วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562

เงื่อนไขของการเป็นศิษย์


เงื่อนไขของการเป็นศิษย์
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
ปี C
ปชญ 9:13-18
ฟม 9-10, 12-17
ลก 14:25-33
บทนำ
นักบุญโทมัส มอร์ (St. Thomas More :  1477-1535) รัฐบุรุษชาวอังกฤษซึ่งเคยรับราชการในตำแหน่งมหาเสนาบดี (Lord Chancellor) ของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งอังกฤษ ถือเป็นนักกฎหมาย นักคิด นักเขียนที่มีชื่อเสียง ผลงานอมตะโด่งดังเป็นที่รู้จักคือ ยูโทเปีย (Utopia) ซึ่งเป็นการเขียนวิจารณ์ความเลวร้ายของสังคมในยุคนั้น และกล่าวถึงเมืองในอุดมคติ เป็นสังคมที่พึงปรารถนาของผู้คนในสมัยนั้น
โทมัส มอร์ ถูกจับในข้อหาการกบฏเพราะปฏิเสธไม่ยอมลงนามรับรองการแต่งงานครั้งที่สองของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ว่าเป็นสิ่งถูกต้อง อีกทั้งไม่ยอมรับอำนาจสูงสุดทางศาสนาของพระองค์ว่าอยู่เหนือพระสันตะปาปา แม้ครอบครัวจะวิงวอนให้เห็นแก่ชีวิตของตนเองและชีวิตของพวกเขา ภรรยากับบุตรสาวพยายามอย่างสุดความสามารถในการชักชวนมอร์ให้เปลี่ยนใจดังเช่นข้าราชการคนอื่น แต่ มอร์ ยังคงปฏิเสธไม่ยอมทำสิ่งที่ตนเองรู้ว่าผิด
ที่สุด โทมัส มอร์ ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะเมื่อ 6 กรกฎาคม 1535 และได้กล่าวกับฝูงชน ณ ลานประหารว่า “ข้าพเจ้าตายอย่างผู้รับใช้ที่ดีของกษัตริย์ หากแต่พระเจ้าต้องมาเป็นลำดับแรก ท่านนักบุญได้จ่ายค่าแห่งการเป็นศิษย์พระคริสต์ด้วยการรักพระเจ้ามากว่าบุตร ภรรยา พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตน บทอ่านวันนี้ท้าทายเราให้อุทิศตนเพื่อพระเจ้า พระองค์ต้องยิ่งใหญ่และสำคัญเป็นลำดับแรกในชีวิตของเรา
1.       เงื่อนไขแห่งการเป็นศิษย์
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงท้าทายและให้แนวทางหลายประการในการเป็นคริสตชน ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
เงื่อนไขแรก การสละบุคคลอันเป็นที่รัก “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิงและแม้พระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้” (ลก 14:26) ธรรมชาติมนุษย์ต่างรักชีวิตของตน หากไม่มีชีวิตแล้วทุกสิ่งล้วนไร้ค่า ถัดมาเป็นครอบครัวและข้าวของทรัพย์สมบัติ พระเยซูเจ้าไม่ได้เรียกร้องให้เราเกลียดชีวิตของตน หรือเกลียดชังบุคคลอันเป็นที่รัก อย่างบิดามารดา บุตร ภรรยา พี่น้องชายหญิง แต่ทรงเตือนใจเราว่า เราต้องรักพระเจ้ามากกว่าบุคคลเหล่านี้ พระเจ้าต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
เงื่อนไขที่สอง การแบกกางเขนของตนและติดตามพระองค์ “ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้เช่นเดียวกัน” (ลก 14:27) ทุกครั้งที่เราแบกกางเขนของตนเท่ากับว่า เราได้แบกกางเขนของพระเยซูเจ้า ดังนั้น ความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตจึงมีความหมายสำหรับคริสตชน เพราะนี่คือท่อธารแห่งพระพรที่นำเราให้ชิดสนิทและเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า ประการสำคัญ ทำให้เราร่วมส่วนในพระมหาทรมานของพระองค์ ผ่านทางกางเขนนำไปสู่ความรอดนิรันดร
และเงื่อนไขสุดท้าย การสละทุกสิ่งที่มี “ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้” (ลก 14:33) พระเยซูเจ้ามิได้หมายถึงให้เราขายทุกสิ่งที่มีแล้วใช้ชีวิตอย่างอนาถาข้างถนน แต่ทรงหมายถึงการรู้จักคิดคำนวณอย่างรอบคอบและใช้ทุกสิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์ มิใช่สำหรับตนเองเท่านั้นแต่สำหรับผู้อื่น ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่มีและพระพรต่าง ๆ กับคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
2.       บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก พระเจ้าต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา เป้าหมายแห่งชีวิตมนุษย์คือการเข้าอยู่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า เราไม่สามารถเป็นศิษย์แท้จริงของพระองค์ได้หากเราให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นมากกว่าพระองค์ เครื่องหมายบ่งบอกว่า พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเราคือการอธิษฐานภาวนาประจำวัน, การร่วมพิธีศีลมหาสนิททุกวันอาทิตย์, การอ่านและศึกษาพระคัมภีร์, การช่วยงานวัด หรือการให้เวลาและแบ่งปันพระพรที่เรามีในงานของพระองค์
ประการที่สอง เราต้องแบกกางเขนของตนทุกวัน ด้วยการรับผิดชอบต่อหน้าที่ประจำวันที่ได้รับมอบหมาย พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาและความยากลำบากต่าง ๆ แม้กระทั่งยอมทนทุกข์เพื่อเห็นแก่พระเจ้า ผู้แบกกางเขนของตนทุกวันแสดงถึงการเป็นผู้ติดตามพระองค์อย่างซื่อสัตย์  และพระองค์จะประทานพละกำลังและพระพรจำเป็นแก่เขาในการเอาชนะอุปสรรคทุกอย่าง
ประการสุดท้าย เราต้องรู้จักแบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้อื่น ทุกสิ่งที่เรามีล้วนแล้วแต่เป็นพระพรของพระเจ้าทั้งนั้น ซึ่งมิใช่สำหรับตัวเราเอง หรือพวกพ้อง พี่น้องชายหญิงของเราเท่านั้น แต่เราต้องใจกว้าง คิดถึงคนอื่นและใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับสังคมและความดีส่วนรวม ด้วยการแบ่งปันทุกสิ่งที่มีกับคนทุกข์ยากเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เป็นต้น คนยากจนที่อยู่ในสภาพด้อยกว่าเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงให้แนวทางในการเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ด้วยการรักพระองค์มากกว่าสิ่งอื่นใด พระเจ้าต้องสำคัญที่สุดและเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา เมื่อเราดำเนินชีวิตในความรักของพระเจ้า เราจะปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนพี่น้องที่มีพระบิดาเจ้าองค์เดียวกัน ไม่มีทาสไม่มีไท ไม่มียิวไม่มีกรีก ทุกคนต่างเป็นพี่น้องเท่าเสมอกันต่อหน้าพระเจ้า ซึ่งเราต้องรักโดยไม่มีเงื่อนไขและให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
เราต้องแบกกางเขนของตนทุกวัน รับผิดชอบต่อหน้าที่และน้อมรับความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อร่วมส่วนในพระมหาทรมานของพระองค์ อีกทั้งต้องไม่ติดใจอยู่กับข้าวของทรัพย์สมบัติในโลกนี้ ศิษย์พระคริสต์ต้องรักพระเจ้ามากกว่าสิ่งอื่นใด แสดงออกในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ประจำวัน รู้จักตัดสละและแบ่งปันทุกสิ่งที่มีกับผู้เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
lkhuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
7 กันยายน 2019
ภาพ: พระอัครสังฆราชอันตน วีระเดช ใจเสรี, วัดพระหฤทัยคู่ สกลนคร, สกลนคร; 2022-08-27


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น