วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

ตามรอยพระบาทพระเยซูเจ้า6



กัลวารีโอ บ่อเกิดแห่งความเชื่อ
พระวรสารของนักบุญยอห์นเป็นพระวรสารลึกซึ้งที่สุด เต็มไปด้วยเครื่องหมายและสัญลักษณ์ นักบุญยอห์นประกาศตั้งแต่เริ่มต้นว่า “พระเยซูเจ้าเป็นใคร” พระเยซูเจ้าเป็นพระวจนาตถ์และเป็นพระเจ้า “เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า” (ยน 1:1) ยอห์นบันทึกพระวรสารได้ล้ำลึกกว่าคนอื่น เพราะยอห์นอายุยืนที่สุดผ่านการไตร่ตรองมาทั้งชีวิต และยอห์นอยู่กับพระนางมารีย์ผู้ที่ใกล้ชิดพระเยซูเจ้ามากที่สุด
พระนางมารีย์อยู่กับยอห์นแทบเชิงกางเขน และพระเยซูเจ้าตรัสกับพระมารดาว่า หญิงเอ่ย นี่คือลูกของท่าน แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า นี่คือแม่ของท่าน ตั้งแต่เวลานั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน” (ยน 19:26-27) พระเยซูเจ้าตรัส “หญิงเอ่ย” เพียง 2 ครั้งในพระวรสารคือที่หมู่บ้านคานาและแทบเชิงกางเขน ซึ่งหมายถึงพระนางมารีย์เป็นมารดาของพระศาสนจักรและมารดาของเราทุกคน ดังนั้น ศิษย์พระคริสต์ทุกคนต้องรับพระนางมารีย์เป็นมารดาของตน แต่ในเชิงประวัติศาสตร์พระนางมารีย์ได้ไปอยู่กับยอห์นที่เอเฟซัส



ขณะที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ “พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าทุกสิ่งสำเร็จแล้ว จึงตรัสว่า เรากระหาย พระคัมภีร์ตอนนี้จึงเป็นจริงด้วย” (ยน 19:28) พระเยซูเจ้าทรงกระหายพระประสงค์ของพระเจ้าคือการกอบกู้มนุษยชาติ ซึ่งบรรลุถึงความสมบูรณ์บนไม้กางเขน ดังนั้น ไม้กางเขนจึงเป็นบ่อเกิดแห่งความเชื่อของเราคริสตชน “พระองค์ทรงเอนพระเศียรและสิ้นพระชนม์” (ยน 19:30) ในภาษาต้นฉบับพระองค์ไม่ได้สิ้นพระชนม์แต่ทรงส่งพระจิตเจ้า และเมื่อทหารใช้หอกแทงสีข้าง “โลหิตและน้ำก็ไหลออกมาทันที” (ยน 19:34) ไม่มีที่ไหนยิ่งใหญ่กว่าบนเนินกัลวารีโอที่พระจิตเจ้า น้ำ และพระโลหิตอยู่ด้วยกัน พระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนคือความเชื่อของเรา




เนินกัลวารีโอ
เนินกัลวารีโอในปัจจุบันอยู่ในบริเวณวัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (The Church of the Holy Sepulcher) สภาพเดิมเป็นเนินหินลาดกว้างใหญ่ มีความสูง 45 ฟุต จากบริเวณพื้นโดยรอบ เรียกว่า “เนินหัวกะโหลก” อาจเป็นเพราะมีลักษณะคล้ายหัวกะโหลก “เขาตรึงพระองค์บนไม้กางเขนที่นั่นพร้อมกับนักโทษอีกสองคน อยู่คนละข้าง พระเยซูเจ้าทรงอยู่ตรงกลาง” (ยน 19:17) นี่คือบัลลังก์กษัตริย์ที่พระองค์ทรงประทับ ไม่ใช่อย่างกษัตริย์ที่ทรงอำนาจ แต่ทรงเป็นลูกแกะพระเจ้าที่ทรงมอบชีวิตเพื่อไถ่มนุษยชาติ
บนเนินกัลวารีโอมีวัดน้อย 2 แห่ง แห่งแรกเป็นที่ถอดพระภูษาและตรึงพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน เป็นกรรมสิทธิ์ของคาทอลิก และแห่งที่สองเป็นที่ปักกางเขนเป็นกรรมสิทธิ์ของกรีกออโธดอกซ์ หินที่ใช้ปักไม้กางเขนยังสามารถเห็นได้ใต้พระแท่นที่สร้างถวายแด่แม่พระมหาทุกข์ และชั้นล่างสุดมีวัดน้อยของอาดัมที่เชื่อกันว่าถูกฝังไว้ที่นี่ โลหิตและน้ำของพระเยซูเจ้าได้ไหลชโลมแผ่นหินตามรอยแตก เพื่อแสดงให้เห็นว่าการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระองค์ ได้ชำระบาปของมนุษย์ทุกคนตั้งแต่อาดัมมนุษย์คนแรก



พระคูหาว่างเปล่า พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ
เราได้ไปดูวัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าหลายครั้ง ทั้งเวลาเปิดและเวลาปิด โดยเฉพาะเวลาเปิด ทุกคนไปออที่ประตูเพราะอยากเป็นเหมือนมารีย์ชาวมักดาลาที่เข้าไปที่พระคูหาเป็นคนแรก นางพบพระคูหาว่างเปล่า พระคูหาของพระเยซูเจ้าต่างจากหลุมศพหรือสุสานของบุคคลสำคัญของโลกที่มีร่างฝังอยู่ พระคูหาของพระองค์ว่างเปล่าเพราะพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ได้ทรงกระทำอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ทรงฝืนกฎธรรมชาติและพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า
การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นความเชื่อพื้นฐานของเราคริสตชน ถือเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมและการฉลองทั้งหลายตลอดปี ความเชื่อ ความรัก และความหวังแห่งชีวิตคริสตชนอยู่ที่การกลับคืนพระชนมชีพนี้ ดังที่นักบุญเปาโลเขียนเอาไว้ว่า “ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน” (1 คร 15:14)
มารีย์ชาวมักดาลาหลังจากพบพระคูหาว่างเปล่า ได้วิ่งกลับไปบอกซีโมนเปโตรและศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก “ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน” (ยน 20:4) เราพบความจริงว่าความรักเป็นพลังผลักดันทำให้ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร ความรักวิ่งเร็วกว่าความเชื่อ เปโตรเป็นตัวแทนของความเชื่อ ศิษย์ที่ทรงรักเป็นความรัก และมารีย์ชาวมักดาลาเป็นสตรีแห่งความหวัง การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าทรงเป็นความเชื่อ ความรัก และความหวังของพระศาสนจักร
พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยธรรมล้ำลึกเรื่องพระศาสนจักรที่หน้าพระคูหา “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้เลย เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปเฝ้าพระบิดา แต่จงไปหาพี่น้องของเรา และบอกเขาว่า เรากำลังขึ้นไปเฝ้าพระบิดาของเรา และพระบิดาของท่านทั้งหลาย ไปเฝ้าพระเจ้าของเรา และพระเจ้าของท่านทั้งหลาย” (ยน 20:17) ศิษย์ของพระคริสต์ถูกเรียกว่า “พี่น้องของเรา” ทุกคนที่เชื่อในพระเยซูเจ้าเป็นพี่น้องของเรา การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ทำให้เราเป็นพี่น้องกัน ทำให้เราเป็นลูกของพระบิดา และทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า





วัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์
วัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างครอบเนินกัลวารีโอที่พระพระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงและพระคูหาซึ่งใช้เป็นที่วางพระศพ สร้างขึ้นตามคำสั่งของจักรพรรดิคอนสแตนตินหลังสังคายนาที่นีเชอาปี 325 เมื่อพระนางเฮเลนาเดินทางไปเยรูซาเล็ม และได้ค้นพบพระคูหาของพระเยซูเจ้าในความฝัน ปี 614 วัดหลังนี้ได้ถูกพวกเปอร์เซียทำลาย ต่อมาได้มีการสร้างวัดขึ้นใหม่แต่มีขนาดเล็กกว่าเดิม ที่สุด ได้ถูกทำลายอีกครั้งจากกาลิบฮาเก็มปี 1009
การทำลายวัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์และวัดต่างๆ ในเยรูซาเล็มได้ก่อให้เกิดสงครามคูเสด เพื่อกอบกู้แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จากการรุกราณของมุสลิม ภายหลังที่ยึดเยรูซาเล็มได้พวกครูเสดได้สร้างวัดอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน มีการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง โดยอยู่ในความดูแลของหลายฝ่ายถึง 6 หมู่คณะ ตามที่ผู้ปกครองชาวเติร์กได้ตกลงกันเมื่อปี 1852 ในสมัยพระเยซูเจ้าสถานที่แห่งนี้อยู่นอกกำแพงเมือง เนื่องจากชาวยิวมีธรรมเนียมฝังศพนอกกำแพงเมือง





ภายในวัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ มีแผ่นหินที่ใช้ชโลมพระศพของพระเยซูเจ้า เมื่อพระนางมารีย์ได้รับพระศพที่ปลดลงจากไม้กางเขน พระศพของพระเยซูเจ้าได้รับการพันด้วยผ้า พร้อมกับใส่เครื่องหอมตามประเพณีฝังศพของชาวยิว (ยน 19:38-40) สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ 13 สำหรับการเดินรูป 14 ภาค ส่วนพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีเดียวเป็นคูหาขุดใหม่ยังไม่เคยใช้ฝังผู้ใดเลย (ยน 19:41-42)
ปัจจุบันสร้างเป็นหินอ่อนโดยรอบ ด้านหน้าเหนือทางเข้าพระคูหามีภาพเขียนพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ ประดับด้วยโคมไฟ 42 ดวงที่จุดทั้งวันทั้งคืน 13 ดวงสำหรับจารีตลาติน, กรีกออโธดอกซ์ และอาเมเนียน กับอีก 4 ดวงสำหรับพวกคอบติกส์ นับเป็นพระพรของพระเจ้าที่พวกเราได้มีโอกาสตื่นเฝ้าในวัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งคืน ได้มีเวลาการอธิษฐานภาวนาและไตร่ตรองชีวิตของตน อีกทั้งได้ร่วมกันถวายพิธีบูชาขอบพระคุณที่พระแท่นใกล้กับที่ปักกางเขนของพระเยซูเจ้า




คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
The Club Hotel & Resorts, Tiberias, ISRAEL
23 เมษายน 2018

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น