วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567

พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับฉัน

 

พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับฉัน

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา

ปี B

อสย 50:5-9

ยก 2:14-18

มก 8:27-35

บทนำ

 มีคำถามหนึ่งซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมากในศตวรรษที่ 19  “ใครคืออัจฉริยะด้านวรรณกรรม ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” ปรากฏชื่อบุคคลสำคัญ 2 คน ได้แก่ วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ กับ พระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธ เกี่ยวกับเรื่องนี้ชาร์ลส์ แลมป์ (Charles Lamb) นักเขียนเรื่องสั้นชาวอังกฤษได้ให้ข้อยุติว่า “ความแตกต่างระหว่างบุคคลทั้งสองคือ หากเชกสเปียร์เดินเข้ามาในห้องเวลานี้ เราทั้งหมดจะยืนขึ้นต้อนรับเขา แต่ถ้าพระเยซูเจ้าเสด็จมา เราจะกราบลงและนมัสการพระองค์”

นี่คือความแตกต่างระหว่างพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธ กับบุคคลที่เราคิดว่าสำคัญที่สุด พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ขณะที่คนอื่นทั้งหลายเป็นเพียงมนุษย์ พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเราให้รู้จักพระองค์เป็นการส่วนตัว ดังนั้น พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้ค้นหา รักและรับใช้พระองค์ ด้วยการเปิดหัวใจของเราเรียนรู้และมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับพระองค์ เพื่อรู้ว่าพระองค์เป็นใครสำหรับเรา มีความหมายอย่างไรสำหรับชีวิตของเรา

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีผู้คนเป็นจำนวนมากยังไม่รู้จักพระเยซูเจ้า เนื่องจากไม่เคยพบเห็นพระองค์ หรือไม่มีใครพูดถึงพระองค์ให้พวกเขาฟัง คำถามที่ว่า “พระเยซูเจ้าเป็นใคร” จึงเป็นคำถามที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด และมีผู้ให้คำตอบมากมายหลายแบบแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน วันนี้พระเยซูเจ้าทรงถามเราแต่ละคน “ท่านละว่าเราเป็นใคร” (มก 8:29)

1.        พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับฉัน

พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงถามความเห็นบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” (มก 8:27) สมัยนั้นยังไม่มีการสำรวจประชามติ (Poll) เหมือนในปัจจุบัน วิธีง่ายที่สุดคือถามความเห็นจากคนใกล้ชิด และบรรดาศิษย์ได้สะท้อนคำตอบของประชาชนในลักษณะต่าง ๆ เช่น ยอห์นผู้ทำพิธีล้าง ประกาศกเอลิยาห์ หรือประกาศองค์ใดองค์หนึ่ง แต่สิ่งสำคัญสำหรับพระเยซูเจ้ามิใช่ความเห็นของประชาชน แต่เป็นคำตอบของบรรดาศิษย์และเราแต่ละคนว่า “พระองค์เป็นใครสำหรับฉัน”

เปโตรได้ทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” (มก 8:29) คำว่า “พระคริสต์” ในภาษากรีกมีความหมายเดียวกันกับคำว่า “พระเมสสิยาห์” ในภาษาฮีบรู ซึ่งหมายถึง “ผู้ได้รับเจิม” หรือพระผู้ช่วยให้รอด ตลอดเวลายาวนานชาวยิวรอคอยพระเมสสิยาห์ มาปลดปล่อยพวกเขาจากการกดขี่ของพวกโรมัน ซึ่งเป็นความเข้าใจทางการเมืองเหมือนอัศวินขี่ม้าขาว พวกเขาไม่เคยคิดว่า พระเมสสิยาห์เป็น “พระคริสตเจ้า ผู้รับการทรมาน” เพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากบาป

พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้บรรดาศิษย์ทราบเป็นครั้งแรกว่า พระองค์จะต้องรับการทรมาน ถูกประหารชีวิต และกลับคืนชีพในวันที่สาม (ดู มก 8:31) ทรงแสดงให้เห็นว่า แผนการของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้รอดไม่ใช่ในฐานะผู้นำทางการเมือง แต่เป็นพระคริสตเจ้า ผู้รับการทรมาน เปโตรไม่เข้าใจ รับไม่ได้ และถูกพระเยซูเจ้าตำหนิ “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง” (มก 8:33) และทรงท้าทายบรรดาศิษย์แต่ละคน : 1) ให้เลิกนึกถึงตนเอง, 2) แบกไม้กางเขนของตน และ 3) ติดตามพระองค์ นี่คือเงื่อนไขสำคัญของการเป็นศิษย์และเป็นคริสตชน

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับฉัน เราสามารถกล่าวได้ไหมว่า พระเยซูเจ้าคือผู้ที่เราเชื่อและรักมากที่สุด ทรงเป็นแสงสว่างนำทางชีวิต และเป็นทุกอย่างสำหรับชีวิตเรา ปราศจากพระองค์เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย มีเพียงพระองค์เท่านั้นทรงเป็นหลักชัยแห่งชีวิตและทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่าและความหมาย ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเรา ทรงรักเรา ให้อภัยบาปเรา ช่วยเหลือเรา และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา

ประการที่สอง เราต้องเลิกนึกถึงตนเอง ด้วยการมอบตนเองแด่พระเจ้า ยึดถือพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นลำดับแรกมากกว่าน้ำใจของเรา อีกทั้ง ทำความสะอาดจิตใจและปรับเปลี่ยนชีวิตของเราจากนิสัยไม่ดีต่าง ๆ สวมใส่จิตใจใหม่ของพระเยซูเจ้า ให้หัวใจของเราเต้นในจังหวะเดียวกันกับพระองค์เพื่อแบ่งปันพระองค์กับผู้อื่น นั่นคือการไม่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ปฏิเสธตนเองและตอบรับพระเจ้า

ประการที่สาม เราต้องแบกไม้กางเขนของตน เราต้องมีประสบการณ์พระเยซูเจ้า ผู้รับการทรมาน เปโตรไม่เข้าใจว่าทำไมพระคริสตเจ้าต้องรับทุกข์ทรมาน หลายครั้งเราเองก็เหมือนเปโตร ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นกับเรา ความทุกข์ต่าง ๆ ในโลกนี้แม้บางครั้งเราไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยมีความหมายสำหรับเรา เพราะนี่คือไม้กางเขนที่เราต้องแบกร่วมกับพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นมุมมองใหม่ที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหวังและกำลังใจ

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเป็น พระคริสตเจ้า” ที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย เราต้องเชื่อในพระองค์ และหมั่นมาหาพระองค์บ่อย ๆ ทางศีลศักดิ์สิทธิ์  ในพิธีบูชาขอบพระคุณ และการอธิษฐานภาวนา เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และเพื่อนพี่น้อง ชีวิตของเราต้องเป็นพยานแห่งข่าวดี และเครื่องหมายที่มองเห็นได้ซึ่งทำให้คนอื่นได้รู้ว่า พระเยซูเจ้าเป็นใครและมีความหมายอย่างไรสำหรับเรา

พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้เลิกนึกถึงตนเอง แบกไม้กางเขนของตน และติดตามพระองค์ ผู้ทรงนอบน้อมเชื่อฟังพระบิดาเจ้า ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก และทรงรับใช้จนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน ศิษย์พระคริสต์ต้องเปิดดวงใจต่อหนทางแห่งไม้กางเขนและพระทรมานของพระเยซูเจ้า เลียนแบบพระองค์บนเส้นทางแห่งการรับใช้ แสวงหาพระประสงค์ของพระบิดาเจ้ามากกว่าน้ำใจของตน และพร้อมอุทิศตนทั้งครบเพื่อเป็นศิษย์ติดตามพระองค์

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

14 กันยายน 2024

ภาพ : พระคุณเจ้าวีระเดช ใจเสรีกับพี่น้องดอนม่วย, วัดบุญราศีทั้งเจ็ดแห่งประเทศไทย ดอนถ่อน, สกลนคร; 2024-09-14

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น