วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เจตจำนงสุดท้ายของพระเยซูเจ้า


เจตจำนงสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
วันอาทิตย์
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
ปี B
กจ 1:1-11
อฟ 1:17-23
มก 16: 15-20
บทนำ
ยาโกโม ปุชชีนิ (Giacomo Puccini) นักดนตรีเอกชาวอิตาเลียน ผู้แต่งบทเพลงโอเปรา La Boheme, Madama Butterfly และ Tosca ขณะกำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งขั้นสุดท้ายปี 1922 ปุชชีนีได้เขียนบทเพลง Turandot ที่กล่าวกันว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา ปุชชีนิเขียนบทเพลงนี้ทั้งกลางวันกลางคืนจนสุขภาพแย่ลง ปุชชีนิได้พูดกับศิษย์ของตนว่า “หากฉันเขียน Turandot ไม่จบ ช่วยเขียนต่อให้จบด้วย” ปุชชีนิมรณะปี 1924 ทิ้งงานที่ยังเขียนไม่จบไว้ และบรรดาลูกศิษย์ได้ช่วยกันเขียนต่อจนจบ
ในการเปิดการแสดงรอบปฐมทัศน์ ณ โรงละครลาสกาลา (La Scala) แห่งเมืองมิลานปี  1926 ทอสกานีนิ ศิษย์เอกของปุชชีนิเป็นผู้อำนวยเพลง บทเพลง Turandot ได้รับการบรรเลงอย่างไพเราะกระทั่งถึงท่อนสุดท้ายที่ปุชชีนิเขียน ทอสกานีนิได้หยุดบรรเลงและหันมาทางผู้ชมว่า “อาจารย์ได้เขียนมาถึงตอนนี้และจากไป” ผู้ฟังปรบมือให้เกียรติอย่างยาวนาน ทอสกานีนิกล่าวต่อไปว่า “พวกเราลูกศิษย์ได้ช่วยกันเขียนต่อจนจบ” จากนั้นได้ให้จังหวะบรรเลงบทเพลงนี้จนจบ
วันนี้เราสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์หลังสี่สิบวันของการกลับคืนพระชนมชีพ ที่พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ต่อหน้าบรรดาศิษย์ด้วยอำนาจของพระองค์เอง ก่อนเสด็จสู่สวรรค์พระองค์ได้ตรัสกับบรรดาศิษย์และเราแต่ละคน ให้เราสานต่องานไถ่กู้มนุษยชาติของพระองค์ให้สำเร็จ ด้วยการประกาศข่าวดีในคำพูดและการกระทำของเรา อีกทั้ง เป็นวันที่เราเฉลิมฉลองการได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ซึ่งเรามีส่วนในเกียรติรุ่งโรจน์นี้
1.       เจตจำนงสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้ามีความแตกต่างกันในพระวรสารแต่ละฉบับ ผู้เขียนไม่ได้มีมุ่งให้รายละเอียดทางประวัติศาสตร์ แต่ต้องการให้ความสำคัญที่พระดำรัสของพระเยซูเจ้าที่ตรัสกับบรรดาศิษย์ ซึ่งเป็นเจตจำนงสุดท้ายที่ทรงมอบให้บรรดาศิษย์ พระวาจาสุดท้ายได้รับการบันทึกแตกต่างกันแต่มีความสอดคล้องกันในประเด็นที่ว่า: 1) พระเยซูเจ้าได้มอบพันธกิจแก่บรรดาศิษย์ ซึ่งเป็นงานที่ผูกมัดพวกเขาจนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง, 2) ทรงให้ความมั่นใจว่าจะทรงช่วยเหลือพวกเขาในการทำให้พันธกิจนี้สำเร็จ
พันธกิจในการเป็นพยานถึงข่าวดีของพระเยซูเจ้าจนสุดปลายแผ่นดิน  ด้วยการออกไปทั่วโลกประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งมวล เป็นพันธกิจที่แจ่มชัดมาก พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นข่าวดีแก่มนุษยชาติ ทุกชาติ ทุกภาษา และวัฒนธรรม เราถูกเรียกร้องให้บอกกล่าวเรื่องราวชีวิต พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสารในชีวิตประจำวันของเรา พันธกิจนี้มิใช่เป้าหมายที่สำเร็จได้ด้วยกำลังความสามารถของมนุษย์
พระเยซูเจ้าทรงสัญญาประทานพลังแก่ผู้นำสารด้วยอำนาจของพระจิตเจ้า การประกาศข่าวดีแก่มนุษยชาติควรเริ่มต้นจากตัวเรา ด้วยการคุกเข่าลงอธิษฐานภาวนาวอนขอพระพรจากพระจิตเจ้า และสารภาพว่างานทุกอย่างสำเร็จได้มิใช่ด้วยมือเรา แต่ด้วยพระหรรษทานจากเบื้องบน พระจิตเจ้าทรงช่วยเหลือให้พันธกิจนี้ดำเนินต่อไป ประการสำคัญ พระองค์ทรงสัญญาจะอยู่กับเราเสมอไปจนสิ้นพิภพ ในพระศาสนจักร ในศีลมหาสนิท ในพระวาจาของพระเจ้า และในกลุ่มคริสตชน เป็นการปรากฏพระองค์ในมิติของความเชื่อ
2.       บทเรียนสำหรับเรา
การสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์และพระวาจาของพระเจ้าวันนี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเป็นผู้ประกาศข่าวดี พระเยซูเจ้าได้มอบพันธกิจให้แก่ผู้มีความเชื่อทุกคน “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งปวง” (มก 16:15) มีความแตกต่างระหว่างการเทศน์สอนกับการประกาศ เราสอนด้วยคำพูด แต่เราประกาศด้วยชีวิตของเรา นั่นหมายความว่าเราถูกส่งไปให้ประกาศข่าวดีแห่งชีวิตและความรัก ข่าวดีแห่งความหวังและสันติสุข ในการเป็นพยานด้วยชีวิตของเรา เราต้องเป็นศิษย์พระคริสต์ในทุกที่ที่เราอยู่และไป
ประการที่สอง เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ให้ความมั่นใจว่าจะอยู่กับเราตลอดไป แม้ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์และความยากลำบากในชีวิต “เวลานี้พระเยซูเจ้าได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ในสวรรค์ แต่ยังคงทรมานในโลก ในความเจ็บปวดและความทุกข์ระทมที่เรา พระกายทิพย์ของพระองค์ได้รับ” (น.เอากุสติน) เราต้องดำเนินชีวิตในความรักต่อกัน อธิษฐานภาวนาร่วมกัน ดำเนินชีวิตเป็นแสงสว่างเพื่อให้คนอื่นเห็นความดีในตัวเรา
ประการที่สาม เราต้องเลียนแบบพระเยซูเจ้า ทรงมอบบทเรียนแห่งความเชื่อ ความหวัง ความเมตตากรุณา ความรักและการให้อภัยแก่เรา แม้ไม่ได้เห็นการปรากฏพระองค์ในโลกอีก แต่ทรงปรากฏพระองค์ในพระวาจา เราต้องทำให้พระวาจาของพระองค์ปรากฏเป็นจริงในชีวิตของเราและชีวิตของผู้อื่น เราต้องทำเหมือนอย่างที่ทรงกระทำ พันธกิจในการประกาศข่าวดีแก่มนุษยชาติต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน และมีความสุภาพถ่อมตนเพื่อให้พระจิตเจ้าทรงนำทางเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ความปรารถนาสุดท้ายของพระเยซูเจ้าก่อนจากบรรดาศิษย์สู่สวรรค์ พระองค์ทรงต้องการให้เราประกาศข่าวดีแก่ทุกคนในโลก สิ่งนี้เป็นเหมือนกับเจตจำนงสุดท้ายที่ทรงต้องการจากศิษย์ของพระองค์ เราได้รับแสงสว่างแห่งพระวรสารแล้ว ดังนั้น เราต้องนำข่าวดีนี้ไปสู่ผู้อื่น ความเชื่อที่เรามีมิใช่สมบัติส่วนบุคคลที่ต้องเก็บรักษาไว้กับตนเอง แต่ต้องแบ่งปันกับผู้อื่นด้วยชีวิตของเรา
พระเยซูเจ้าได้เสด็จสู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ เป็นความหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์เช่นเดียวกัน หากเราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ ในอีกด้านหนึ่ง สวรรค์คือที่ประทับของพระเจ้า ดังนั้น เราต้องอุทิศตัวเองเพื่อทำให้โลกนี้กลายเป็นสวรรค์ที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ สวรรค์บังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ในโลกนี้ ในความรักต่อกัน ในการให้อภัยความผิดของกันและกัน ในการรับใช้ซึ่งกันและกัน และในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล ป่าพนาวัลย์
11 พฤษภาคม 2018
ที่มาภาพ: http://cbcpnews.net/cbcpnews/jesus-ascension-and-our-witnessing-to-the-faith/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น