วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

แสงที่ส่องประกาย


แสงที่ส่องประกาย
พฤหัสบดี
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
2 ซมอ 7:18-19, 2-294
มก 4:21-25
พระวรสารวันนี้พูดถึงเรื่องตะเกียง พระเยซูเจ้าทรงหยิบยกสิ่งที่ประชาชนคุ้นเคยสมัยนั้น เพื่อสื่อความหมายถึงการเป็นแสงสว่าง เมื่อจุดตะเกียงย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียงเพื่อส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ไม่สะดุดล้ม ในความเป็นจริงเป็นการยากที่จะปิดบังแสงตะเกียง เมื่อเราจุดตะเกียงแสงตะเกียงย่อมส่องสว่างไปทั่ว การดำเนินชีวิตคริสตชนต้องเป็นเหมือนตะเกียงส่องสว่างแก่ผู้อื่น
คริสตชนต้องเป็นแสงส่องประกาย ความเชื่อเปรียบได้กับตะเกียง มิใช่เรื่องส่วนตัวที่ต้องเก็บรักษาไว้ แต่ต้องเป็นแสงสว่างส่องโลก นอกจากเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนแล้ว ยังต้องเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมรอบข้าง ช่วยผู้อื่นให้รู้จักพระเยซูเจ้ามากยิ่งขึ้น ผ่านทางศีลล้างบาปเราได้รับแสงสว่างของพระเยซูเจ้า เราต้องทำให้แสงแห่งความเชื่อส่องประกายสำหรับทุกคนที่พบและสัมผัสชีวิตเรา
พระเยซูเจ้าตรัสอุปมาเรื่องการตวง “ท่านตวงให้เขาอย่างไร เขาก็จะตวงให้ท่านอย่างนั้น” (มก 4:24) ทรงต้องการบอกว่า เราจะได้รับการอภัยเมื่อเราได้ให้อภัยผู้ทำผิดต่อเรา เราต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อศัตรูและตอบแทนความชั่วด้วยความดี เราไม่อาจคาดหวังให้พระเจ้าต้องดีกับเราหากเราไม่ดีกับผู้อื่น เราต้องทำให้คำภาวนา “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” เป็นจริงในชีวิตของเรา
พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องการตอบสนองสูงมากจากศิษย์ของพระองค์ “ผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีจะถูกริบไปด้วย” (มก 4:25) ทรงต้องการให้เราซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาแห่งศีลล้างบาป ด้วยการตอบรับต่อพระองค์ แล้วพระองค์จะประทานพระพรมากมายแก่เรา ดังนั้น เราต้องมีใจกว้างต่อเพื่อนมนุษย์ แบ่งปันสิ่งที่มีและเป็นกับผู้อื่น ยิ่งเราให้มาก ยิ่งได้รับตอบแทนมาก
คริสตชนได้รับการเรียกให้เป็นแสงสว่างส่องประกายสำหรับผู้อื่น ผ่านทางการดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสารและแบบอย่างชีวิตดีงามของเรา ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตเป็นดังตะเกียงส่องสว่าง เติมเต็มตะเกียงของเราด้วยน้ำมันแห่งความรัก ความเมตตากรุณา การรับใช้และการให้อภัยตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า เพื่อทำให้ตะเกียงแห่งความเชื่อของเราส่องประกายเจิดเจ้าสำหรับทุกคน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
30 มกราคม 2019
ที่มาภาพ : http://scripture-for-today.blogspot.com/2012/06/mark-421-25.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น