รวยจน
ความเหลื่อมล้ำทางสังคม
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 26
เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
อมส 6:1ก,4-7
1 ทธ 6:11-16
ลก 16:19-31
|
บทนำ
ในการกล่าวปาฐกถาที่เอเชียสมาคม (Asia Society) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้
นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวว่า “ต่อจากนี้
ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ
โดยมีเป้าหมายคือจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2579 มีความมั่นคง
มั่งคั่ง และยั่งยืน มีพัฒนาการทางสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมในสิทธิพื้นฐาน
เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง”
ในความเป็นจริงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมีมานานจนยากแก่การแก้ไข
เมื่อไม่นานมานี้นิตยสารฟอร์บส์ได้เปิดเผยรายชื่อ 50 อันดับมหาเศรษฐีประเทศไทย มีมูลค่าความร่ำรวยรวมสูงถึงกว่า
2.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 4 หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นอกนั้น มหาเศรษฐีไทย 44 รายจาก 50 ราย
ยังมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทุกวันนี้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในสังคมถูกขยายให้ห่างกันมากขึ้น
อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส สะท้อนให้เห็นลักษณะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวของคนสองคน
คนหนึ่งร่ำรวยเป็นเศรษฐี ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นขอทานยากจนเข็ญใจ
ชีวิตของคนทั้งสองแตกต่างกัน ไม่เพียงเรื่องฐานะความเป็นอยู่เท่านั้น
แต่ยังแตกต่างกันระหว่างชีวิตหลังความตายอีกด้วย
ความแตกต่างประการหลังนี้เห็นได้ถึงความเด็ดขาดและถาวร ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้
ส่งผลให้เศรษฐีต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
1.
รวยจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม
พระวรสารวันนี้ได้นำเสนอเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส
พระเยซูเจ้าได้ฉายภาพชีวิตเศรษฐีที่อยู่อย่างคนโลภและฟุ่มเฟือย “แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง
จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน” (ลก 16:19)
เขาได้ละเลยบัญญัติเอกและสำคัญที่สุดคือ “จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจและรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”
ชีวิตของเขาตั้งอยู่บนความสะดวกสบายด้านวัตถุและทำทุกอย่างเพื่อตนเอง โดยไม่เคยคิดถึงความลำบากเดือดร้อนของผู้อื่น
หัวใจของเขาว่างเปล่าเพราะขาดความรัก ตาของเขาบอดมืดเพราะมองไม่เห็นความต้องการของพี่น้อง
ในทางตรงข้าม ลาซารัส มีชีวิตอยู่อย่างยากจนน่าสังเวช มีแผลเต็มตัว
ไม่มีแรงแม้แต่จะไล่สุนัขที่กำลังเลียแผล เขาถูกนำมาทิ้งไว้ที่ประตูบ้านของเศรษฐีและรอเศษตกจากโต๊ะอาหาร
เขาไม่ต้องการสิ่งมีค่าใด นอกจากเศษอาหารเพื่อประทังชีวิตซึ่งเศรษฐีไม่ต้องการแล้ว
เศรษฐีเป็นตัวแทนของคนรวยเห็นแก่ตัว ขณะที่ลาซารัสเป็นตัวแทนของคนยากจนทุกรูปแบบ เป็นตัวแทนของเสียงกรีดร้องที่ไม่มีใครได้ยิน
อย่างเด็กซึ่งถูกทำลายชีวิตจากน้ำมือของผู้เป็นแม่ด้วยการทำแท้ง
คำว่า “ลาซารัส” เป็นชื่อภาษากรีกแปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วย”
เพื่อเน้นให้เห็นความจริงว่า แม้คนชอบธรรมยากจนไม่มีใครช่วยเหลือ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเขาเสมอ
เราได้เห็นสถานการณ์กลับกันหลังความตาย เศรษฐีกลายเป็นคนจนน่าสมเพชในเปลวไฟ (นรก) ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากลาซารัส ขณะที่ลาซารัสกลายเป็นคนร่ำรวยมีความสุข
(สวรรค์) เพราะได้อยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม
2.
บทเรียนสำหรับเรา
อุปมานี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก พระเจ้าทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เราได้รับในสิ่งที่ต้องการ
แต่ก็ต้องชดเชยตามราคาของสิ่งนั้น เวลามีชีวิตอยู่ในโลกเราอาจได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา
แต่อาจต้องสูญเสียวิญญาณ หรือความสุขนิรันดรกับพระเจ้าในบั้นปลาย “สิ่งที่ทำให้เศรษฐีต้องทรมานในไฟนรก
ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำลงไป แต่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ทำต่างหาก” ความรักต่อพระเจ้าต้องแสดงออกต่อเพื่อนมนุษย์ของเรา
เพราะเป็นพระเจ้าเองทรงปรากฏพระองค์ให้เราเห็นในคนยากจน
ประการที่สอง เราต้องแบ่งปันสิ่งที่มีกับคนยากจน ทรัพย์สมบัติ หรือความร่ำรวยที่มีถือเป็นพระพรของพระเจ้า เราต้องสำนึกเสมอว่า มิใช่สมบัติส่วนตัวของเราเพียงคนเดียว
แต่ต้องแบ่งปันกับผู้ไม่มี
เพื่อให้เขาสามารถเจริญชีวิตสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้า
เราจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกับพี่น้องซึ่งขัดสน หรือเดือดร้อนเจียนตายไม่ได้เป็นอันขาด
มิฉะนั้นชะตากรรมของเราในชีวิตหน้าจะเป็นเช่นเดียวกับเศรษฐี
ประการที่สาม เราต้องใส่ใจและช่วยเหลือคนเดือดร้อน บางคนอาจคิดว่า อุปมานี้ไม่เกี่ยวกับฉัน เพราะ “ฉันไม่ใช่คนรวย ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะแบ่ง หรือช่วยเหลือใคร”
พระเยซูเจ้าไม่ได้หมายถึงทรัพย์สินเท่านั้น เราสามารถแบ่งปันสิ่งที่มี พระพร และความสามารถต่าง
ๆ กับคนเดือดร้อน ดังนั้น เราต้องมองดูว่า “มีใครกำลังนั่งอยู่ที่ประตูบ้านของเรา”
ซึ่งต้องการคำพูดให้กำลังใจ ต้องการความเป็นเพื่อน ต้องการความรักและความเข้าใจ
หรือต้องการการให้อภัยจากเรา บางทีอาจเป็นคนในบ้านของเราเอง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
พระเยซูเจ้าทรงสอนให้แบ่งปันและรับผิดชอบต่อคนขัดสน เศรษฐีในอุปมาได้รับการลงโทษเพราะเขาปฏิเสธการช่วยเหลือพี่น้องที่เดือดร้อนซึ่งอยู่ต่อหน้า
เราไม่สามารถเป็นผู้ดูเฉย ๆ ปล่อยให้เรื่องราวความอยุติธรรมในสังคมผ่านเลยไป เราต้องทำบางสิ่งบางอย่าง
ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่มีกับบุคคลเหล่านี้ เราไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ ขณะที่ยังมีคนอย่างลาซารัสนั่งคอยอยู่ที่ประตูบ้าน
ชีวิตของเศรษฐีเป็นชีวิตไร้ค่า
เพราะใช้ความร่ำรวยเพื่อตนเองเท่านั้นและปฏิเสธผู้อื่น ตาของเขาบอดมืดต่อคนยากจนและเดือดร้อน
เขาเจริญชีวิตในโลกโดยปราศจากพระเจ้าและสูญเสียพระองค์ไปตลอดกาลรวมถึงทุกสิ่งที่มี
ศิษย์พระคริสต์ต้องเชื่อวางใจพระเจ้าเหมือนลาซารัส ดำเนินชีวิตในความรักต่อเพื่อนมนุษย์ และการใส่ใจต่อคนยากจนขัดสน
แบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
28 กันยายน 2019
ภาพ : คนยากจนที่มาพึ่งธรรมทูต, อุบลราชธานี; ภาพต้นฉบับ คณะรักกางเขนแห่งอุบลราชธานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น