วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567

การถือบทบัญญัติที่แก่นแท้

 


การถือบทบัญญัติที่แก่นแท้

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

ปี B

ฉธบ 4:1-2,6-8

ยก 1:17-18,21-22,27

มก 7:1-8,14-15,21-23

บทนำ

 ประมาณตี 2 ของเช้าวันหนึ่งที่อากาศหนาวและมีลมแรง คุณพ่อเจ้าอาวาสได้รับแจ้งว่าคุณปู่ของบ้านที่อยู่ห่างจากวัดเพียงสองช่วงตึกกำลังจะตาย คุณพ่อตัดสินใจเดินไปเจิมศีลศักดิ์สิทธิ์ให้ชายที่กำลังจะตายทันที ขณะกำลังเดินผ่านตรอกเล็ก ๆ ปรากฎร่างหนึ่งถือปืนก้าวออกมาและสั่งว่า “ส่งเงินทั้งหมดมาให้ฉัน” คุณพ่อบอกกับมือปืนว่า “กระเป๋าเงินของฉันอยู่ในกระเป๋ากางเกง”

ขณะที่คุณพ่อเปิดเสื้อคลุมออก มือปืนสังเกตเห็นคอเสื้อแบบโรมันของพระสงฆ์ เขาพูดว่า “ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณพ่อ เก็บเงินของคุณพ่อไว้เถอะ” ด้วยความโล่งใจ คุณพ่อเจ้าอาวาสยื่นซิการ์ให้เขา แต่เขาส่ายหัวแล้วบอกว่า “ขอบคุณคุณพ่อมากครับ แต่ผมไม่สูบบุหรี่ในช่วงเทศกาลมหาพรต” พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเรียกการถือบทบัญญัติและธรรมเนียมภายนอกว่าเป็นคนหน้าซื่อใจคด

ในศาสนายิวมี “บทบัญญัติที่จารึกไว้” (Written Law) ได้แก่ หนังสือห้าเล่มแรก (Torah) ที่เรียกว่า “บทบัญญัติของโมเสส” กับ “บทบัญญัติที่เล่าสืบต่อกันมา” (Oral Law) ได้แก่ สิ่งที่บรรดาธรรมาจารย์เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อขยายความบทบัญญัติของโมเสสออกไปถึง 613 ข้อ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของศาสนายิวและธรรมบัญญัติของพระเจ้า ในสมัยของพระเยซูเจ้าบทบัญญัตินี้เป็นที่รับรู้และเรียกว่า “ธรรมเนียมของบรรพบุรุษ”

1.        การถือบทบัญญัติที่แก่นแท้

พระวรสารตอนแรก พระยซูเจ้าทรงประณามบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี เพราะการถือธรรมเนียมที่พวกเขาสร้างขึ้น เช่น ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร หรือการทำพิธีชำระตนหลังกลับจากตลาด ซึ่งเป็นเหมือนกับรั้วกั้นธรรมบัญญัติมิให้ถูกละเมิด “ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือธรรมเนียมของมนุษย์” (มก 7:8) ตอนที่สอง พระเยซูเจ้าทรงกล่าวถึงกฎเกี่ยวกับอาหารของศาสนายิว การรับประทานอาหารบางชนิด (เนื้อสุกร) ซึ่งทำให้มนุษย์เป็นมลทินและไม่สมควรเข้าร่วมพิธีกรรม

พระศาสนจักรยุคแรกคริสตชนมีต้นกำเนิดมาจากศาสนายิว ได้พยายามบังคับใช้กฎเหล่านี้กับคริสตชนที่มาจากพื้นเพอื่น นักบุญมาระโกไม่เห็นด้วยและอ้างถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ว่า เฉพาะสิ่งที่ออกมาจากใจมนุษย์ที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน อาทิ คำหยาบคายและการกระทำที่ชั่วร้ายต่าง ๆ พระองค์ได้ตำหนิบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีอย่างรุนแรงด้วยการอ้างถ้อยคำของประกาศกอิสยาห์ “ประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา” (มก 7:6) พระองค์ทรงต้องการให้การกระทำของเราสอดคล้องกับคำพูด

พระเยซูเจ้าได้สอนชาวยิวว่า สิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ไม่ใช่สิ่งที่มาจากภายนอก แต่เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจต่างหาก สิ่งต่าง ๆ ในตัวมันเองไม่ใช่สิ่งที่เป็นมลทิน หรือไม่เป็นมลทิน เพราะทุกอย่างที่พระเจ้าทรงสร้างมาล้วนแต่ดีทั้งนั้น แต่เป็นมนุษย์ที่ทำให้เป็นมลทิน การกระทำของแต่ละคนบ่งบอกเจตนาและความต้องการของเขา บทบัญญัติต่าง ๆ ต้องนำมนุษย์ไปหาพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ นี่คือแก่นแท้และหัวใจของบทบัญญัติ

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องถือบทบัญญัติที่แก่นแท้ ไม่ปฏิบัติตามตัวอักษรเพื่อสนองความต้องการของตน แต่ปฏิบัติตามจิตตารมย์ของบทบัญญัติ เพื่อช่วยเราให้รักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์มากขึ้น เช่น การมาวัดวันอาทิตย์เพื่อนสรรเสริญพระเจ้าพร้อมกับหมู่คณะ มอบชีวิตและความต้องการของเราแด่พระองค์ ขอสมาโทษพระองค์สำหรับบาปที่เราทำ ขอบคุณพระองค์สำหรับพระพรต่าง ๆ และรับพระองค์ในศีลมหาสนิทเพื่อเป็นพลังสำหรับเราในการรักพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องในชีวิตจริง

ประการที่สอง เราต้องแสวงหาพระประสงค์ของเจ้า พระประสงค์ของพระเจ้าต้องสำคัญเป็นลำดับแรกในชีวิตของเรา เราต้องแสวงหาและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าทุกวัน ด้วยการรักพระเจ้าในบุคคลที่เดือดร้อน และให้ความช่วยเหลือผู้ที่จำเป็นเร่งด่วนที่เราพบในชีวิตจริง ชีวิตของเราต้องเป็นเครื่องหมายแห่งพระพรและความรักของพระเจ้าสำหรับบุคคลเหล่านี้

ประการที่สาม เราต้องกลับใจและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีมลทินเกิดจากใจของมนุษย์ ใจของเราเป็นบ่อเกิดของความชั่วช้าและการกระทำที่ผิด อาทิ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเกียจชัง เราต้องกลับใจและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ด้วยการคืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องทางศีลอภัยบาปทุกครั้งที่เราทำบาป

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เราเห็นว่า มิใช่การปฏิบัติตามบทบัญญัติ ธรรมเนียมประเพณี หรือพิธีกรรมภายนอกที่สำคัญ แต่เป็นความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ต่างหากที่เป็นแก่นแท้และหัวใจของทุกสิ่ง ที่ช่วยให้การปฏิบัติศาสนาในชีวิตประจำวันมีคุณค่าและความหมาย ความรักในใจของเราต้องเป็นแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ เพราะ หากปราศจากความรัก ทุกสิ่งที่เราทำย่อมไร้ค่า (เทียบ 1 คร 13:2)

การปฏิบัติศาสนาต้องไม่ใช่ภาวะบีบคั้นที่ต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้ หรือเพื่อทำให้ตนเองดูดีในสายตาของคนอื่น พิธีกรรม ระเบียบ กฎเกณฑ์และบทบัญญัติทางศาสนา ต้องช่วยเพิ่มพูนความรักในใจของเราทั้งต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ศิษย์พระคริสต์ต้องถือบทบัญญัติที่แก่นแท้ แสวงหาและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนพี่น้องในแบบที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เริ่มจากในครอบครัว หมูคณะ และชุมชนวัดของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

31 สิงหาคม 2024

ภาพ : คริสตชุมชนวัดหนองแสง-ดงอี่บ่าง, วานรนิวาส สกลนคร; 2024-08-25

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น