บุตรของโลกนี้
|
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
อมส 8:4-7
1 ทธ 2:1-8
ลก 16:1-13
|
บทนำ
พระวรสารวันนี้พูดถึงอุปมาเรื่องผู้จัดการทุจริตและถูกนายจับได้
เขาแก้ปัญหาด้วยการแก้บัญชีลูกหนี้ของนายเพื่อหวังพึ่งพายามถูกไล่ออก เป็นเรื่องปกติที่บรรดาเศรษฐี หรือเจ้าของที่ดินในปาเลสไตน์แต่งตั้งผู้จัดการทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สิน
และจัดการผลประโยชน์ทั้งหมดของตน ในแบบเดียวกับโยเซฟเป็นผู้จัดการที่อียิปต์ โปตีฟาร์มอบทุกอย่างให้โยเซฟเป็นผู้ดูแล
(เทียบ ปฐก 39:6)
ผู้จัดการในอุปมามีอำนาจแบบนั้น
แต่ต่างกันตรงที่โยเซฟเป็นคนซื่อสัตย์และมีคุณธรรมสูง ขณะที่ผู้จัดการทุจริตได้ฉ้อโกงเศรษฐีเจ้านายของตน
เศรษฐีจึงเรียกมาไต่ถามและขอให้เขาส่งบัญชีทั้งหมด ไม่จ้างเขาอีกต่อไป
ทำให้เขาตัดสินใจเรียกลูกหนี้ทั้งหมดของนายมาและแก้บัญชีหนี้สินให้น้อยลง
เพื่อให้เขาเป็นที่รักของบรรดาลูกหนี้ ซึ่งต้องนึกถึงบุญคุณและช่วยเหลือเขาเมื่อถูกไล่ออกจากงาน
นายชมวิธีแก้ปัญหาของผู้จัดการไม่ซื่อคนนี้
อุปมาเรื่องนี้เป็นปัญหาสำหรับผู้อ่านจำนวมมากที่คิดว่า พระเยซูเจ้ากำลังชื่นชมความไม่ซื่อสัตย์ของผู้จัดการทุจริต ความจริงพระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เห็นความกล้าหาญและความฉลาดของเขาที่รู้ว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นและวางแผนรับมืออย่างทันทันที เราต้องไม่ปล่อยเวลาและโอกาสให้ผ่านเลยไปโดยไม่ทำสิ่งดีใด
ๆ ต้องไม่รอจนถึงวินาทีสุดท้ายถึงเชื่อและกลับใจมาหาพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงสนับสนุนการฉ้อโกงและความไม่ซื่อสัตย์แต่อย่างใด
1.
บุตรของโลกนี้
เราแต่ละคนมีหน้าที่ในการบริหารจัดการสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้ดูแล
เราไม่ใช่เจ้าของ ทุกสิ่งล้วนเป็นของพระเจ้า ทรงมอบให้เราดูแลชั่วคราวในปัจจุบัน
ในอุปมาพระเยซูเจ้าบอกให้เราเผชิญปัญหาด้วยความกล้าหาญ โดยเฉพาะในการช่วยเหลือคนยากจนและคนต้องการความช่วยเหลือ
“การมี” ทรัพย์สมบัติไม่ใช่บาป แต่บาปเกิดจาก “การใช้” อย่างเห็นแก่ตัว ยิ่งเราเก็บรักษา เราจะสูญเสีย ยิ่งเราใช้เราจะมีมากขึ้น
ยิ่งเราให้มาก เราจะได้รับมาก
ผู้จัดการทุจริตสะท้อนภาพบุตรของโลกนี้ที่ทุจริต
คดโกง เอารัดเอาเปรียบ และแสวงหาประโยชน์ เขามีความฉลาดตามมาตรฐานของโลก
แต่มิใช่ตามมาตรฐานของพระเยซูเจ้า เรามีหน้าที่ต่อคนยากจนในการช่วยพวกเขาให้สามารถดำรงตนในสังคมอย่างสมศักดิ์ศรี
บนพื้นฐานของความรักและความยุติธรรมที่พระเยซูเจ้าทรงสอน
ศาสนาจะไม่มีความหมายหากไม่ตั้งอยู่บนความยุติธรรมและศีลธรรมอันดีงาม
นักบุญลูกาให้ความสนใจมากถึงอันตรายของการเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติในโลกนี้
เราสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติได้ แต่ต้องไม่ให้มันเป็นนายเหนือเรา “ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้” (ลก 16:13) พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เรายืนยันว่า ความวางใจของเราอยู่ที่ไหน
เงินทองและสิ่งของสามารถตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้าได้
แต่ไม่สามารถแทนที่พระเจ้าได้ พระเจ้าต้องเป็นที่หนึ่งและสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องไม่ประพฤติตามอย่างบุตรของโลกนี้ ซึ่งทุจริตและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ทรัพย์สมบัติเป็นของประทานจากพระเจ้า
แต่จะกลายเป็นสิ่งอันตรายหากเราไม่ใช้ตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราต้องใช้อย่างชาญฉลาด
คนชอบธรรมใช้ทรัพย์สินที่มีเพื่อเลี้ยงคนหิวโหยให้อิ่มท้อง ให้น้ำแก่คนกำลังกระหาย
ให้เครื่องนุ่งห่มแก่คนไม่มีใส่ ให้การต้อนรับคนแปลกหน้า
ไปเยี่ยมคนเจ็บป่วยและถูกจองจำ (เทียบ มธ 25:31-45)
ประการที่สอง เราต้องเป็นผู้จัดการซื่อสัตย์ ประกาศกอาโมสได้ตำหนิผู้นำศาสนาและคนมั่งมีในสมัยของท่านอย่างรุนแรง
เพราะพวกเขาหลอกลวงคนอื่นด้วยการโกงตาชั่งและเอารัดเอาเปรียบคนยากจนทุกรูปแบบ
อาโมสเป็นประกาศกที่ต่อสู้เพื่อคนยากจนและความอยุติธรรมในสังคม ปัจจุบันมีคนยากจนมากมายถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนร่ำรวย
เราต้องไม่เป็นส่วนหนึ่งของความอยุติธรรมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนวัดและหมู่คณะของเรา
ประการที่สาม เราต้องวางใจในพระเจ้า
ไม่วางใจในตนเองและข้าวของทรัพย์สมบัติของโลกนี้ อุปมาที่พระเยซูเจ้าเล่าได้แสดงให้เห็นผู้จัดการตามอย่างบุตรของโลกนี้
ซึ่งใช้ทุกวิธีทางเพื่อสร้างความมั่นคงให้ตัวเองในอนาคต คริสตชนต้องหวังในพระยุติธรรมของพระเจ้า
เชื่อในความช่วยเหลือและวางใจในพระหรรษทานของพระองค์ เพราะที่สุดแล้วเราต้องส่งมอบบัญชีชีวิตของเราคืนให้กับพระเจ้า
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้มีความกล้าหาญในการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าในทุกสถานการณ์
เราต้องวางใจและเชื่อในพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด และใช้ทรัพย์สมบัติที่มีในทางถูกต้องเหมาะสม
เพื่อนำเราไปหาพระเจ้าและความเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนมนุษย์ พระเจ้าได้ประทานเวลาและโอกาสแก่เราแล้ว เราต้องใช้อย่างชาญฉลาด ใช้พรสวรรค์
เวลา และพลังทั้งหมดที่มีเพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ตรงกับยุคสมัยของเรา “ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย
ก็จะซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย
ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย” (ลก 16:10) คุณธรรมสำคัญที่สุดคือ ความซื่อสัตย์ ดังคติที่ว่า “ความซื่อสัตย์เป็นนโยบายที่ดีที่สุด” ศิษย์พระคริสต์ต้องเป็นคนซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรงไปตรงมาแม้ในเรื่องเล็กน้อย
ใช้เวลา พรสวรรค์ และพลังทั้งหมดที่มีเพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน
ดอนม่วย, สกลนคร
20 กันยายน 2019
ที่มาภาพ :
http://www.sandzacke.rs/islamske-teme/licemjerstvo-bolest-naseg-drustva/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น