การทดลองในชีวิต
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 1
เทศกาลมหาพรต
ปี B
|
ปฐก 9:
8-15
1 ปต 3: 18-22
มก 1:
12-15
|
บทนำ
แอนโทนี เยทส์
อาศัยในอาพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก
วันหนึ่งเขาได้นำลูกเสืออายุสองเดือนมาเลี้ยงในห้องพักของตนด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง สองปีผ่านไปลูกเสือตัวนั้นกลายเป็นเสือเบงกอลขนาดใหญ่น้ำหนักกว่า
200 กิโลกรัม
เช้าวันหนึ่งตำรวจได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเยทส์ว่าเขาถูกหมากัด
เมื่อตำรวจไปถึงห้องพักชั้นสิบเก้าต้องตกใจ เมื่อพบเยทส์ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีแผลเหวอะวะตามตัว
แขนและขานอนจมกองเลือดอยู่หน้าห้องพัก
เพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ให้ข้อมูลแก่ตำรวจว่าเขาไม่ได้ถูกหมากัด
คงถูกเสือที่เลี้ยงไว้ทำร้าย หลายคนเคยห้ามปรามทักท้วงมิให้เอาสัตว์ป่าดุร้ายมาเลี้ยงในห้องพัก
แต่เขาไม่เชื่อ คิดเพียงว่าสามารถเลี้ยงให้มันเชื่องได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแอนโทนี่
เยทส์ สะท้อนความจริงเกี่ยวกับชีวิตของเรามนุษย์ หากเราพึงพอใจในการผจญหรือการทดลองในชีวิต
ซึ่งมักเริ่มจากสิ่งเล็กน้อย เช่น ขโมยเงิน 10-20
บาท ที่สุดจะตกในบาปที่ชั่วร้ายยิ่งใหญ่กว่านั้นหลายเท่า
เหมือนเรื่องราวของนักร้องร็อกเกอร์ผู้โด่งดังคับฟ้าเมืองไทย
ที่เปิดเผยในรายการวาไรตี้รายการหนึ่งเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2012
เขาสารภาพว่าหลงเดินทางผิด เข้าไปพัวพันกับ “ยาเสพติด” ตามอย่างนักร้องนักดนตรีต่างประเทศ เขาคิดว่าตนเอง “เอาอยู่”
สามารถควบคุม “ยานรก” ได้ แต่สิ่งที่เขาคิดดูเหมือนตรงข้ามเพราะยาเสพติดมีแต่ให้โทษและถลำลึกมากกว่าเดิม
จนเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตที่กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนพูดถึง (Talk of
the town)
1.
การทดลองในชีวิต
ไม่มีใครในโลกที่มีชีวิตที่สมบูรณ์
โดยไม่เคยถูกทดลองเลย พระเยซูเจ้า บุตรพระเจ้าที่ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์มีประสบการเกี่ยวกับการทดลองเช่นเดียวกัน
เพื่อพระองค์จะได้เข้าใจชีวิตมนุษย์ในแบบที่ครบถ้วน
ปิตาจารย์ของพระศาสนจักรอธิบายว่าพระเยซูเจ้าทรงถูกทดลองในถิ่นทุรกันดาร ภายหลังรับพิธีล้างจากยอห์น
บัปติสต์ ดังนั้น ศีลล้างบาปและศีลอภัยบาปเป็นอาวุธสำคัญและจำเป็นในการเอาชนะปีศาจและการทดลอง
เหตุผลที่เราแต่ละคนถูกทดลอง
ปิตาจารย์ของพระศาสนจักรอธิบายว่า
1) เพื่อให้เราสามารถเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของตนว่า
ความจริงแล้วเราเข้มแข็งกว่าการทดลอง
2) เพื่อเราจะได้ไม่หยิ่งทะนงตนจนเกินไปในพระพรที่ได้รับจากพระเจ้า
3) เพื่อปีศาจจะได้รับรู้ว่าเราปฏิเสธมัน
4) เพื่อทำให้เราเข้มแข็ง
5) เพื่อเราจะได้ตระหนักถึงคุณค่าแห่งพระหรรษทานที่เราได้รับ
นักบุญมาระโกไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการทดลองของพระเยซูเจ้า
เหมือนนักบุญมัทธิวและลูกา แต่เน้นที่พระดำรัสของพระองค์ในการเริ่มพันธกิจในฐานะพระแมสิยาห์
ซึ่งถือเป็นการสรุปพันธกิจของพระองค์ในการเสด็จมาในโลก
1) “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว” ข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงประกาศ ช่วยให้เราได้เข้าใจว่าพระเจ้าทรงทำงานอยู่ท่ามกลางเรา
ซึ่งเราสามารถสัมผัสและมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้ในพระบุคคลของพระคริสตเจ้า
2) “อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว” อาณาจักรที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสถึงมิใช่สถานที่
แต่เป็นพลังแห่งความรักและการปกครองของพระเจ้า ที่ปรากฏในพระบุคคลของพระเยซูเจ้า
พลังแห่งความรักเมตตาและการให้อภัยของพระเจ้า ปรากฏในคำสอนและการกระทำของพระองค์
ที่ทรงปลดปล่อยและนำคนบาปให้มาเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
3) “จงกลับใจ” สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องคือ การเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองจากภายในแบบถอนรากถอนโคน
หันหลังให้บาปหรือความประพฤติไม่ดีต่างๆ ในชีวิต
กลับมาหาพระเจ้าและเดินในหนทางที่ถูกต้อง
4) “เชื่อข่าวดีเถิด” ความเชื่อแท้จริงเรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตประจำวันตามคุณค่าพระวรสาร
วางใจและแสวงหาพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางศีลแห่งการคืนดี
เพื่อเราจะได้รับการเยียวยารักษาและการอภัยบาปจากพระองค์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับคริสตชนหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องต่อสู้และเอาชนะการทดลองในชีวิต เราไม่อาจหลีกเลี่ยงการทดลองและความชั่วที่ยั่วยวนเรา พระเยซูเจ้าไม่ได้ชนะปีศาจในถิ่นทุรกันดาร แต่ทรงชนะมันในการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เทศกาลมหาพรตต้องเตือนใจเราให้พยายามเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีและความชั่วในตัวเรา โดยไม่สิ้นหวังหรือเลิกล้มความตั้งใจ ทรงให้ความมั่นใจกับเราว่าพระจิตเจ้าทรงประทานพลังให้เราสามารถเอาชนะมันในที่สุด
ประการที่สอง เราต้องฟื้นฟูชีวิตของตน ตลอดเทศกาลมหาพรตต้องเป็นช่วงเวลาที่เราเอาจริงเอาจัง ในการใช้โทษบาปและอธิษฐานภาวนา ชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์จากความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ เพื่อเตรียมเฉลิมฉลองธรรมล้ำลึกปัสกาพร้อมกับพระเยซูเจ้า ด้วยการไตร่ตรองตนเองในฐานะคริสตชน นำพระวาจาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และบุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็น
ประการที่สาม เราต้องทำให้ชีวิตฝ่ายจิตเจริญเติบโต ด้วยการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณประจำวัน การอธิษฐานภาวนาส่วนตัวให้มากขึ้น การอ่านและรำพึงพระวาจาของพระเจ้า การลด ละ เลิกเหล้า บุหรี่ การพนัน และยาเสพติดทุกชนิด การไปรับศีลอภัยบาปและร่วมพิธีเดินรูปสิบสี่ภาคทุกวันศุกร์ การอดสิ่งฟุ่มเฟือยเพื่อออมเงินสำหรับช่วยเหลือสังคมและงานสาธารณะกุศล หรือการเยี่ยมเยียนคนป่วยและงานเมตตาจิตต่างๆ เป็นพิเศษ
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
เราได้เข้าสู่เทศกาลมหาพรตแล้ว เราควรใช้เวลาตลอด 6 สัปดาห์ในการอธิษฐานภาวนา
การอดอาหาร และการให้ทาน
เพื่อการชำระจิตใจและฟื้นฟูชีวิตของเราในการติดตามองค์พระคริสตเจ้า นำเราให้มีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระองค์
เราถูกเรียกให้ก้าวไปข้างหน้าและฉายแสงแห่งความเชื่อวางใจ การรับใช้ และแสดงเมตตาจิตต่อผู้อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางการอธิษฐานภาวนาและการพลีกรรมใช้โทษบาป
พระวรสารวันนี้บอกเราว่า นี่เป็นเวลาที่เราต้องหันมาหาพระเจ้า
เพราะอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว
เราต้องสำนักผิด กลับใจเปลี่ยนแปลงตนเองจากวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่างๆ
เชื่อและเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสารในชีวิตประจำวัน
ในความรักเมตตาต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง และพร้อมอภัยความผิดของกันและกัน เป็นต้น ในครอบครัว สังคม
หมู่คณะ และชุมชนของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
San Tomasso Ashram, วัดแม่พระแห่งภูเขาการ์แมล
ป่าพนาวัลย์
17 กุมภาพันธ์ 2018
ที่มาภาพ: http://www.integratedcatholiclife.org/wp-content/uploads/duccio-di-buoninsegna-the-temptation-of-christ-on-the-mountain-featured-w740x493.jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น