ความอิจฉาริษยา
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
กดว 11:16-17,25-29
ยก 5:1-6
มก 9:38-43, 45, 47-48
|
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งปีศาจเดินทางข้ามทะเลทรายและพบผู้คนกำลังล่อลวงฤาษีผู้ศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่ง
แต่ฤาษีสามารถรับมือการประจญทุกอย่างของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย หลังจากเฝ้าดูความล้มเหลวของพวกเขา
ปีศาจได้ได้บอกพวกเขาว่า “พวกเจ้ามือยังไม่ถึง ซื่อเกินไป คอยดูฉันนะ” แล้วปีศาจได้ไปกระซิบที่หูของฤาษีว่า
“น้องชายของท่านเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช” ได้ผลทันที
ความอิจฉาปรากฎบนใบหน้าของฤาษีจนทนอยู่ไม่ได้
บ่อยครั้งความอิจฉาริษยาอาจบดบังตาคนเราให้บอดมืด
ทำให้เดินทางผิดและปิดกั้นเรามิให้เติบโตในความดี ความอิจฉาริษยาคือรากเหง้าและที่มาของการทะเลาะวิวาท
ทำให้เกิดความร้าวฉานและแตกแยก ไม่เพียงในพระศาสนจักรเท่านั้นแต่ในสังคมและครอบครัว
ระหว่างพรรคพวกเพื่อนฝูง สามีภรรยา โดยเฉพาะในสังคมไทยในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
มีความแตกแยกรุนแรง มีการแบ่งสีเลือกข้าง จนยากที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้
ในอดีตพระศาสนจักรเคยมีคำสอนที่ว่า “นอกพระศาสนจักรแล้วไม่มีความรอด”
(Extra
Ecclesiam nulla salus) ซึ่งเป็นความคิดของนักบุญซีเปรียนที่มีอิทธิพลอย่างมากก่อนสังคายนาวาติกันที่
2 แต่ในความเป็นจริง เราพบคนมีคุณธรรมสูงส่งนอกพระศาสนจักร
แม้พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เป็นคริสตชน แต่กลับมีชีวิตดีงามและน่ายกย่องกว่าคริสตชนเสียอีก
ความโน้มเอียงในลักษณะนี้คือสิ่งที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้
1. ความอิจฉาริษยา
บรรดาสาวกไม่เข้าใจและรับไม่ได้ที่เห็นคนหนึ่งขับไล่ปีศาจในนามของพระเยซูเจ้า
จึงได้ห้ามปรามเพราะ “เขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” (มก 9:38)
ท่าทีเช่นนี้คือท่าทีของการแบ่งพรรคแบ่งพวก ถือเขาถือเรา
ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับทัศนคติของพระเยซูเจ้า “ไม่มีใครสามารถทำอัศจรรย์ในนามของเรา
แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้” (มก 9:39) ทรงประสงค์ให้เราทำงานเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและสันติสุข
มิใช่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างอยุติธรรมเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจผิด
การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหลายครั้งมาจากความความอิจฉาริษยาและอคติ
พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เรามีความอดทนและความใจกว้าง ในการทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่คนอื่น
โดยทรงยืนยันว่า “ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา” (มก 9:40)
พระองค์ทรงสอนให้เราเป็นคนดีบริบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ ผู้ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก
“พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว
โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม” (มธ 5:45)
ตอนท้ายของพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสอย่างชัดเจนและหนักแน่น
เรื่องการเป็นที่สะดุด “ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดาๆ ที่มีความเชื่อเหล่านี้ทำบาป
ถ้าเขาจะถูกผูกคอด้วยหินโม่ถ่วงในทะเลก็ยังดีกว่า” (มก 9:42)
ทรงเรียกร้องให้เราใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการเอาชนะบาปและความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ
ทรงสอนว่าชีวิตนิรันดรประเสริฐยิ่งกว่าอวัยวะ เช่น มือ เท้า ตา ฯลฯ ผู้ที่สามารถบังคับควบคุมตนเองได้คือมีมโนธรรมบริสุทธิ์ย่อมบรรลุถึงชีวิตนิรันดร
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องเป็นผู้สร้างความเป็นหนึ่งเดียว เราสามารถสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันได้
โดยเริ่มจากครอบครัวของเรา สังคมรอบข้างและวัดของเรา
ไม่ทำตัวเป็นตัวปัญหาที่ขัดขวางความเจริญของส่วนรวม ในอีกด้านหนึ่ง เราต้องเคารพความคิดเห็นแตกต่าง
เพราะแต่ละคนต่างมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของตน ดังเช่น วอลแตร์ ได้มอบหลักการเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“ข้าพเจ้าเกลียดสิ่งที่ท่านพูด แต่ข้าพเจ้าจะยอมตายเพื่อให้สิทธิท่านได้พูด”
ประการที่สอง เราต้องเคารพความเชื่อที่แตกต่าง
เปิดใจกว้างต่อความจริงในศาสนาอื่น
การเคารพความเชื่อที่แตกต่างนำไปสู่ความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา รับรู้คุณค่าที่มีในแต่ละศาสนา
และร่วมมือกันสร้างสรรภราดรภาพและสันติภาพในสังคม สังคายนาวาติกันที่ 2 ย้ำว่า
“พระศาสนจักรพิจารณาด้วยความเคารพอย่างจริงใจในวิธีปฏิบัติและการดำรงชีวิต
ตลอดจนกฎและพระธรรมคำสอนเหล่านี้ของศาสนาอื่นๆ ซึ่งถึงแม้จะแตกต่างจากที่พระศาสนจักรสอนหลายประการ
แต่บ่อยครั้ง ก็นำแสงสว่างแห่งความจริงมาส่องสว่างให้แก่มนุษย์ทุกคน”
ประการที่สาม เราต้องไม่ทำตัวเป็นที่สะดุด
ไม่เป็นสาเหตุให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกในบาปเพราะความประพฤติไม่ดีของเรา
พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เราได้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการต่อสู้และเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ
ในตัวเรา ความรอดนิรันดรต้องเป็นเป้าหมายสำคัญและประเสริฐกว่าสิ่งใดที่เราต้องมุ่งไปถึง
แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญไปก็ต้องทำ
เพื่อรักษาไว้ซึ่งความจริง ความดี และความถูกต้อง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าเตือนเรามิให้อิจฉากัน
มีความอดทนต่อกัน และไม่ทำตัวเป็นที่สะดุด ในบท “ข้าแต่พระบิดา” เราอธิษฐานภาวนาว่า
“พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” ดังนั้น
เราต้องมีความอดทน ใจกว้าง และปฏิเสธตนเอง เพื่อให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ การปฏิบัติตนเช่นนี้นำมาซึ่งสันติสุขและความรอดนิรันดรสำหรับเรา
ขอให้การเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทที่เรามาร่วมทุกสัปดาห์
ได้เปิดตาเราให้มองเห็นความดีของผู้อื่น จงทำดีแม้ไม่มีใครเห็นหรือให้รางวัล
ทั้งนี้เพื่อสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้า ผู้เป็นบ่อเกิดแห่งความดีทั้งปวง ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตดีงามตามพระประสงค์ของพระเจ้า
มีความเพียรทนในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ถือเขาถือเรา
ไม่คิดว่าตนเองคือความถูกต้องหรือดีกว่าคนอื่น และไม่เป็นสาเหตุให้ผู้อื่นตกในบาป
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, พรรณานิคม
29 กันยายน 2018
ที่มาภาพ: https://lifeteen.com/cym/blog/arise-and-shine-mark-938-43-45-47-48/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น