วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

ความอิจฉาริษยา


ความอิจฉาริษยา
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
ปี B
กดว 11:16-17,25-29
ยก 5:1-6
มก 9:38-43, 45, 47-48
บทนำ
 มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งปีศาจเดินทางข้ามทะเลทรายและพบผู้คนกำลังล่อลวงฤาษีผู้ศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่ง แต่ฤาษีสามารถรับมือการประจญทุกอย่างของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย หลังจากเฝ้าดูความล้มเหลวของพวกเขา ปีศาจได้ได้บอกพวกเขาว่า “พวกเจ้ามือยังไม่ถึง ซื่อเกินไป คอยดูฉันนะ” แล้วปีศาจได้ไปกระซิบที่หูของฤาษีว่า “น้องชายของท่านเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช” ได้ผลทันที ความอิจฉาปรากฎบนใบหน้าของฤาษีจนทนอยู่ไม่ได้
บ่อยครั้งความอิจฉาริษยาอาจบดบังตาคนเราให้บอดมืด ทำให้เดินทางผิดและปิดกั้นเรามิให้เติบโตในความดี ความอิจฉาริษยาคือรากเหง้าและที่มาของการทะเลาะวิวาท ทำให้เกิดความร้าวฉานและแตกแยก ไม่เพียงในพระศาสนจักรเท่านั้นแต่ในสังคมและครอบครัว ระหว่างพรรคพวกเพื่อนฝูง สามีภรรยา โดยเฉพาะในสังคมไทยในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีความแตกแยกรุนแรง มีการแบ่งสีเลือกข้าง จนยากที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้
ในอดีตพระศาสนจักรเคยมีคำสอนที่ว่า “นอกพระศาสนจักรแล้วไม่มีความรอด” (Extra Ecclesiam nulla salus) ซึ่งเป็นความคิดของนักบุญซีเปรียนที่มีอิทธิพลอย่างมากก่อนสังคายนาวาติกันที่ 2 แต่ในความเป็นจริง เราพบคนมีคุณธรรมสูงส่งนอกพระศาสนจักร แม้พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เป็นคริสตชน แต่กลับมีชีวิตดีงามและน่ายกย่องกว่าคริสตชนเสียอีก ความโน้มเอียงในลักษณะนี้คือสิ่งที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้
1.       ความอิจฉาริษยา
บรรดาสาวกไม่เข้าใจและรับไม่ได้ที่เห็นคนหนึ่งขับไล่ปีศาจในนามของพระเยซูเจ้า จึงได้ห้ามปรามเพราะ “เขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” (มก 9:38) ท่าทีเช่นนี้คือท่าทีของการแบ่งพรรคแบ่งพวก ถือเขาถือเรา ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับทัศนคติของพระเยซูเจ้า “ไม่มีใครสามารถทำอัศจรรย์ในนามของเรา แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้” (มก 9:39) ทรงประสงค์ให้เราทำงานเพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและสันติสุข มิใช่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างอยุติธรรมเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจผิด การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหลายครั้งมาจากความความอิจฉาริษยาและอคติ
พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เรามีความอดทนและความใจกว้าง ในการทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่คนอื่น โดยทรงยืนยันว่า “ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา” (มก 9:40) พระองค์ทรงสอนให้เราเป็นคนดีบริบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ ผู้ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก “พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม (มธ 5:45)
ตอนท้ายของพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสอย่างชัดเจนและหนักแน่น เรื่องการเป็นที่สะดุด “ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดาๆ ที่มีความเชื่อเหล่านี้ทำบาป ถ้าเขาจะถูกผูกคอด้วยหินโม่ถ่วงในทะเลก็ยังดีกว่า” (มก 9:42) ทรงเรียกร้องให้เราใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการเอาชนะบาปและความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ ทรงสอนว่าชีวิตนิรันดรประเสริฐยิ่งกว่าอวัยวะ เช่น มือ เท้า ตา ฯลฯ ผู้ที่สามารถบังคับควบคุมตนเองได้คือมีมโนธรรมบริสุทธิ์ย่อมบรรลุถึงชีวิตนิรันดร
2.       บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องเป็นผู้สร้างความเป็นหนึ่งเดียว เราสามารถสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันได้ โดยเริ่มจากครอบครัวของเรา สังคมรอบข้างและวัดของเรา ไม่ทำตัวเป็นตัวปัญหาที่ขัดขวางความเจริญของส่วนรวม ในอีกด้านหนึ่ง เราต้องเคารพความคิดเห็นแตกต่าง เพราะแต่ละคนต่างมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของตน ดังเช่น วอลแตร์ ได้มอบหลักการเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ข้าพเจ้าเกลียดสิ่งที่ท่านพูด แต่ข้าพเจ้าจะยอมตายเพื่อให้สิทธิท่านได้พูด”
ประการที่สอง เราต้องเคารพความเชื่อที่แตกต่าง เปิดใจกว้างต่อความจริงในศาสนาอื่น การเคารพความเชื่อที่แตกต่างนำไปสู่ความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา รับรู้คุณค่าที่มีในแต่ละศาสนา และร่วมมือกันสร้างสรรภราดรภาพและสันติภาพในสังคม สังคายนาวาติกันที่ 2 ย้ำว่า พระศาสนจักรพิจารณาด้วยความเคารพอย่างจริงใจในวิธีปฏิบัติและการดำรงชีวิต ตลอดจนกฎและพระธรรมคำสอนเหล่านี้ของศาสนาอื่นๆ ซึ่งถึงแม้จะแตกต่างจากที่พระศาสนจักรสอนหลายประการ แต่บ่อยครั้ง ก็นำแสงสว่างแห่งความจริงมาส่องสว่างให้แก่มนุษย์ทุกคน”
ประการที่สาม เราต้องไม่ทำตัวเป็นที่สะดุด ไม่เป็นสาเหตุให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกในบาปเพราะความประพฤติไม่ดีของเรา พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เราได้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการต่อสู้และเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ ในตัวเรา ความรอดนิรันดรต้องเป็นเป้าหมายสำคัญและประเสริฐกว่าสิ่งใดที่เราต้องมุ่งไปถึง แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญไปก็ต้องทำ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความจริง ความดี และความถูกต้อง
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าเตือนเรามิให้อิจฉากัน มีความอดทนต่อกัน และไม่ทำตัวเป็นที่สะดุด ในบท “ข้าแต่พระบิดา” เราอธิษฐานภาวนาว่า “พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” ดังนั้น เราต้องมีความอดทน ใจกว้าง และปฏิเสธตนเอง เพื่อให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ การปฏิบัติตนเช่นนี้นำมาซึ่งสันติสุขและความรอดนิรันดรสำหรับเรา
ขอให้การเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทที่เรามาร่วมทุกสัปดาห์ ได้เปิดตาเราให้มองเห็นความดีของผู้อื่น จงทำดีแม้ไม่มีใครเห็นหรือให้รางวัล ทั้งนี้เพื่อสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้า ผู้เป็นบ่อเกิดแห่งความดีทั้งปวง ศิษย์พระคริสต์ต้องดำเนินชีวิตดีงามตามพระประสงค์ของพระเจ้า มีความเพียรทนในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ถือเขาถือเรา ไม่คิดว่าตนเองคือความถูกต้องหรือดีกว่าคนอื่น และไม่เป็นสาเหตุให้ผู้อื่นตกในบาป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, พรรณานิคม
29 กันยายน 2018
ที่มาภาพ: https://lifeteen.com/cym/blog/arise-and-shine-mark-938-43-45-47-48/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น