยสารไทม์ได้ขึ้นปกชายสองคนกำลังจับมือกันอย่างเป็นกันเองที่เรือนจำแห่งหนึ่ง ชายคนหนึ่งคือ เมเหม็ด อาลี อักกา ชายหนุ่มที่ลั่นกระสุนหมายสังหารพระสันตะปาปา ชายอีกคนคือ พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ผู้ตกเป็นเหยื่อและเป้าหมายของการสังหาร พระองค์ได้สวมกอดและยกโทษให้ผู้ที่พยายามสังหารพระองค์ นี่เป็นภาพลักษณ์ของพระเมตตาที่มีชีวิต ทรงสอนการให้อภัยและการคืนดีกัน
ทั้งคู่ได้สนทนากันอย่างใกล้ชิด หลังการสนทนาสิ้นสุดลง อาลี อักกาได้ยกพระหัตถ์ของพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 แตะที่หน้าผากของเขา เป็นเครื่องหมายของการแสดงความเคารพและพระสันตะปาปาทรงสัมผัสมือเขา เมื่อเสด็จออกจากเรือนจำพระองค์ตรัสว่า “พ่อได้พูดกับเขาอย่างพี่น้อง ผู้ซึ่งพ่อได้ยกโทษและวางใจเขาอย่างสิ้นเชิง” นี่คือแบบอย่างของพระเมตตาของพระเจ้า แบบเดียวกับที่นักบุญโฟสตินาได้เป็นพยาน
นักบุญองค์โพสตินาได้เป็นพยานด้วยชีวิต ให้เราได้รักษาความเชื่อและความหวังในพระบิดาเจ้า ผู้ทรงพระเมตตาอย่างล้นเหลือและทรงช่วยเราให้รอดด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์ อีกทั้ง เชิญชวนให้อธิษฐานภาวนาเพื่อวิญญาณทั้งหลาย ได้วางใจในพระเมตตาของพระเจ้าที่ไม่อาจเข้าใจได้ ซึ่งพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ได้แต่งตั้งบุญราศีโฟสตินาเป็นนักบุญเมื่อ 30 เมษายน  2000 และกำหนดให้สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกาเป็นวันฉลองพระเมตตา
1.        การฉลองพระเมตตา
บทอ่านวันนี้เกี่ยวข้องกับพระเมตตา ความวางใจ และการให้อภัยบาป  พระเจ้าได้แสดงความเมตตาต่อเราด้วยการส่งบุตรสุดที่รักของพระองค์ให้มาไถ่บาปเราให้รอด ผ่านทางพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ หนังสือกิจการอัครสาวกได้ให้บทสรุปเกี่ยวกับชีวิตคริสตชนในระยะเริ่มแรก ที่ปฏิบัติต่อกันความรัก ความเห็นอกเห็นใจและความเมตตาของพระเจ้าตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอน
บรรดาคริสตชนได้ดำเนินชีวิตหมู่คณะที่เป็นพยานถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งได้รับพลังจากการอธิษฐานภาวนาร่วมกันในพิธีบิขนมปัง และปฏิบัติตามคำสอนของบรรดาอัครสาวกที่เน้นงานเมตตากิจ จดหมายของนักบุญยอห์น ฉบับที่ 1 ได้เน้นพันธะแห่งความรักระหว่างคริสตชนกับพระเจ้าพระบิดา บนพื้นฐานแห่งความเชื่อในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ซึ่งอาศัยความเชื่อนี้ทำให้เราเป็นบุตรบุญธรรมของพระบิดาเจ้า
พระวรสารวันนี้ ระลึกถึงการปรากฏพระองค์ของพระเยซูเจ้าแก่บรรดาสาวกในตอนค่ำวันต้นสัปดาห์ เตือนใจเราถึงศีลแห่งการคืนดีที่ทรงประทานแก่บรรดาสาวก ซึ่งเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตาของพระเจ้าในการอภัยบาป “ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย” (ยน 20:19-23)
อีกทั้ง ได้เน้นถึงความสำคัญของความเชื่อในการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า ผู้กลับคืนพระชนม์ชีพซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งพระเมตตาในหมู่คริสตชน เราเชื่อแม้ไม่ได้เห็นด้วยตา เราได้รับการเชื้อเชิญให้ยอมรับและเชื่อในพระเมตตาของพระเจ้าโดยไม่ลังเล และปราศจากความคลางแคลงสงสัย
2.       บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ ได้ให้แนวปฏิบัติสำหรับเราในการดำเนินชีวิตคริสตชนหลายประการ
ประการแรก เราต้องปฏิบัติตนบนพื้นฐานของความเมตตาของพระเจ้า พระศาสนจักรเฉลิมฉลองพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดี การหมั่นมารับศีลอภัยบาปเป็นหนทางที่เราดำเนินชีวิตในความเมตตาของพระเจ้า พระเยซูเจ้าบอกเราว่า “ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” (มธ 5:48) เราต้องแสดงความเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องทุกที่ ทั้งในคำพูด กิจการ และการอธิษฐานภาวนา
ประการที่สอง เราต้องรักและรับใช้เพื่อนมนุษย์ทุกคน การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อช่วยเราให้สามารถมองเห็นพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพในทุกคน และช่วยเราให้มีความปรารถนารับใช้กันและกันด้วยความรัก นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา ได้ใช้แนวทางนี้ในการสอนสมาชิก “ถ้าเราภาวนา เราจะเชื่อ; ถ้าเราเชื่อ เราจะรัก; ถ้าเรารัก เราจะรับใช้ ซึ่งเป็นการทำให้ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าปรากฏเป็นจริงในกิจการ” 
ประการที่สาม เราต้องแสดงความเมตตาด้วยการแบ่งปันสิ่งที่เรามีแก่ผู้อื่น เรื่องราวกลุ่มคริสตชนแรกที่เราได้ยินในบทอ่านที่หนึ่ง บอกให้เราทราบว่าพวกเขาได้นำที่สิ่งที่ตนเองมีมาวางเป็นกองกลาง เพื่อให้บรรดาอัครสาวกแบ่งปันแก่ผู้ขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ นี่เป็นเครื่องหมายแห่งพระเมตตาของพระเจ้าในภาคปฏิบัติ ที่ทุกคนปฏิบัติต่อกันอย่างพี่น้อง ในกลุ่มคริสตชนแรกจึงไม่มีใครขัดสน และเป็นหนทางที่ทำให้พวกเขามีสันติสุขแท้
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ทุกครั้งที่เรามอบสันติสุขแก่กันในพิธีบูชาขอบพระคุณ ต้องเป็นการแสดงออกถึงท่าทีแห่งความเมตตา การให้อภัย และสันติสุขแท้จริงจากใจเราแก่กัน สันติสุขจะบังเกิดขึ้นในใจเราก็ต่อเมื่อ
·  เราได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งความรักที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา “รักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ สิ้นสุดสติปัญญา และสิ้นสุดกำลังความสามารถ และรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง” (เทียบ มธ 22:37-39)
·  เราได้ใส่ใจในความต้องการของเพื่อนพี่น้อง “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้อง ผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40)
ศิษย์พระคริสต์ต้องสานต่อพันธกิจของพระเยซูเจ้า ในงานเมตตาจิต งานแห่งความรักและการให้อภัยไม่สิ้นสุดในชีวิตประจำวันของเรา ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องมือในการสร้างสันติสุขในสังคมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และการแตกแยกรุนแรงอย่างในปัจจุบัน โดยเริ่มจากการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในครอบครัว หมู่คณะ และชุมชนวัดของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
7 เมษายน 2018
ที่มาภาพ: http://anadstpaul.tumblr.com/post/81714578659/turningtables4ever-a-real-life-example-of-what

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น