วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

การปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับ

 

การปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับ

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา

ปี B

อสค 2:2-5

2 คร 12:7-10

มก 6:1-6

บทนำ

 ในหนังสือชีวประวัติบุคคลสำคัญของโลก มีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงหลายคนถูกปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับ เช่น  ลุดวิก วาน บีโธเฟน คีตกวีเอกและอัฉริยะด้านดินตรีชาวเยอรมัน ถูกมองว่ามีรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างอึดอัด และชอบประพันธ์เพลงของตัวเองมากกว่าเล่นบทประพันธ์ของศิลปินคลาสสิกในสมัยของเขา ครูไม่เห็นด้วยกับเทคนิคของเขาเรียกเขาว่าสิ้นหวังในฐานะนักแต่งเพลง

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ พูดไม่ได้จนกระทั่งเขาอายุสี่ขวบ และอ่านไม่ออกจนกระทั่งอายุเก้าขวบ ครูที่โรงเรียนบอกว่าเขา “มีจิตใจเชื่องช้า ไม่เข้าสังคม และล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของเขา และเขาจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ”  โธมัส เอดิสัน คุณครูแนะนำพ่อแม่ให้เก็บเขาไว้ที่บ้านและบอกว่า “เขาโง่เกินกว่าจะเรียนรู้สิ่งใด” ชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้บันทึกว่า “ครูทุกคนและพ่อของผมมองว่า ผมเป็นเด็กธรรมดามาก ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานทางสติปัญญาทั่วไป”

เรื่องราวบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของโลกหลายคน เป็นตัวอย่างของการปฏิเสธและการไม่ได้รับการยอมรับจากคนใกล้ชิด เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าที่ถูกชาวนาซาเร็ธปฏิเสธและไม่ยอมรับ เมื่อพระองค์เสด็จกลับนาซาเร็ธบ้านเกิดของพระองค์ พวกเขาพูดกันว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน... คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ... พี่สาวน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” (มก 6: 2-3) พวกเขาได้ปฏิเสธและไม่ยอมรับพระองค์

1.        การปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับ

พระวรสารวันนี้เล่าเรื่องราวของพระเยซูเจ้ากับสถานการณ์ตึงเครียด ในศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธสถานที่ที่พระองค์เคยเจริญวัย ชาวนาซาเร็ธไม่ต้อนรับพระองค์และปฏิเสธที่จะฟังพระองค์เทศน์สอน เพราะอคติและจิตใจคับแคบของพวกเขาที่คิดว่า พระองค์เป็นแค่ลูกของช่างไม้ชื่อโยเซฟ และแม่ชื่อมารีย์หญิงชาวบ้านที่ไม่มีอะไร แล้วพระองค์ได้ปรีชาญาณนี้มาจากไหน พวกเขาอยากให้พระองค์แสดง (อัศจรรย์) ให้พวกเขาได้เห็นว่า พระองค์เป็นพระผู้ไถ่แท้จริง

พระเยซูเจ้ารู้ถึงความต้องการของชาวนาซาเร็ธจึงตรัสว่า ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยาม นอกจากในถิ่นกำเนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติและในบ้านของตน” (มก 6:4) นี่เป็นความจริงที่ทิ่มแทงใจดำของพวกเขา เราอาจตกในบาปเดียวกันกับชาวนาซาเร็ธคือ “อคติและความใจแคบ” จิตใจริษยาและคับแคบทำให้มองไม่เห็นด้านดีของผู้อื่น หรือสิ่งอื่น

พระเยซูเจ้าทรงตอบปัญหานี้ด้วยพระองค์เองเมื่อตรัสว่า “ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ และผู้รับใช้ย่อมไม่อยู่เหนือนาย” (มธ 10:24) นั่นหมายความว่า เมื่อประชาชนปฏิเสธพระองค์ เราไม่ควรแปลกใจหากถูกปฏิเสธบ้าง โดยเฉพาะเมื่อเรายืนหยัดในหลักศีลธรรมและความถูกต้องชอบธรรม อาทิ การต่อต้านการทำแท้ง การไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง และความอยุติธรรมในสังคม

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องกล้าเผชิญหน้ากับการไม่ยอมรับและมองโลกในแง่ดี การไม่ได้รับการยอมรับของพระเยซูเจ้าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เราแต่ละคนมีประสบการณ์การถูกปฏิเสธ การทรยศหักหลัง การอย่าร้าง การไม่เชื่อฟัง การถูกทอดทิ้ง ฯลฯ ให้เรามองดูในอีกด้านหนึ่ง เราอาจไม่ได้เป็นตัวแทนที่ดีของพระเจ้า หรือมองไม่เห็นพระเจ้าในตัวบุคคลอื่น เพราะอคติและความใจแคบที่มองเพียงชาติกำเนิด หรือฐานะทางสังคม

ประการที่สอง เราต้องเผชิญหน้ากับการไม่ยอมรับด้วยท่าทีที่ถูกต้อง ด้วยการยอมรับตัวเราเองและผู้อื่น มิใช่ด้วยความโกรธฉุนเฉียวอย่างที่เราเคยทำ เราต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เรามิใช่คนดีพร้อมและไม่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้ แต่เราต้องมีความอดทนในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ในทุกวิกฤตมีโอกาสที่เราสามารถเรียนรู้ และเปลี่ยนให้เป็นสิ่งดีงามสำหรับชีวิตเราได้

ประการที่สาม เราต้องตระหนักถึงความดีของพระเจ้าท่ามกลางเรา พระเจ้าทรงต้องการให้เราเป็นพยานแห่งความดีกับบุคคลที่เรารักและใกล้ชิดเรา อาทิ สมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้านและผู้ร่วมงาน เราต้องกล้ายืนหยัดถึงความจริงและความถูกต้องของพระเยซูเจ้า ไม่เงียบเฉยต่อความอยุติธรรมและความไม่ถูกต้องของสังคม

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยใจกว้าง ด้วยท่าทีของความเป็นพี่น้องให้สมกับการเป็นบุตรของพระบิดาเจ้าองค์เดียวกัน  มองเห็นความดีขงกันและกันโดยปราศจากอคติ โดยเฉพาะในสังคมที่มีการแบ่งแยกแตกต่าง ความรักของพระเจ้าไม่เคยแบ่งแยก หรือเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มียิว หรือกรีก ไม่มีทาส หรือไท แต่ทุกคนเป็นพี่น้องกัน

คริสตชนต้องตระหนักในความจริงที่ว่า ไม่มีใครดีพร้อม และไม่มีใครเลวแบบหาดีไม่ได้ ดังคติที่ว่า “ในชั่วมีดี ในดีมีชั่ว” หรือ “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” ทุกคนคือฉายาของพระเจ้า ศิษย์พระคริสต์ต้องมองเห็นคุณค่าและความดีของกันและกัน เราไม่ควรตัดสินใครด้วยอคติ หรือมองผู้อื่นเพียงแค่ชาติกำเนิด หรือฐานะทางสังคม แต่มองผู้อื่นในด้านบวกและรู้จักเลือกเอาส่วนดีที่เขามีอยู่

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

6 กรกฎาคม 2024

ภาพ : การเยี่ยมอภิบาลชุมชนกุดจอกใหญ่, อากาศอำนวย, สกลนคร; 2024-07-03

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น