ความเชื่อที่มีชีวิต
อาทิตย์
สัปดาห์ที่ 27
เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
ฮบก 1:2-3; 2:2-4
2 ทธ 1:6-8,
13-14
ลก 17:5-10
|
บทนำ
เดือนมิถุนายน ปี 1859 บลองเดง นักใต่ลวดชาวฝรั่งเศสได้กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงระดับโลก
เมื่อเขาสามารถไต่ลวดขึงข้ามน้ำตกไนแอการาในระดับความสูง 160 ฟุต
เขาสามารถเดินเท้าเปล่าไปมาหลายเที่ยว บางครั้งเดินปิดตา หรือเดินในเวลากลางคืน
แต่ที่เรียกเสียงอื้ออึงจากผู้คนที่มามุงดูทั้งสองฝั่งคือ การเดินถือเตาไฟและเจียวไข่ไปด้วย
คนดูต่างตื่นเต้นในความสามารถและกล้าบ้าบิ่นของเขา
และที่น่าหวาดเสียวที่สุดคือการเดินปิดตาไต่ลวดพร้อมรถเข็น เมื่อเขาเดินข้ามไปยังอีกฝั่งได้
ผู้คนต่างปรบมือดังลั่นกลบเสียงของน้ำตก บลองเดงได้ทำมือบอกผู้คนให้เงียบและพูดกับพวกเขาว่า
“พวกท่านเชื่อไหมว่าผมสามารถเข็นรถเข็นที่มีคนนั่งข้ามไปยังอีกฝั่งได้” ฝูงชนตะโกนกลับมาว่า
“ใช่ คุณทำได้ทุกอย่าง เพราะคุณเป็นนักไต่ลวดเก่งที่สุดในโลก”
บลองเดงพูดต่อไปว่า
“ถ้าเช่นนั้น ขออาสาสมัครหนึ่งคนมานั่งบนรถเข็นนี้” ทุกคนเงียบ
ไม่มีใครกล้านั่งแม้เชื่อในความสามารถของเขา ต่อมาเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน แฮรี่
คอลคอร์ด ผู้จัดการของบลองเดงได้แสดงความเชื่อมั่นในตัวเขา โดยการขี่คอบลองแดงเดินไต่ลวดข้ามน้ำตกได้สำเร็จ
พระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าทรงท้าทายบรรดาศิษย์ของพระองค์
หากพวกเขามีความเชื่อในพระองค์ก็สามารถทำอัศจรรย์ได้เช่นเดียวกัน
1.
ความเชื่อที่มีชีวิต
พระวรสารวันนี้บรรดาอัครสาวกทูลพระเยซูเจ้าให้เพิ่มความเชื่อให้พวกเขา
และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด
และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’
ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน” (ลก
17:6) เมล็ดมัสตาร์ดเป็นเมล็ดเล็กที่สุดในบรรดาพืชพรรณทั้งหลาย
ส่วนต้นหม่อนเราทราบดีว่าปลูกเพื่อใช้ใบเลี้ยงตัวไหม พระเยซูเจ้าทรงเลือกใช้พันธุ์ไม้สองชนิดซึ่งเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
เพื่อเน้นให้เห็นถึง “พลังของความเชื่อ”
พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ความเชื่อของเราต้องเติบโตขึ้น
“ความเชื่อเล็กน้อย นำวิญญาณไปสู่สวรรค์ ขณะที่ความเชื่อมั่นคง นำสวรรค์มาสู่วิญญาณ”
เหนือสิ่งอื่นใดทรงต้องการบอกเราว่า “ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ หากเราเชื่อว่าเป็นไปได้”
ตัวอย่างพี่น้อง “ตระกูลไรท์” หากพวกเขาไม่เชื่อว่า วันหนึ่งต้องบินได้เหมือนนก
มนุษย์คงไม่สามารถเดินทางไปถึงดวงจันทร์ หรือหาก “โทมัส เอดิสัน” ไม่เชื่อว่า เขาสามารถผลิตหลอดไฟได้
(หลังการทดลองล้มเหลว 700 ครั้ง)
โลกคงไม่สว่างไสวเหมือนทุกวันนี้
ความเชื่อหมายถึงความวางใจและเชื่อมั่นในพระเยซูเจ้า
ผู้อยู่เคียงข้างและพร้อมช่วยเราเสมอ นี่คือพลังยิ่งใหญ่ของความเชื่อซึ่งพระเจ้าทรงมอบแก่เราตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป
ความเชื่อนี้มาพร้อมกับ “หน้าที่” นั่นคือ หน้าที่แห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเราต้องทำให้เกิดผลจริงในชีวิตประจำวัน นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา
ได้สอนสมาชิกในคณะเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ว่า “ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือ
ความรัก และความรักในภาคปฏิบัติคือ การรับใช้”
การรับใช้คือการมองเห็นความเดือดร้อนและความต้องการของผู้อื่นแล้วไม่อยู่เฉย
แต่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเหมือนชาวสะมาเรียผู้ใจดี ในวันพิพากษาพระเจ้าจะไม่ถามว่า
เราได้มาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณกี่ครั้ง? สวดสายประคำกี่สาย?
แต่พระองค์จะถามเราว่า “เราได้รักพี่น้องของเราอย่างไร? ได้ช่วยเหลือคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือบ่อยแค่ไหน?
ได้ใช้ความสามารถที่มีเพื่อผู้อื่นมากน้อยเพียงใด?” นี่คือเครื่องพิสูจน์ความเชื่อที่มีชีวิตของเรา
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก
เราต้องวางใจและเชื่อมั่นในพระเจ้า เวลาอยู่ในห้วงของความทุกข์และความยากลำบากในชีวิต
เรามักคิดว่า พระเจ้าทรงทอดทิ้งเรา ไม่ทรงฟังคำภาวนาของเรา ประกาศกฮาบากุกรู้สึกแบบเดียวกันจึงถามพระเจ้าว่า
“ทำไม” และ “อีกนานแค่ไหน” เรามักถามพระเจ้าเช่นกัน “ทำไมเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับเรา”
และ “เราต้องทนกับสิ่งเหล่านี้นานแค่ไหน” ที่สุด ฮาบากุกได้พบคำตอบว่า พระเจ้าทรงช่วยเหลือผู้เชื่อในพระองค์
ประการที่สอง เราต้องเพิ่มพูนความเชื่อของเราทุกวัน ในความสัมพันธ์ที่มีกับพระเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนา
การอ่านพระคัมภีร์ และการรับใช้ผู้อื่น ความเชื่อของเราจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเราแสดงความรักต่อผู้อื่น
คนแปลกหน้า และคนในครอบครัว โดยเฉพาะการให้อภัย ซึ่งเป็นของประทานของพระเจ้าผ่านทางความเชื่อ
เพราะเมื่อเราเชื่อในพระเจ้าแม้เพียงเล็กน้อย ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ
แม้กระทั่งการย้ายภูเขาหรือการให้อภัยศัตรู
ประการที่สาม เราต้องทำให้ความเชื่อของเรามีชีวิต อุปมาเรื่องผู้รับใช้ทำตามหน้าที่สอนเราว่า
“การทำหน้าที่อย่างเดียวไม่พอ” ผู้สมควรได้รับการยกย่องคือคนทำมากกว่าหน้าที่
ทำด้วยหัวใจและความรักยิ่งใหญ่ ความบกพร่องที่สุดอย่างหนึ่งคือ
เรามักทำดีเพียงครั้งคราวและคิดว่าแค่นี้พอแล้ว เช่น การมาวัดวันอาทิตย์
ได้ฟังพระวาจา และรับพระองค์ในศีลมหาสนิท
แต่ไม่นำพระองค์กลับออกไปกับเราด้วยในชีวิตประจำวัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
พระวาจาวันนี้เตือนเราให้ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในพระเจ้า แม้ในเวลาของความยากลำบาก
ความเชื่อเป็นของประทานจากพระเจ้า
และเป็นสมบัติล้ำค่าของคริสตชน ความเชื่อของเราต้องเป็นดังตะเกียงส่องทางชีวิตของเราในโลกแห่งความมืด
ซึ่งเราต้องรักษาให้ลุกโชนอยู่เสมอ ด้วยน้ำมันแห่งความรักและการอธิษฐานภาวนา
คริสตชนไม่เพียงเชื่อในพระเจ้าเท่านั้น
แต่ต้องดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความเชื่อ นำความเชื่อของตนสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ศิษย์พระคริสต์ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต ในความรักโดยไม่แบ่งแยก การให้อภัยกันด้วยจริงใจ
การมองผู้อื่นด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้างโดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง
และยอมให้หัวใจของตนเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า เพื่อตัดสินได้ว่ามีสิ่งไหนควรทำ และอะไรควรมาก่อนมาหลัง
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
khuanthinwan@gmail.com
วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร
5 ตุลาคม 2019
ภาพ: งานรวมพลังผู้สูงอายุท่าแร่-หนองแสง, อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่, สกลนคร; 2019-10-05
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น