วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับเรา


พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับเรา
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 24
เทศกาลธรรมดา
ปี B
อสย 50:5-9
ยก 2:14-18
มก 8:27-35
บทนำ
 มีคำถามหนึ่งซึ่งถกเถียงกันมากในศตวรรษที่ 19  “ใครคืออัจฉริยะด้านวรรณกรรม ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” ปรากฏชื่อบุคคลสำคัญ 2 คน ได้แก่ วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ กับพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธ เกี่ยวกับเรื่องนี้ชาร์ลส์ แลมป์ (Charles Lamb) นักเขียนเรื่องสั้นชาวอังกฤษได้ให้ข้อยุติว่า “ความแตกต่างระหว่างบุคคลทั้งสองคือ หากเชกสเปียร์เดินเข้ามาในห้องเวลานี้ เราทั้งหมดจะยืนขึ้นต้อนรับเขา แต่ถ้าพระเยซูเจ้าเสด็จมา เราจะกราบลงและนมัสการพระองค์”
นี่คือความแตกต่างระหว่างพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธ กับบุคคลที่เราคิดว่าสำคัญที่สุด พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ขณะที่คนอื่นทั้งหลายเป็นเพียงมนุษย์ พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเราให้รู้จักพระองค์เป็นการส่วนตัว ดังนั้น พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้ค้นหา รักและรับใช้พระองค์ ด้วยการเปิดหัวใจของเราเรียนรู้และมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับพระองค์ เพื่อรู้ว่าพระองค์เป็นใครสำหรับเรา มีความหมายอย่างไรสำหรับชีวิตของเรา
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีผู้คนเป็นจำนวนมากยังไม่รู้จักพระเยซูเจ้า เนื่องจากไม่เคยพบเห็นพระองค์หรือไม่มีใครพูดถึงพระองค์ให้พวกเขาฟัง คำถามที่ว่า “พระเยซูเจ้าเป็นใคร” จึงเป็นคำถามที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด และมีผู้ให้คำตอบมากมายหลายแบบแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน วันนี้พระเยซูเจ้าทรงถามเราแต่ละคน “ท่านละ คิดว่าเราเป็นใคร” (มก 8:29)
1.       พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงถามความเห็นจากบรรดาสาวกว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” (มก 8:27) สมัยนั้นยังไม่มีการสำรวจประชามติ (Poll) เหมือนในปัจจุบัน วิธีง่ายที่สุดคือถามความเห็นจากคนใกล้ชิด และบรรดาศิษย์ได้สะท้อนคำตอบของประชาชนในลักษณะต่างๆ อาทิ ยอห์นผู้ทำพิธีล้าง ประกาศกเอลิยาห์หรือประกาศกคนใดคนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญสำหรับพระเยซูเจ้ามิใช่ความเห็นของประชาชน แต่เป็นคำตอบของบรรดาศิษย์และเราแต่ละคนว่า “พระองค์เป็นใครสำหรับเรา”
เปโตรได้ทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” (มก 8:29) คำว่า “พระคริสต์” ในภาษากรีกมีความหมายเดียวกันกับคำว่า “พระแมสสิยาห์” ในภาษาฮีบรูซึ่งหมายถึง ผู้ได้รับเจิม” หรือพระผู้ช่วยให้รอด ตลอดเวลายาวนานชาวยิวรอคอยพระแมสสิยาห์ มาปลดปล่อยพวกเขาจากการกดขี่ของพวกโรมัน ซึ่งเป็นความเข้าใจทางการเมืองเหมือนอัศวินขี่ม้าขาว พวกเขาไม่เคยคิดว่าพระแมสสิยาห์เป็น “พระคริสตเจ้า ผู้รับการทรมาน” เพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากบาป
พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยให้บรรดาศิษย์ทราบเป็นครั้งแรกว่า พระองค์จะต้องรับการทรมาน ถูกประหารชีวิตและกลับคืนชีพในวันที่สาม (ดู มก 8:31) ทรงแสดงให้เห็นว่าแผนการของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้รอดไม่ใช่ในฐานะผู้นำทางการเมือง แต่เป็นพระคริสตเจ้า ผู้รับการทรมาน เปโตรไม่เข้าใจรับไม่ได้และได้บทเรียนราคาแพง “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง” (มก 8:33) และทรงท้าทายบรรดาศิษย์แต่ละคน: 1) ให้เลิกนึกถึงตนเอง, 2) แบกไม้กางเขนของตน และ 3) ติดตามพระองค์ นี่คือเงื่อนไขสำคัญของการเป็นศิษย์และเป็นคริสตชน
2.        บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต
ประการแรก พระเยซูเจ้าเป็นใครสำหรับเรา เราสามารถกล่าวได้ไหมว่าพระเยซูเจ้าคือผู้ที่เราเชื่อและรักมากที่สุด ทรงเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตและเป็นทุกอย่างสำหรับชีวิตเรา ปราศจากพระองค์เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย มีเพียงพระองค์เท่านั้นทรงเป็นหลักชัยแห่งชีวิตและทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่าและความหมาย ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเรา รักเรา อภัยบาปเรา ช่วยเหลือเราและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา
ประการที่สอง เราต้องเลิกนึกถึงตนเอง ด้วยการมอบตนเองแด่พระเจ้า ยึดถือพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นลำดับแรกมากกว่าน้ำใจของเรา อีกทั้ง ทำความสะอาดจิตใจและปรับเปลี่ยนชีวิตของเราจากนิสัยไม่ดีต่างๆ สวมใส่จิตใจใหม่ของพระเจ้า ให้หัวใจของเราเต้นในจังหวะเดียวกันกับพระองค์เพื่อแบ่งปันพระองค์กับผู้อื่น นั่นคือเลิกนึกถึงตนเอง ปฏิเสธตนเองและตอบรับพระเจ้า
ประการที่สาม เราต้องแบกไม้กางเขนของตน มีประสบการณ์พระคริสตเจ้า ผู้รับการทรมาน เปโตรไม่เข้าใจว่าทำไมพระคริสตเจ้าต้องรับทุกข์ทรมาน หลายครั้งเราเองก็เหมือนเปโตร ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งเลวร้ายต่างๆ จึงเกิดขึ้นกับเรา ความทุกข์ต่างๆ ในโลกนี้แม้บางครั้งเราไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยมีความหมายสำหรับเรา เพราะนี่คือไม้กางเขนที่เราต้องแบกร่วมกับพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นมุมมองใหม่ที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหวังและกำลังใจ
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเป็น พระคริสตเจ้า” ที่ทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย เราต้องเชื่อและหมั่นมาหาพระองค์บ่อยๆ ทางศีลศักดิ์สิทธิ์  ในพิธีบูชาขอบพระคุณ และการอธิษฐานภาวนา เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และเพื่อนพี่น้อง ชีวิตของเราต้องเป็นพยานแห่งพระวรสารและเครื่องหมายที่มองเห็นได้ ซึ่งทำให้คนอื่นได้รู้ว่าพระเยซูเจ้าเป็นใครและมีความหมายอย่างไรสำหรับเรา
ประการสำคัญ เราต้องเลิกนึกถึงตนเอง แบกไม้กางเขนของตนและติดตามพระเยซูเจ้า ผู้ทรงนอบน้อมเชื่อฟังพระบิดา ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก และทรงรับใช้จนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน ศิษย์พระคริสต์ต้องเปิดดวงใจของตนต่อหนทางแห่งไม้กางเขนและพระทรมานของพระเยซูเจ้า เลียนแบบอย่างพระองค์บนเส้นทางแห่งการรับใช้ แสวงหาพระประสงค์ของพระบิดาเจ้ามากกว่าน้ำใจของตนและพร้อมพลีชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, พรรณนานิคม
14 กันยายน 2018
ภาพ: ศิษย์แสงธรรม รุ่น 15, ซีซารียาแห่งฟิลิป, ใกล้ภูเขาเฮอร์โมน, กาลิลี, อิสราเอล; 2018-04-25

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น