วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562

รวยจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม


รวยจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
ปี C
อมส 6:1ก,4-7
1 ทธ 6:11-16
ลก 16:19-31
บทนำ
ในการกล่าวปาฐกถาที่เอเชียสมาคม (Asia Society) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวว่า  “ต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ โดยมีเป้าหมายคือจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2579 มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีพัฒนาการทางสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมในสิทธิพื้นฐาน เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง”
ในความเป็นจริงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมีมานานจนยากแก่การแก้ไข เมื่อไม่นานมานี้นิตยสารฟอร์บส์ได้เปิดเผยรายชื่อ 50 อันดับมหาเศรษฐีประเทศไทย มีมูลค่าความร่ำรวยรวมสูงถึงกว่า 2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 4 หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นอกนั้น มหาเศรษฐีไทย 44 รายจาก 50 ราย ยังมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทุกวันนี้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในสังคมถูกขยายให้ห่างกันมากขึ้น
อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส สะท้อนให้เห็นลักษณะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวของคนสองคน คนหนึ่งร่ำรวยเป็นเศรษฐี ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นขอทานยากจนเข็ญใจ ชีวิตของคนทั้งสองแตกต่างกัน ไม่เพียงเรื่องฐานะความเป็นอยู่เท่านั้น แต่ยังแตกต่างกันระหว่างชีวิตหลังความตายอีกด้วย ความแตกต่างประการหลังนี้เห็นได้ถึงความเด็ดขาดและถาวร ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ ส่งผลให้เศรษฐีต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
1.        รวยจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม
พระวรสารวันนี้ได้นำเสนอเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส พระเยซูเจ้าได้ฉายภาพชีวิตเศรษฐีที่อยู่อย่างคนโลภและฟุ่มเฟือย “แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน” (ลก 16:19) เขาได้ละเลยบัญญัติเอกและสำคัญที่สุดคือ จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจและรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองชีวิตของเขาตั้งอยู่บนความสะดวกสบายด้านวัตถุและทำทุกอย่างเพื่อตนเอง โดยไม่เคยคิดถึงความลำบากเดือดร้อนของผู้อื่น หัวใจของเขาว่างเปล่าเพราะขาดความรัก ตาของเขาบอดมืดเพราะมองไม่เห็นความต้องการของพี่น้อง
ในทางตรงข้าม ลาซารัส มีชีวิตอยู่อย่างยากจนน่าสังเวช มีแผลเต็มตัว ไม่มีแรงแม้แต่จะไล่สุนัขที่กำลังเลียแผล เขาถูกนำมาทิ้งไว้ที่ประตูบ้านของเศรษฐีและรอเศษตกจากโต๊ะอาหาร เขาไม่ต้องการสิ่งมีค่าใด นอกจากเศษอาหารเพื่อประทังชีวิตซึ่งเศรษฐีไม่ต้องการแล้ว เศรษฐีเป็นตัวแทนของคนรวยเห็นแก่ตัว ขณะที่ลาซารัสเป็นตัวแทนของคนยากจนทุกรูปแบบ เป็นตัวแทนของเสียงกรีดร้องที่ไม่มีใครได้ยิน อย่างเด็กซึ่งถูกทำลายชีวิตจากน้ำมือของผู้เป็นแม่ด้วยการทำแท้ง
คำว่า “ลาซารัส” เป็นชื่อภาษากรีกแปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วย” เพื่อเน้นให้เห็นความจริงว่า แม้คนชอบธรรมยากจนไม่มีใครช่วยเหลือ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเขาเสมอ เราได้เห็นสถานการณ์กลับกันหลังความตาย เศรษฐีกลายเป็นคนจนน่าสมเพชในเปลวไฟ (นรก) ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากลาซารัส  ขณะที่ลาซารัสกลายเป็นคนร่ำรวยมีความสุข (สวรรค์) เพราะได้อยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม
2.        บทเรียนสำหรับเรา
อุปมานี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก พระเจ้าทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เราได้รับในสิ่งที่ต้องการ แต่ก็ต้องชดเชยตามราคาของสิ่งนั้น เวลามีชีวิตอยู่ในโลกเราอาจได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่อาจต้องสูญเสียวิญญาณ หรือความสุขนิรันดรกับพระเจ้าในบั้นปลาย สิ่งที่ทำให้เศรษฐีต้องทรมานในไฟนรก ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำลงไป แต่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำต่างหากความรักต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อเพื่อนมนุษย์ของเรา เพราะเป็นพระเจ้าเองทรงปรากฏพระองค์ให้เราเห็นในคนยากจน
ประการที่สอง เราต้องแบ่งปันสิ่งที่มีกับคนยากจน ทรัพย์สมบัติ หรือความร่ำรวยที่มีถือเป็นพระพรของพระเจ้า เราต้องสำนึกเสมอว่า มิใช่สมบัติส่วนตัวของเราเพียงคนเดียว แต่ต้องแบ่งปันกับผู้ไม่มี เพื่อให้เขาสามารถเจริญชีวิตสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้า เราจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกับพี่น้องซึ่งขัดสน หรือเดือดร้อนเจียนตายไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นชะตากรรมของเราในชีวิตหน้าจะเป็นเช่นเดียวกับเศรษฐี
ประการที่สาม เราต้องใส่ใจและช่วยเหลือคนเดือดร้อน บางคนอาจคิดว่า อุปมานี้ไม่เกี่ยวกับฉัน เพราะ “ฉันไม่ใช่คนรวย ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะแบ่ง หรือช่วยเหลือใคร” พระเยซูเจ้าไม่ได้หมายถึงทรัพย์สินเท่านั้น เราสามารถแบ่งปันสิ่งที่มี พระพร และความสามารถต่าง ๆ กับคนเดือดร้อน ดังนั้น เราต้องมองดูว่า มีใครกำลังนั่งอยู่ที่ประตูบ้านของเรา” ซึ่งต้องการคำพูดให้กำลังใจ ต้องการความเป็นเพื่อน ต้องการความรักและความเข้าใจ หรือต้องการการให้อภัยจากเรา บางทีอาจเป็นคนในบ้านของเราเอง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงสอนให้แบ่งปันและรับผิดชอบต่อคนขัดสน เศรษฐีในอุปมาได้รับการลงโทษเพราะเขาปฏิเสธการช่วยเหลือพี่น้องที่เดือดร้อนซึ่งอยู่ต่อหน้า เราไม่สามารถเป็นผู้ดูเฉย ๆ ปล่อยให้เรื่องราวความอยุติธรรมในสังคมผ่านเลยไป เราต้องทำบางสิ่งบางอย่าง ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่มีกับบุคคลเหล่านี้ เราไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ ขณะที่ยังมีคนอย่างลาซารัสนั่งคอยอยู่ที่ประตูบ้าน
ชีวิตของเศรษฐีเป็นชีวิตไร้ค่า เพราะใช้ความร่ำรวยเพื่อตนเองเท่านั้นและปฏิเสธผู้อื่น ตาของเขาบอดมืดต่อคนยากจนและเดือดร้อน เขาเจริญชีวิตในโลกโดยปราศจากพระเจ้าและสูญเสียพระองค์ไปตลอดกาลรวมถึงทุกสิ่งที่มี ศิษย์พระคริสต์ต้องเชื่อวางใจพระเจ้าเหมือนลาซารัส ดำเนินชีวิตในความรักต่อเพื่อนมนุษย์ และการใส่ใจต่อคนยากจนขัดสน แบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
28 กันยายน 2019
ภาพ : คนยากจนที่มาพึ่งธรรมทูต, อุบลราชธานี; ภาพต้นฉบับ คณะรักกางเขนแห่งอุบลราชธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น